ศิลปะ
หัตถกรรม สถาปัตยกรรม ประติมากรรม สันทนาการ
การรวมศูนย์ศิลปะของการกระจายตัวของศิลปะและการเมืองฯ
การรวมศูนย์ศิลปะของการกระจายตัวของศิลปะและการเมือง
จากสภาวะสมัยหลังใหม่สู่สภาวะสมัยใหม่
ธเนศ วงศ์ยานนาวา คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
สภาวะสมัยใหม่ในฐานสำนึกทางเวลาที่เป็นเส้นตรง
วิกฤติและการปฎิวัติ
สภาวะสมัยใหม่กับการรวมศูนย์และรวมสายตา
สภาวะหลังสมัยใหม่ที่เป็น ของเก่า
การกลับหัวกลับหางและความแปลกแยก
การดูดกลืนผู้ชมเข้าสู่สภาวะสมัยใหม่
วัตถุและบรรยากาศของศิลปะที่ไม่ยืนยาว
อาณาเขตที่หลากหลายของศิลปะกับการสิ้นสุดของความเป็นเอกเทศ
เส้นทางอนันต์ (infinity) ของอนาคต
เส้นทางอนันต์ (infinity) ของอนาคต
เมื่อมีการชมสิ่งหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไปไม่ได้ก็คือ สุนทรียะ
แม้ว่าจะมีการต่อต้านสุนทรียะ
แต่การต่อต้านสุนทรียะของพวกหลังสมัยใหม่ถูกตอบโต้กลับแบบเดียวกันกับที่สมัยใหม่นิยมถูกตอบโต้
การตอบโต้หลังสมัยใหม่จึงส่งผลให้ความงามและสุนทรียะถูกลื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ในทศวรรษที่
1990 เช่น สหรัฐอเมริกา
การหันกลับไปสู่สุนทรียะนี้สอดคล้องกับการขึ้นมามีอำนาจของอนุรักษ์นิยมใหม่
(neoconservative)
ที่สามารถสถาปนาอำนาจทางการเมืองได้อย่างแท้จริงในทศวรรษที่ยี่สิบเอ็ด
ชัยชนะของประธานาธิบดี พุ่มไม้ ครั้งที่สองเป็นการยืนยันอำนาจดังกล่าว
ฤๅว่านี้จะเป็นการหวนกลับไปสูอดีตอันรุ่งโรจน์ของศิลปะ
แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นสำนึกทางเวลาของสภาวะสมัยใหม่ก็ย่อมไม่ใช่สภาวะสมัยใหม่อีกต่อไป
เพราะนี่เป็นเวลาที่เป็นวงกลม
ถ้าเป็นเช่นนั้นการกลับไปสู่สุนทรียะและความงามจึงเป็นเรื่องของสภาวะหลังสมัยใหม่อีกครั้ง
แต่การกล่าวแบบนี้ดูจะเป็นการโจมตีอนุรักษ์นิยมใหม่มากเกินไป
เพราะอย่างน้อยๆ
ที่สุดในแง่ของแนวความคิดแล้วการให้ความสำคัญแก่สุนทรียะยังปรากฏให้เห็นอยู่ในนักคิดที่ดำเนินตามแนวทางของสำนักวิพากษ์
(Critical Theory) อันเป็นมรดกตกทอดของปรัชญาเยอรมันสำนักแฟรงเฟิรต์ (Frankfurt
School) ซึ่งในรุ่นต่อๆ
มาต่างก็ยังคงให้ความสนใจเกี่ยวกับประเด็นเรื่องสุนทรียะด้วยเช่นกัน
สุนทรียะเป็นจุดร่วมกันของฝ่ายที่อยู่ตรงกันข้ามได้
ทั้งนี้ภายใต้โลกที่หลากหลาย โลกที่เต็มไปด้วยความแตกต่าง
ต่างฝ่ายต่างก็ต้องการที่จะมีอะไรบางอย่างที่ถือได้ว่า มีอะไรร่วมกัน
ในบรรดาสิ่งที่ขัดแย้งกันไม่ว่าจะเป็นศาสนา การเมือง เศรษฐกิจ
อาจจะมีเพียงสุนทรียะเท่านั้นที่เบาบางและอ่อนโยนที่สุดในการที่จะสร้างฝันให้กับโลกแห่งความแตกต่างได้มีอะไรร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง
แต่สำหรับในสังคมไทยสุนทรียะอาจจะไม่ใช่ประเด็นสำคัญสำหรับการสลายความแตกต่าง
เนื่องด้วยว่ามีสถาบันแบบอื่นๆ แล้วที่จะช่วยแก้ไขความขัดแย้ง
ไม่เพียงแต่เท่านั้นด้วยเศษกระดาษพับๆ กันไปแบบเล็กๆ
น้อยและก็ไม่ต้องการความเป็นศิลปะอะไรมากมายนักก็ยังคิดว่าจะช่วยแก้ไขได้
แล้วใยจะต้องไปหาอะไรที่ยุ่งยากหนักหนามาช่วยแก้ไขไปทำไม