ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>
ชีวิตมนุษย์มีต้นกำเนิดในองค์พระผู้เป็นเจ้า ทุกชีวิตมนุษย์จึงมาจากพระเจ้าและเป็นของพระเจ้า ทุกชีวิตมนุษย์เป็นของขวัญล้ำค่าที่พระเจ้าทรงประทานให้แก่โลก
บทนำ
บทที่ 1
บทที่ 2
บทที่ 3
บทที่ 4
บทส่งท้าย
29 30
31 32 33
34 35 36
37 38 39
40
41 42 43
44 45 46
47 48 49
50 51
32.ประสบการณ์ของประชากรแห่งพันธะสัญญาถูกรื้อฟื้นขึ้นใหม่ในประสบการณ์ของ
มนุษย์ผู้ยากจนทุกคน ที่พบปะกับพระเยซูเจ้า ชาวนาซาเร็ธผู้นี้ ดังที่พระเจ้า
ผู้ทรงรักสิ่งมีชีวิต (เทียบ ปชญ 11:26)
ได้ทรงทำให้ชนอิสราเอลเกิดความแน่ใจในท่ามกลางภยันตรายนั้น
ก็เช่นเดียวกันในบัดนี้ที่พระบุตรพระเจ้าทรงประกาศแก่ทุกคนที่ถูกคุกคามและถูกขัดขวางว่า
ชีวิตของพวกเขาเป็นสิ่งดีงามด้วยเช่นกัน
ที่ความรักของบิดาให้ความหมายและคุณค่าต่อชีวิตนั้น
คนตาบอดกลับแลเห็น คนง่อยเดินได้ คนโรคเรื้อนหายจากโรค
คนหูหนวกกลับได้ยิน คนตายกลับคืนชีพ คนจนได้ฟังข่าวดีที่ประกาศแก่พวกเขา (ลก 7:22)
ด้วยถ้อยคำเหล่านี้ของประกาศกอิสยาห์ (เทียบ อสย 35:5-6 ; 61-1) พระเยซูเจ้าก็
ทรงให้ความหมายแห่งพันธกิจของพระองค์ นั่นคือ
ผู้ที่ต้องทนทุกข์เนื่องด้วยชีวิตของตน ด้อยค่าลง ทางใดทางหนึ่ง ก็จะได้ฟัง
ข่าวดี จากพระองค์ว่า พระเจ้าทรงสนพระทัยในพวกเขา และพวกเขาก็รู้แน่ว่า
ชีวิตของตนนั้นเป็นของประทานที่ได้รับการพิทักษ์ปกปักไว้ในพระหัตถ์ของพระบิดาเจ้าด้วย
(เทียบ มธ 6:25-34)
พระเยซูทรงเทศน์สอนและกระทำการต่างๆ ก่อนใดหมดก็เพื่อ
คนยากจนทั้งหลาย ฝูงชนคนป่วยและคนที่ไม่มีใครคบหาที่พากันติดตามและแสวงหาพระองค์
(เทียบ มธ 4:23-25)
ได้พบการเผยแสดงให้เห็นถึงคุณค่ายิ่งใหญ่แห่งชีวิตของตนและพบวิธีที่จะสร้างความหวังในความรอดได้จากพระวาจาและกิจการต่างๆ
ของพระองค์
สิ่งเดียวกันนี้เกิดขึ้นในงานพันธกิจของพระศาสนจักรนับแต่แรกเริ่มด้วยเช่นกัน
เมื่อพระศาสนจักรประกาศว่า พระคริสตเจ้าเป็นผู้ที่ เสด็จไปที่ใด ก็ทรงกระทำความดี
และทรงรักษาทุกคนที่อยู่ใต้อำนาจของปีศาจ เพราะพระเจ้าสถิตอยู่กับพระองค์ (กจ
10:38) พระศาสนจักรสำนึกถึงการเป็นผู้รับสารแห่งความรอด
ซึ่งสะท้อนเป็นสารใหม่อยู่ท่ามกลางความทุกข์ลำบากและความยากจนของชีวิตมนุษย์
ท่านนักบุญเปโตรได้รักษาชายง่อยที่นั่งขอทานอยู่ทุกวันที่ ประตูงาม
ของพระวิหารกรุงเยรูซาเล็ม โดยกล่าวว่า ข้าพเจ้าไม่มีเงิน ไม่มีทอง
แต่ข้าพเจ้าจะให้ท่านในสิ่งที่ข้าพเจ้ามี เดชะพระนามของพระเยซูคริสตเจ้า
ชาวนาซาเร็ธ จงเดินไปเถิด (กจ 3:6) โดยความเชื่อในพระเยซู ผู้เป็น เจ้าชีวิต (กจ
3:15) ชีวิตนั้นที่ถูกทอดทิ้ง
และร้องขอความช่วยเหลือก็ได้รับเกียรติและศักดิ์ศรีคืนมาครบถ้วน
พระวาจาและกิจการต่างๆ ของพระเยซูเจ้าและวาจากับกิจการของพระศาสนจักร
มิได้หมายถึงเฉพาะสำหรับผู้เจ็บป่วย
หรือผู้ทุกข์ทรมานหรือผู้ถูกทอดทิ้งไม่ทางใดก็ทางหนึ่งจากสังคมมนุษย์เท่านั้น ณ
ระดับที่ลึกซึ้งกว่า วาจาและการกระทำต่างๆ
นั้นส่งผลกระทบต่อความหมายโดยตรงของชีวิตมนุษย์ทุกคน
ทั้งด้านศีลธรรมและด้านชีวิตจิตด้วย
ผู้ที่ยอมรับว่าชีวิตของตนเต็มไปด้วยบาปความผิดเท่านั้น
จึงจะสามารถค้นพบสัจธรรมและความเป็นอยู่แท้จริงของตนได้ในการพบปะกับพระเยซู
องค์พระผู้ไถ่กู้มนุษย์ พระเยซูเจ้าเองทรงตรัสว่า คนสบายดีย่อมไม่ต้องการหมอ
แต่คนป่วยต้องการ เรามิได้มาเพื่อเรียกคนชอบธรรม แต่มาเพื่อเรียกคนบาปให้กลับใจ
(ลก 5:31-32) แต่คนที่เป็นเหมือนเศรษฐีที่ดินในเรื่องอุปมาในพระวรสารนั้นคิดว่า
ตนสามารถทำให้ชีวิตของตนมั่นคงปลอดภัยได้ด้วยการสะสมทรัพย์สมบัติเพียงอย่างเดียว
เขากำลังหลอกตัวเอง ชีวิตก็หลุดลอยไปจากเขา
และไม่ช้าเขาก็พบว่าตนเองต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง
โดยที่ไม่เคยได้ชื่นชมกับความหมายแท้จริงของชีวิตเลย
คนโง่เอ๋ยคืนนี้เขาจะเรียกเอาชีวิตเจ้าไป
แล้วสิ่งที่เจ้าได้เตรียมไว้จะตกเป็นของใครเล่า (ลก 5:12-20)