ความรู้ทั่วไป สารนิเทศ การศึกษา คอมพิวเตอร์ >>
กฎหมายไทย - พระราชบัญญัติ
พระราชบัญญัติ รับราชการทหาร พ.ศ. 2497
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2497
เป็นปีที่ 9 ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร เสียใหม่ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้ โดยคำแนะนำและยินยอมของสภาผู้แทนราษฎร ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า พระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497
มาตรา 2* พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
*[รก.2497/13/195/13 กุมภาพันธ์ 2497]
มาตรา 3 ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พุทธศักราช 2479
มาตรา 4 ในพระราชบัญญัตินี้
(1) วิธีนับอายุ ถ้าเกิดพุทธศักราชใดให้ถือว่ามีอายุครบหนึ่งปีบริบูรณ์ เมื่อสิ้นพุทธศักราชที่เกิดนั้น ส่วนการนับอายุต่อไปให้นับแต่เฉพาะปีที่สิ้น พุทธศักราชแล้ว ถ้าไม่ปรากฏปีเกิดให้นายอำเภอท้องที่เป็นผู้กำหนด ตามที่ กำหนดในกฎกระทรวง
(2)* ทหารกองเกิน หมายความว่า ผู้ซึ่งมีอายุตั้งแต่สิบแปดปี บริบูรณ์และยังไม่ถึงสามสิบปีบริบูรณ์ ซึ่งได้ลงบัญชีทหารกองเกินตามมาตรา 16 หรือผู้ซึ่งได้ลงบัญชีทหารกองเกินตามมาตรา 18 แล้ว
*[นิยามคำนี้แก้ไขโดยพระราชบัญญัติฯ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2516]
(3) ทหารกองประจำการ หมายความว่า ผู้ซึ่งขึ้นทะเบียนกอง ประจำการ และได้เข้ารับราชการในกองประจำการจนกว่าจะได้ปลด
(4) ทหารกองหนุนประเภทที่ 1 หมายความว่า ทหารที่ปลดจาก กองประจำการ โดยรับราชการในกองประจำการจนครบกำหนด หรือทหาร กองเกินซึ่งสำเร็จการฝึกวิชาทหารตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการฝึก วิชาทหาร และได้ขึ้นทะเบียนกองประจำการแล้วปลดเป็นกองหนุนตาม พระราชบัญญัตินี้
(5) ทหารกองหนุนประเภทที่ 2 หมายความว่า ทหารที่ปลดจาก กองเกินตามมาตรา 39 หรือปลดจากกองประจำการตามมาตรา 40
(6) พ้นราชการทหารประเภทที่ 1 หมายความว่า ทหารซึ่งถูก
ปลดโดยที่ได้รับราชการในชั้นต่างๆจนครบกำหนดหรือโดยที่พิการทุพพลภาพ
หรือมีโรคซึ่งไม่สามารถจะรับราชการทหารได้ในระหว่างรับราชการทหารตาม
พระราชบัญญัตินี้
(7) พ้นราชการทหารประเภทที่ 2 หมายความว่า ทหารกองหนุน ประเภทที่ 2 ที่มีอายุสี่สิบหกปีบริบูรณ์แล้วหรือทหารกองเกิน หรือทหารกองหนุน ประเภทที่ 2 ซึ่งพิการทุพพลภาพ หรือมีโรคอันไม่สามารถจะรับราชการทหาร ได้ในระหว่างรับราชการทหารตามพระราชบัญญัตินี้ หรือนายทหารสัญญาบัตร ที่ถูกปลดโดยถูกถอดหรือออกจากยศ
(8) ทหารประจำการ หมายความว่า ทหารซึ่งรับราชการตามที่ กระทรวงกลาโหมกำหนดซึ่งไม่ใช่ทหารกองประจำการ
(9)* อำเภอ หมายความรวมถึงกิ่งอำเภอด้วย
(10)* ที่ว่าการอำเภอ หมายความรวมถึงที่ว่าการกิ่งอำเภอด้วย
(11)* นายอำเภอ หมายความรวมถึงปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำ กิ่งอำเภอด้วย
*[บทนิยามตาม (9) (10) และ (11) ของมาตรา 4 เพิ่มเติมโดย ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 226 ฯ (พ.ศ. 2515)]
มาตรา 5* บุคคลซึ่งต้องลงบัญชีทหารกองเกิน ให้ลงบัญชีที่อำเภอ ดังต่อไปนี้
(1) บุคคลซึ่งบิดายังมีชีวิตอยู่ หรือถ้าบิดาถึงแก่กรรมแล้วมารดายังมี ชีวิตอยู่ หรือถ้าทั้งบิดาและมารดาถึงแก่กรรมแล้วมีผู้ปกครอง ให้ลงบัญชีทหาร กองเกินที่อำเภอท้องที่ที่บิดาหรือมารดาหรือผู้ปกครองมีภูมิลำเนา แล้วแต่กรณี
(2) บุคคลซึ่งเกิดนอกสมรสและบิดามิได้จดทะเบียนรับรองบุตร หรือถ้ามารดาถึงแก่กรรมแล้วมีผู้ปกครอง ให้ลงบัญชีทหารกองเกินที่อำเภอ ท้องที่ที่มารดาหรือผู้ปกครองมีภูมิลำเนา แล้วแต่กรณี
(3) บุคคลนอกจากที่กล่าวใน (1) และ (2) หรือบุคคลที่ไม่อาจ ลงบัญชีทหารกองเกินตาม
(1) หรือ (2) ได้ไม่ว่าด้วยกรณีใดก็ตาม ให้ลง
บัญชีทหารกองเกินที่อำเภอท้องที่ที่บุคคลนั้นมีภูมิลำเนา ถ้าบุคคลนั้นไม่ปรากฏ
ภูมิลำเนาก็ให้ลงบัญชีทหารกองเกินที่อำเภอท้องที่ที่พบตัวบุคคลนั้น
เมื่อได้ลงบัญชีทหารกองเกินแล้วให้ถือว่าผู้นั้นมีภูมิลำเนาทหารอยู่ใน ท้องที่อำเภอที่ได้ลงบัญชีทหารกองเกิน ภูมิลำเนาทหารให้มีได้เพียงแห่งเดียว
*[มาตรา 5 แก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 226 ฯ (พ.ศ. 2515)]
มาตรา 6 การเรียกและการตรวจเลือกคนเข้าเป็นตำรวจกอง ประจำการตลอดถึงการยกเว้นและการปลดตำรวจซึ่งอยู่ในกองประจำการ ให้ปฏิบัติเช่นเดียวกันกับการเรียกและการตรวจเลือกคนเข้าเป็นทหารกอง ประจำการ การยกเว้น และการปลดทหาร
การเรียกคนเข้ากองประจำการเป็นตำรวจ ให้กระทรวงมหาดไทย
ทำได้โดยตกลงกับกระทรวงกลาโหม
หมวด 1
บททั่วไป
______
มาตรา 8 การรับบุคคลเข้าเป็นทหารกองประจำการ ให้กระทำด้วย วิธีเรียกมาตรวจเลือก หรือจะรับเข้าเป็นทหารกองประจำการโดยวิธีอื่น ตามที่กำหนดในกฎกระทรวงก็ได้
ถ้ามีความจำเป็น การรับบุคคลเข้าเป็นทหารกองประจำการจะไม่
กระทำในบางท้องที่ก็ได้
มาตรา 9* ทหารกองเกินซึ่งมีอายุตั้งแต่สิบแปดปีบริบูรณ์และยังไม่ถึง สามสิบปีบริบูรณ์ เป็นผู้ที่อยู่ในระหว่างที่จะต้องเข้ารับราชการทหารกอง ประจำการ และเมื่อต้องเข้ากองประจำการจะต้องเข้ารับราชการทหารกอง ประจำการมีกำหนดสองปี ส่วนผู้ซึ่งมีคุณวุฒิพิเศษหรือมีกรณีพิเศษ จะให้รับ ราชการทหารกองประจำการน้อยกว่าสองปีตามที่กำหนดในกฎกระทรวงก็ได้ แต่สำหรับผู้ซึ่งมีคุณวุฒิพิเศษนั้น จะอ้างสิทธิดังกล่าวได้ต่อเมื่อได้แสดงหลักฐาน ต่อคณะกรรมการตรวจเลือกในวันตรวจเลือก หรือต่อหน่วยทหารที่ตนร้องขอ เข้ารับราชการในวันร้องขอ
วันเริ่มเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ให้นับแต่วันขึ้นทะเบียน กองประจำการ ในกรณีที่ทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการ แล้ว แต่ยังขึ้นทะเบียนกองประจำการให้ไม่ได้ในวันที่ทหารกองเกินเข้ารับ ราชการทหารกองประจำการนั้น จะขึ้นทะเบียนกองประจำการภายหลังจาก วันเข้ารับราชการทหารกองประจำการก็ได้ และให้ถือว่าผู้นั้นได้ขึ้นทะเบียน กองประจำการตั้งแต่วันที่เข้ารับราชการทหารกองประจำการ เมื่ออยู่ใน กองประจำการจนครบกำหนดแล้ว ให้ปลดเป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 1 ดังนี้
กองหนุนชั้นที่ 1 เจ็ดปี
กองหนุนชั้นที่ 2 สิบปี
กองหนุนชั้นที่ 3 หกปี
ตามลำดับชั้นไปจนปลดพ้นราชการทหารประเภทที่ 1
บุคคลซึ่งสำเร็จการฝึกวิชาทหารตามหลักสูตรที่กระทรวงกลาโหม กำหนดตามกฎหมายว่าด้วย
การส่งเสริมการฝึกวิชาทหารและมีลักษณะตามที่ กำหนดในกฎกระทรวง
จะให้รับราชการทหารกองประจำการน้อยกว่าสองปี
หรือให้ขึ้นทะเบียนกองประจำการแล้วปลดเป็นทหารกองหนุนประเภท 1
โดยมิต้องเข้ารับราชการทหารกองประจำการก็ได้ ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์
และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง แต่จะอ้างสิทธิดังกล่าวได้ต่อเมื่อได้
แสดงหลักฐานต่อคณะกรรมการตรวจเลือกในวันตรวจเลือก หรือต่อหน่วย
ทหารที่ตนร้องขอเข้ารับราชการในวันร้องขอ หรือต่อหน่วยที่ขึ้นทะเบียน กองประจำการ แล้วแต่กรณี ส่วนที่จะให้อยู่ในกองหนุนชั้นใดและเป็นเวลา เท่าใดนั้น ให้ปฏิบัติเช่นเดียวกับการปลดทหารกองเกินที่ต้องเข้ารับราชการ ทหารกองประจำการตามวรรคสอง
ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและสัสดีจังหวัดออกหนังสือสำคัญให้แก่ ทหารที่ถูกปลดเป็นทหารกองหนุนไว้เป็นหลักฐาน หากหนังสือสำคัญชำรุด หรือสูญหาย ให้ผู้ถือแจ้งต่อนายอำเภอท้องที่เพื่อขอรับหนังสือสำคัญใหม่ โดยเสียค่าธรรมเนียมฉบับละหนึ่งบาท แต่ถ้าการชำรุดหรือสูญหายนั้นเป็น เพราะเหตุสุดวิสัยก็ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม
*[มาตรา 9 แก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 226 ฯ (พ.ศ. 2515)]
มาตรา 10 นักเรียนทหาร เมื่อมีอายุสิบแปดปีบริบูรณ์ให้ขึ้นทะเบียน กองประจำการ ถ้าต้องออกจากนักเรียนในขณะที่อยู่ในกองประจำการยังไม่ ครบกำหนด ให้ส่งตัวไปรับราชการในกรมกองทหารจนกว่าจะครบกำหนด
มาตรา 11 การรับราชการทหารประจำการ การแบ่งประเภท และการปลดทหารประจำการ ให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบแบบแผน ของกระทรวงกลาโหม
ทหารประจำการนั้น ถ้ายังมิได้ขึ้นทะเบียนกองประจำการ ก็ต้อง ขึ้นทะเบียนกองประจำการ และรับราชการในกองประจำการจนครบกำหนด ตามพระราชบัญญัตินี้ เว้นแต่กระทรวงกลาโหมจะสั่งปลดเป็นทหารประเภทอื่น
มาตรา 12* บุคคลซึ่งได้ลงบัญชีทหารกองเกินตามมาตรา 16 หรือ
ทหารกองเกินหรือทหารกองหนุนผู้ใดประสงค์จะไปอยู่ต่างท้องที่ในอำเภอ
เดียวกันหรือต่างอำเภอเป็นการชั่วคราวเกินสามสิบวัน ให้แจ้งต่อนายอำเภอ
ท้องที่ที่ตนเข้ามาอยู่ และให้นายอำเภอที่ได้รับแจ้งทำการสอบสวนและออก ใบรับให้
แล้วแจ้งให้นายอำเภอท้องที่ที่ผู้นั้นมีภูมิลำเนาทหารทราบ
ถ้าบุคคลตามวรรคหนึ่งประสงค์จะย้ายภูมิลำเนาทหาร ให้แจ้งต่อ นายอำเภอท้องที่ที่ตนเข้ามาอยู่นั้น ให้นายอำเภอที่ได้รับแจ้งทำการสอบสวน เมื่อพิจารณาเห็นว่าผู้ขอย้ายได้มาตั้งทำมาหาเลี้ยงชีพเป็นประจำหรือมีที่อยู่ เป็นหลักฐานและไม่ประสงค์จะหลีกเลี่ยงการรับราชการทหาร ก็ให้แจ้งไปยัง นายอำเภอท้องที่ที่เป็นภูมิลำเนาทหารเดิมทราบ เมื่อได้รับตอบยืนยันเป็น การถูกต้องจึงให้รับแจ้งการย้ายภูมิลำเนาทหารของบุคคลนั้นและออกใบรับให้ แล้วให้นายอำเภอที่เกี่ยวข้องแจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดของตนทราบ
การแจ้งย้ายตามวรรคหนึ่งและวรรคสองให้กระทำภายในสามสิบวัน นับแต่วันที่ย้ายเข้ามาอยู่ในท้องที่
*[มาตรา 12 แก้ไขโดยพระราชบัญญัติฯ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2516]
มาตรา 12 ทวิ* บุคคลซึ่งได้ลงบัญชีทหารกองเกินตามมาตรา 16 หรือทหารกองเกินหรือทหารกองหนุนผู้ใดได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนชื่อตัวหรือชื่อสกุล ให้ผู้นั้นนำหลักฐานไปแจ้งต่อนายอำเภอท้องที่ที่เป็นภูมิลำเนาทหารทราบภายใน สามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับอนุญาต ให้นายอำเภอออกใบรับให้และแก้ใบสำคัญ และบัญชีให้ถูกต้อง ในกรณีหนังสือสำคัญหรือใบสำคัญที่จังหวัดเป็นผู้ออก ให้ส่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดและสัสดีจังหวัดจัดการแก้
*[มาตรา 12 ทวิ เพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติฯ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2516]
|
หน้าถัดไป »