ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>

มิลาเรปะ

วิหารเทียมฟ้า จันแพน

จากรักม่า ท่านมิลาเรปะ ได้มาบำเพ็ญเพียรที่วิหารจันแพน ซึ่งตั้งอยู่บนภูเขาสูง วันหนึ่งมีลิงเข้ามาในกุฏิของท่าน มันขี่มาบนหลังกระต่าย พกอาวุธที่ทำจากดอกเห็ดพร้อมด้วยธนูซึ่งใช้กิ่งไม้เป็นลูกศร ท่านรู้สึกขบขันต่อท่าทางของมันมาก ร่างจำแลงของปีศาจได้กล่าวกับท่านว่า “ท่านมาบำเพ็ญเพียรอยู่ ณ สถานที่แห่งนี้โดยไม่มีความหวาดหวั่นหลงเหลืออยู่ในดวงใจเลย ดังนั้นท่านหมดความจำเป็นที่จะต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป” ท่านได้กล่าวตอบว่า “อาตมาได้ตระหนักชัดอย่างสมบูรณ์แล้วว่าปรากฏการณ์ทั้งหลายทั้งปวงนั้น โดยที่แท้แล้ว เป็นเพียงพฤติภาพแห่งการกำหนดหมายของดวงจิตเท่านั้นเอง และธรรมชาติของจิตเองก็คือสิ่งเดียวกับสุญตภาวะอันเป็นกายแห่งธรรม ไม่ว่าบรรดาภูตผีปีศาจจะสำแดงฤทธิ์เดชเพียงใดก็ตาม มันล้วนเป็นเพียงเรื่องน่าขบขันสำหรับอาตมา” ในที่สุดปีศาจโดรแตง ซึ่งเป็นหัวหน้าใหญ่ของบรรดาปีศาจซึ่งอาศัยอยู่บริเวณนั้น ก็อันตรธานไปดุจสายรุ้งเลือนหายไปจากท้องฟ้าฉะนั้น ต่อแต่นั้นมาได้มีชาวบ้านขึ้นมารับฟังธรรมเทศนาจากท่านเสมอ
วันหนึ่ง โยมอุปปัฏฐากจากโดรแตง มาเยี่ยมเยียนท่าน และได้ถามถึงอานิสงส์ที่ได้รับจากวิหารเทียมฟ้าจันแพน ท่านมิลาเรปะได้กล่าวตอบว่า
อาตมาขอน้อมเศียรเกล้าลงกราบท่านอาจารย์ ผู้ศักดิ์สิทธิ์
ได้โปรดฟังคุณโยม อาตมาจะบอกให้ฟังถึงบุญกุศลแห่งสถานที่นี้

ภายใต้ห้วงเวหาอันสงบสงัดแห่งวิหารเทียมฟ้าจันแพน
ลอยเด่นสูงลิบ คือหมู่เมฆที่รวมตัวกัน
สายสีน้ำเงินที่อยู่ต่ำลงไปไกลยังเบื้องล่าง แม่น้ำซางกำลังไหลริน

เบื้องหลังของอาตมา คือสวนสวรรค์แห่งหุบเขาอัญมณีแดง
ที่ปลายเท้าของอาตมา ดอกไม้ป่าบานสะพรั่ง เบียดเสียดกันหนาแน่นชูช่อไสว

ปากถ้ำที่พำนักของอาตมา สัตว์ป่าแวะเวียนมาเสมอ บ้างส่งเสียงร้อง บ้างส่งเสียงคำรามกึกก้อง
ในห้วงนภากาศ หมู่แร้ง และบรรดานกอินทรีย์ ถลาร่อนวนเวียนไปรอบๆ อย่างอิสรเสรี

ฝูงผึ้งประสานเสียงด้วยบทเพลงของมัน
นางม้าป่าหลายตัวและลูกๆของมัน ควบตะบึงเผ่นโผนโจนทะยานอย่างร่าเริง
ธารน้ำไหลรินส่งเสียงพร่ำรำพรรณเมื่อปะทะกับก้อนศิลาน้อยใหญ่
ฝูงลิงอาศัยหมู่ไม้สำหรับกระโดดโลดแล่นไปพร้อมเสียงกู่ร้องหากัน

สรรพสำเนียงที่อาตมาได้สดับนี้ เป็นเพื่อนที่แสนดีของอาตมา
อานิสงส์ที่ได้รับจากสถานที่แห่งนี้ ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถจินตนาการถึงมันได้
ณ บัดนี้ อาตมาได้แสดงสัมพันธภาพของมันไว้ในบทโศลกของอาตมา

คุณโยมที่แสนดี จงได้สวดภาวนาเพื่อติดตามอาตมาไปในสัมมาอริยมรรค
จงขจัดอกุศลและบำเพ็ญแต่กุศล
คำแนะนำของอาตมา หลั่งไหลออกมาจากดวงใจโดยไม่ต้องพากเพียรพยายาม

มีนักบวชตันตริกรูปหนึ่งที่อยู่ท่ามกลางเหล่าโยมอุปปัฏฐาก ได้กล่าวกับท่านมิลาเรปะว่า “เราจะยินดีมาก ถ้าท่านจะได้อธิบายถึงแก่นสารสาระของ ทิฐิ, สมาธิภาวนา, และกรรม เพื่อเป็นของกำนัลสำหรับพวกเรา”
ท่านมิลาเรปะได้กล่าวแสดงว่า

ความกรุณาของท่านอาจารย์ได้หยั่งลงอย่างล้ำลึกในดวงใจของอาตมา
ขอจงได้โปรดอวยพรชัยให้อาตมา ได้ตระหนักชัดถึงสัจจะแห่งอนัตตาธรรมโดยสมบูรณ์ด้วยเทอญ
เพื่อแสดงถึงประสบการณ์ของอาตมาแก่ท่านทั้งหลายผู้เปี่ยมไปด้วยความภักดี
และเพื่อเป็นเครื่องสักการบูชาต่อปวงเทพยดา
อาตมาขอกล่าวแสดงธรรม ณ บัดนี้ จงได้โปรดรับฟัง

ปรากฏการณ์ทั้งหลายทั้งปวง สุญตภาวะ และความไม่แตกต่างของสรรพสิ่ง
ทั้งสามประการนี้คือความหมายอันเด่นชัดของของคำว่าสัมมาทิฐิ
ความตระหนักชัด ความคิดที่ไม่หลั่งไหล และการปราศจากสิ่งรบกวน
ทั้งสามประการนี้คือความหมายอันเด่นชัดของการปฏิบัติบำเพ็ญสมาธิภาวนา
การสิ้นอุปาทานยึดมั่น การสละปล่อยวางและการไม่กำหนดหมายแยกแยะเทียบเคียงใดๆ
สามสิ่งนี้คือความหมายอันชัดเจนของการประกอบกรรม
สงบจากความหวัง สงัดจากความกลัวและปราศจากความฟุ้งซ่านกังวลใดๆ
ทั้งสามสิ่งนี้คือความหมายอันชัดเจนของการตรัสรู้
ความไม่ต้องพัก ความไม่ต้องเพียรและการระงับอวิชชาสังขาร
ทั้งสามสิ่งนี้คือความหมายอันชัดเจนของพระธรรมคำสอน
เมื่อได้ฟังโศลกธรรมของท่านมิลาเรปะจบ โยมอุปปัฏฐากต่างพากันเดินทางกลับหมู่บ้าน สามสี่วันต่อมา สานุศิษย์กลุ่มใหญ่ ได้มากราบนมัสการท่านมิลาเรปะ และซักถามถึงสุขภาพพลานามัยของท่าน และยังแสดงความปรารถนาดีของพวกเขาทั้งหลายที่มีต่อท่านด้วย ท่านมิลาเรปะได้กล่าวโศลกธรรมว่า

กราบลง ณ เบื้องบาทของท่านอาจารย์ ณ ดินแดนอันสงบวิเวกปราศจากผู้ย่างกรายเข้าไป
อาตมาผาสุกสำราญอยู่กับการบำเพ็ญปฏิบัติธรรม
การเดินจงกรมด้วยดวงจิตที่ปราศจากนิวรณ์ทั้งห้า ท่ามกลางความเงียบสงบของป่า
ยังความรื่นรมย์เยือกเย็นใจยิ่งนัก

แม้จะพ้นแล้วจากความเจ็บป่วยและขัดข้องใดๆ อาตมาไม่เคยละเลยต่อกายสังขารอันเป็นมายานี้
อาตมาไม่นอน แต่นั่งอยู่ด้วยความสงบระงับยิ่ง ตลอดกาลในสัมมาสมาธิ อันกอปรด้วยอนิจสัญญา
อาตมาได้บรรลุถึงความหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวง
การเป็นอยู่ด้วยเตโชกสิณที่ขจัดความหนาวเย็นเป็นสิ่งวิเศษโดยแท้
ไม่ต้องพากเพียรพยายามใดๆ
เพราะอาตมาเข้าถึงตถาตภาพแห่งความเป็นไปเองตามธรรมชาติด้วยความมีสติที่สมบูรณ์
เหล่านี้เป็นความสุขสงบยิ่งแห่งกายสังขาร
ปรีชาญาณในภายในที่รู้แจ้งถึงเอกสภาวะเดียวของสรรพสิ่ง
การบำเพ็ญอานาปานสติภาวนา
ด้วยความตระหนักชัดถึงการปราศจาก การมา การไป และการหยุดอยู่
การระงับวาจาเพราะปราศจากมิตรและข้อสนทนา เหล่านี้คือความสุขสงบยิ่งแห่งวจีสังขาร
ด้วยความดับไม่เหลือแห่งอุปาทานในเบญจขันธ์ ไม่ต้องมีความหวังและพากเพียรใดๆอีก
ปราศจากความลังเลสงสัยใดๆ เหล่านี้เป็นความสุขสงบยิ่งแห่งมโนสังขาร

ธรรมบรรยายแห่งความผาสุกด้วยความบริสุทธิ์ของพระรัตนตรัยอันยิ่งใหญ่นี้
หลั่งไหลอย่างเสรีผ่านดวงใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยปฏิเวธธรรมของอาตมา
บุคคลผู้ปรารถนาต่อพระโพธิญาณย่อมดำเนินตามเส้นทางนี้

สานุศิษย์กล่าวกับท่านมิลาเรปะว่า “มหัศจรรย์จริงหนอ สำหรับความผาสุกทั้งกาย วจี และมโน ที่ท่านเพิ่งกล่าวแสดง มันอุบัติขึ้นมาได้อย่างไรกันหนอ?” ท่านมิลาเรปะกล่าวตอบว่า “มันอุบัติขึ้นโดยความรู้แจ้งตระหนักชัดแห่งดวงจิต” เหล่าสานุศิษย์กล่าวว่า “แม้ว่าพวกเราไม่เคยมีความสามารถที่จะ บรรลุถึงความผาสุกดุจเดียวกับท่านอาจารย์ พวกเราก็ยังหวังจะได้รับความสุขเล็กๆน้อยๆบ้าง พวกเราขอให้ท่านอาจารย์ สอนพวกเราในสิ่งที่เข้าใจได้โดยง่าย และสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง อันจักนำพาพวกเราเข้าสู่แก่นสารสาระของธรรมชาติแห่งดวงจิต” ท่านมิลาเรปะได้แสดงโศลกธรรมชื่อ “สิบสองนัยยะแห่งธรรมชาติของจิต”
อาตมาขอน้อมเศียรเกล้ากราบลง ณ เบื้องบาทของท่านอาจารย์
ถ้าเธอทั้งหลายต้องการรู้แจ้งตระหนักชัดถึงสาระของธรรมชาติแห่งจิต
พวกเธอสมควรจะได้ฝึกฝนปฏิบัติตามคำสอนต่อไปนี้

ศรัทธา ธรรมวิจัย และ สำรวมอินทรีย์
ทั้งสามสิ่งนี้ คือแรงดลบันดาลแห่งจิต มันเป็นสามสิ่งที่เธอต้องบ่มเพาะขึ้นมา

ปราศจากตัณหาราคะ ปราศจากความยึดมั่น และปราศจากโมหะ
ทั้งสามสิ่งนี้คือเกราะคุ้มครองดวงจิต
มันเบาที่จะสวมใส่ มันแข็งแกร่งที่จะปกป้องจากผองภัย
มันเป็นเกราะคุ้มภัยที่เธอสมควรแสวงหา

การบำเพ็ญสมาธิภาวนา ความอุตสาหะ และขันติธรรม
ทั้งสามสิ่งนี้ เป็นอาชาไนยตัวประเสริฐของจิต
มันวิ่งเร็วและหนีหายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
ถ้าเธอกำลังมองหาม้า นี้คืออาชาไนยที่แสนดี

สติ ความรู้แจ้ง และ ความที่ยิ่งกว่าสุข
ทั้งสามสิ่งนี้ เป็นผลไม้อันหอมหวานแห่งดวงจิต
จงหว่านเมล็ด จงเพาะเลี้ยง จงรดน้ำ และจักผลิดอกออกผล
ถ้าเธอกำลังหาผลไม้ ทั้งสามสิ่งนี้เป็นผลไม้ที่เธอสมควรแสวงหา

อุบัติขึ้นมาจากสัมมาญาณทัสสนะ โศลกธรรมแห่งสิบสองนัยยะของดวงจิตจึงถูกกล่าวแสดง
ด้วยพลังแห่งศรัทธาของเธอ จงได้ปฏิบัติบำเพ็ญอย่างต่อเนื่อง คุณโยมทั้งหลายที่แสนดีของอาตมา

บรรดาญาติโยมต่างมีศรัทธาในตัวท่านมิลาเรปะเพิ่มมากขึ้น ได้พากันปรนนิบัติและถวายจตุปัจจัยต่อท่านอย่างดี จากนั้น ท่านมิลาเรปะตกลงใจที่จะเดินทางต่อไปยังท้องทุ่งหิมะแห่งเมืองยลโม นี้คือเรื่องราวของท่านมิลาเรปะที่วิหารเทียมฟ้า จันแพน

» เกี่ยวกับท่านมิลาเรปะ

» ตำนานแห่งหุบเขาอัญมณีแดง

» การจาริกธุดงค์สู่ ลาชิ

» ธรรมลีลาแห่งเทศกาลหิมะโปรย

» วิวาทะกับเจ้าแม่ผู้ชาญฉลาด

» มณฑล รักม่า

» วิหารเทียมฟ้า จันแพน

» ธรรมปิติของสมณะ

» ท่านมิลาเรปะ กับนกพิราบ

» หุบเขา วัชชระ สีเทา

» ภิกษุ เรชุงปะ

» ข้อตักเตือนถึงโอกาสที่หาได้ยากในการปฏิบัติธรรม

» การค้นหาธรรมชาติแห่งจิตของชายเลี้ยงแกะ

» ธรรมคีตาแห่งความตระหนักชัด

» การมุ่งสู่โพธิญาณของสตรีเพศ

» ธรรมคีตา ณ ที่พักผู้เดินทาง

» พาลชนที่กลายเป็นสาวก

» การพบกันที่สายธารสีเงินยวง

» นิมิตหมายแห่งพระธรรมจากไม้เท้า

» ข้อชี้นำยี่สิบเอ็ดประการ

» ภิกษุ กาชอนเรปะ

» คำตักเตือนสำหรับท่าน ธัมมะวอนชู

» การแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ ณ ภูเขาหิมะดีซี

» การบรรลุธรรมจักษุของท่าน เรชุงปะ

» การกลับใจของชาวลัทธิ บอน ผู้กำลังจะตาย

» แสดงธรรมกับหญิงสาวผู้ชาญฉลาด

» นายพรานกับกวาง

» พระราชาแห่ง เนปาล

» เผชิญเจ้าแม่ ทเซรินมา

» การกลับใจของเจ้าแม่ ทะเซรินมา

» ข้อแนะนำเกี่ยวกับภาวะ สัมภเวสี

» ทะเซรินมา กับการปฏิบัติสุญญตาธรรม

» ข้อตักเตือนสำหรับท่าน ดอจี วอนชู

» การพบกับท่าน ธรรมโพธิ

» เผชิญนักปริยัติ

» เยือนอินเดียครั้งที่สามของท่าน เรชุงปะ

» ความตระหนักชัดของท่าน เมกอมเรปะ

» สาลีอุยกับพระธรรม

» เขาของตัวจามรี

» การสำนึกผิดของ เรชุงปะ

» ความที่ยิ่งกว่าสุข

» ศิษย์เอก กัมโบปะ

» นักปริยัติผู้กลับใจ

» ธรรมปราโมทย์

» แสดงอภิญญาจูงใจคน

» รวมโศลกธรรมสั้นๆ

» ธรรมเทศนาที่ภูผา บอนโบ้

» แรงบันดาลใจ

» ชินดอโมและเลซีบุม

» แกะที่กำลังจะตาย

» ธรรมคีตาแห่งการดื่ม

» แด่ เรชุงปะ ด้วยเมตตา

» เรชุงปะ สู่เมือง วู

» พบท่าน ธัมปาสันจี

» มิติแห่งสวรรค์

» คำพยากรณ์แห่งเทพธิดา

» คำตักเตือนคุณหมอ ยางงี

» การจากไปของ เรชุงปะ

» เรื่องราวของ ดราชิเซ

» กัลยาณมิตร

» ประจักษ์พยานแห่งการบรรลุธรรม

» ปัจฉิมโอวาท

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย