ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>
เซน
พุทธศาสนาได้แยกออกเป็น 2 นิกายหลัก ๆ คือ
นิกายหินยาน และ นิกายมหายาน แล้วก็ยังแบ่งรายละเอียดปลีกย่อยไปอีกฝ่ายหนึ่ง
ลัทธิมหายานได้มุ่งหน้าไปทำการเผยแผ่ที่ประเทศจีน
และภายหลังต่อมานั้นได้เกิดลัทธิเต๋าขึ้น จนกระทั่งถึงศตวรรษที่ 6 ที่
ประเทศจีนได้มีการก่อตั้งลัทธิใหม่เกิดขึ้นนั่นก็คือ ลัทธิชาน
เป็นการผสมผสานกันระหว่างศาสนาพุทธอินเดีย และศาสนาพุทธลัทธิเต๋าของจีน
โดยมีชื่อว่า "ชาน" เป็นภาษาจีน ซึ่งได้แปลงมาจากภาษาสันสกฤตว่า "ธยาน"
และตรงกับภาษาบาลีว่า "ฌาน"
เป็นความสำคัญของการปฏิบัติเป็นอย่างยิ่งซึ่งอยู่คู่กับสมาธิ
ความเจริญรุ่งเรืองของลัทธิฌานในประเทศจีนนี้ มีมากเมื่อศตวรรษที่ 7 -12
ในราชวงศ์ถังราชวงศ์ซ่ง โดยแบ่งออกเป็นสองฝ่ายหลัก ๆ คือ สำนักฝ่ายเหนือ และ
สำนักฝ่ายใต้ ทั้งสองนี้มีความแตกต่างกันทางด้านความเชื่อและคำสอน ดังนี้
- สำนักฝ่ายเหนือ เชื่อว่า การปฏิบัตินั้นต้องค่อย ๆ ปฏิบัติสั่งสมบารมีไปอย่างไม่เร่งรีบร้อน
- สำนักฝ่ายใต้ เชื่อว่า การปฏิบัตินั้นต้องปฏิบัติอย่างรวดเร็วเพราะการตรัสรู้ธรรมนั้นต้องอาศัยการรู้อย่างฉับพลัน
ต่อมาไม่นานลัทธิฌานที่ได้ถือการปฏิบัติกันอย่างกว้างขวางและเผยแผ่ไปสู่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี
1190 ถูกเรียกขนานใหม่ว่า เชน หรือ เซน โดยภายหลังนั้นยังสามารถแบ่งออกไปได้อีก 2
นิกายหลัก คือ
1.โซโต
2. รินไซ
ทั้งสองนิกายนี้มีการปฏิบัติที่แตกต่างกัน
แต่มีความเคารพในทางปันธิธรรมเหมือนๆ กัน
รายละเอียดข้อปลีกย่อยเกี่ยวกับเรื่องเซนยังมีอีกมาก แต่ผู้เขียนพิจารณาว่า
เขียนไปก็อาจจะทำให้เกิดความสงสัย ดังนั้น
จึงหยิบแต่แนวหลักของเซนแท้ของจีนมาเขียนรวมไว้กับญี่ปุ่น โดยรวม ๆ แล้ว
เซนได้เข้าสู่ประเทศอเมริกาเมื่อ ค.ศ. 1905 และได้ความนิยมเรื่อยมาจวบจนปัจจุบัน
เซน
เป็นลัทธิหนึ่งในพุทธศาสนาฝ่ายมหายานเป็นลัทธิที่ใหญ่และมีศรัทธามากล้นจากทั่วโลกการเผยแผ่ลัทธิเซนนี้เริ่มจากประเทศจีนก่อนเป็นลำดับแรก
แล้วแผ่ขยายไปยังประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลี ฮ่องกง
และได้แผ่หลายลงมาทางตอนใต้คือ ไทย สิงค์โปร์ และข้ามทวีปไปที่ อเมริกา อังกฤษ
และอีกหลาย ประเทศในยุโรป
สำหรับประเทศไทยของเรา เซนยังได้รับการนิยมไม่กว้างขวางเท่าไหร่นัก
อันเนื่องศาสนาพุทธของประเทศเรานั้น
มีนิกายหินยานหรือเถรวาทเป็นนิกายหลักประจำชาติอยู่แล้ว
แต่ทว่าเรื่องของการกีดกั้นมิให้ศาสนพุทธมหายานลัทธิเซนเข้ามามีบทบาทนั้นมิอาจพึงกระทำได้
เนื่องจากเราเป็นประเทศประชาธิปไตยที่เปิดกว้างทุกเชื้อชาติและศาสนา
แต่ก็มีหลายคนหลายกลุ่มที่เริ่มหันมาศึกษาพุทธศาสนาในเซนมากกว่าเดิม
สิ่งแตกต่างทั้งสองนิกายนั้น มีอยู่หลาย ๆ ประการด้วยกัน
แต่สำหรับความเป็นนิกายเซนนั้น สิ่งที่แตกต่างก็มีปรากฏอยู่
แต่ผู้เขียนแอบมีศรัทธาคือ แนวทางการสอนของเซนที่ว่าเน้นสอนให้อยู่กับความจริง
ในการยอมรับตัวเองและศึกษาธรรมพิจารณาธรรม โดยอาศัยธรรมชาติของชีวิตเป็นสิ่งที่สอน
โดยมีจุดหมายสูงสุดด้วยการบรรลุธรรม ตัดสิ้นกิเลสตัณหา
อุปาทานขันธ์สิ่งนี้ต่างหากที่คิดว่าเหมาะกับยุคสมัยหรือร่วมสมัยหรือร่วมสมัยในยุคแห่งปี
2000 โดยเฉพาะคนไทย
คนไทยจำนวนไม่น้อยเมื่อได้มาศึกษานิกายเซนแล้ว
เริ่มมีความเข้าใจชัดยิ่งขึ้นว่า
พุทธศาสนาขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นได้ทรงมีการเน้นสอนเรื่องอะไรเป็นที่สุด
ประดุจพุทธประสงค์ของพระพุทธองค์
แต่พุทธศาสนาที่เราท่านได้นับถือกันอยู่ปัจจุบันกลับกลายไปเน้นเพียงว่า
การทำบุญทำทาน การขึ้นสวรรค์ ลงนรก หรือ พิธีกรรมต่างๆ เท่านั้น
หากใช่เน้นไปเพื่อความหลุดพ้นเพียงแต่สิ่งเดียว
อันพิธีกรรมนี้จริงอยู่ว่าเป็นงอค์ประกอบหนึ่งของศาสนาแต่หากว่ามากไปก็จะกลายเป็นเรื่องผลประโยชน์มากเกินไป
เมื่อพระมีเงินมาก สิ่งที่ตามมาก็คือปัญหาต่าง ๆ อาทิ
ปัญหาเรื่องผู้หญิงปัญหาเรื่องของความโลภทางด้านสมณศักดิ์ต่างๆ
สิ่งเหล่านี้ขอให้ลองพิจารณาดูว่าจริงหรือเท็จ
แต่หากว่าศึกษาเรื่องเซนจะพบว่าเรื่องต่างๆ เหล่านี้จะเป็นเรื่องธรรมดาของโลก
ส่วนคำกล่าวที่ว่า พระเซนมีภรรยาได้นั้น
ไม่เป็นจริงหากว่านับถือพุทธนิกายเซนโดยแท้
เพราะพระธรรมวินัยในข้อปาราซิกขาดจากความเป็นพระในการเสพเมถุนธรรมก็ยังมีเช่นกัน
เว้นแต่เพียงว่า สามารถแตะต้องสัมผัสสตรีเพศในลักษณะจับมือถือแขนหรือกอดรัด
ควงก้อยนั้น หากทำได้ดังที่บางคนมีความคิดเช่นนั้นการนับถือเซนก็คือ
การนับถือพุทธศาสนาที่มุ่งเน้นให้ไปถึงธรรมะ มิใช่ติดกันอยู่ที่ภายนอกของรูปแบบ
หรือพิธีกรรมเท่านั้นหากคุณสนใจเซนจะช้าทำไมเปิดอ่านหน้าต่อไปได้เลยว่า
เซนเป็นอย่างไร และให้ประโยชน์อะไรกับชีวิตของคุณบ้างทางแง่ของจิตใจ
ในความเป็นชาวพุทธ