วิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา >>
ป่าเมี่ยง, สวนเมี่ยง ชา และเมี่ยง
การกระจายของต้นชา
ความเป็นมาของชนกลุ่มที่ปลูกชาเมี่ยง
ป่าเมี่ยง พื้นที่กันชนที่ป้องกันแหล่งต้นน้ำ
การใช้ประโยชน์ที่ดินในหมู่บ้านป่าเมี่ยง
โครงสร้างและความหลากหลายทางชีวภาพของป่าเมี่ยง
ต้นไม้ควบคุมบรรยากาศใกล้ผิวดินในป่าเมี่ยง
ต้นไม้ช่วยควบคุมการหมุนเวียนของธาตุอาหาร
รากของต้นไม้ป่าถ่ายทอดน้ำและธาตุอาหารให้กับรากของต้นชา
บทบาทของพืชต่อการควบคุมการชะล้างพังทลายของดิน
บทบาทของไม้พื้นล่างต่อการงอกของเมล็ดไม้และการรอดตายของกล้าไม้
การปลูกและผลิตเมี่ยง
ข้อเสนอแนะ
เอกสารอ้างอิง
ป่าเมี่ยง พื้นที่กันชนที่ป้องกันแหล่งต้นน้ำ
พื้นที่กันชนเป็นที่ตรงกลางระหว่างพื้นที่สองผืน
เพื่อป้องกันการบุกรุกของคนที่ใช้ประโยชน์ที่ดินรูปแบบหนึ่งบุกรุกเขาไปทำประโยชน์ที่ดินข้างเคียง
ตัวอย่างเช่น
เป็นพื้นที่ป้องกันชาวไร่ที่ทำไร่เลื่อนลอยบุกรุกเข้าไปทำลายป่าธรรมชาติ
หรือเป็นเขตที่ป้องกันภัยพิบัติรูปแบบต่างๆ จากพื้นที่หนึ่งไปสู่อีกพื้นที่หนึ่ง
อาทิเช่น เป็นแนวป้องกันไฟป่า ความรุนแรงของลม กระแสน้ำในลำธาร คลื่นจากทะเล
การขยายตัวของความแห้งแล้งและทะเลทราย หรือความเค็มของพื้นดิน เป็นต้น
ในกรณีป่าธรรมชาติบนเทือกเขาผีปันน้ำเช่นกัน
หากไม่มีหมู่บ้านชาวป่าเมี่ยง ป่าไม้ทั้งเทือก คงถูกถางเพื่อทำไร่ฝิ่นไปหมดในช่วงปี
พ.ศ. 2510-2520 ที่มีการปลูกฝิ่นบนเขาอย่างมากมาย
ดังที่พบร่องรอยที่เป็นไร่ร้างบริเวณเทือกเขาถนนธงชัย เช่นที่ ดอยอินทนนท์ เชียงดาว
สามหมื่น ผ้าห่มปก และอ่างขาง หรืออาจถูกถางทำไร่ข้าวโพดดังที่พบบริเวณลุ่มน้ำน่าน
การที่เทือกเขาผีปันน้ำหลุดรอดมาได้เพราะว่าชาวป่าเมี่ยงที่ตั้งหมู่บ้านอยู่บนลุ่มน้ำเล็กๆ
ในหุบเขาสูงรอบพื้นที่ป่าผืนใหญ่
ช่วยป้องกันการบุกรุกการทำลายป่าต้นน้ำของหมู่บ้านตนเอง
จากกลุ่มเกษตรกรที่ทำไร่เลื่อนลอย และไฟป่า หากพวกเขาพบเห็นการทำลายป่าต้นน้ำ
หรือเกิดไฟป่า จะช่วยกันยับยั้งทันที
ทั้งนี้เพราะภัยพิบัติที่เกิดขึ้นส่งผลโดยตรงต่อชุมชน เช่น การขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง
การพังของดินที่ลงมาทับถมหมู่บ้าน การเกิดน้ำท่วมฉับพลันในฤดูฝน
ซึ่งเป็นอันตรายต่อชีวิต และทรัพย์สินของพวกเขาเอง ตลอดจนต้นชาที่ถูกไฟไหม้ หรือลวก
ไม่สามารถให้ผลผลิตนานกว่า 3 ปี หรือ อาจตายก็ได้
อาจมีข้อโต้แย้งว่าป่าเมี่ยงเป็นระบบหนึ่งเช่นกันที่ทำลายป่า
ทั้งนี้เพราะว่ามีการตัดไม้จำนวนมากเช่นกันเพื่อการนึ่งเมี่ยง โดย Castillo (1990)
ศึกษาการใช้ไม้ฟืนของชาวป่าเมี่ยงที่บ้านกิ่วถ้วย ตำบลป่าแป๋ อำเภอแม่แตง
จังหวัดเชียงใหม่ พบว่าโดยเฉลี่ยชาวสวนเมี่ยงใช้ไม้ฟืนประมาณ 25 ลูกบาศก์เมตร ต่อ
ครอบครัว ต่อ ปี ไม้ที่ใช้ส่วนใหญ่ ได้แก่ ไม้ก่อแป้น ก่อเดือย หรือทะโล้
อย่างไรก็ตาม Keen (1978) ได้เปรียบเทียบกับการใช้ประโยชน์ที่ดินรูปแบบอื่นๆ
ที่สัมพันธ์กับความหนาแน่นของประชากรต่อหน่วยพื้นที่ ดังแสดงในตารางที่ 1
พบว่าความหนาแน่นของประชากรในพื้นที่การใช้ประโยชน์ 4 รูปแบบ
ภายในและรอบพื้นที่นิคมชาวเขาดอยเชียงดาว
ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของจังหวัดเชียงใหม่
โดยเฉลี่ยชาวป่าเมี่ยงหนึ่งครอบครัวใช้ที่ดินน้อยกว่าชาวเขาเผ่าม้ง และ ลีซอ ถึง
5-10 เท่า แต่ใช้มากกว่าเกษตรกรที่ปลูกชาขายให้กับบริษัท ชาระมิงค์ (บริษัท ชาสยาม
ในปัจจุบัน) ที่มีการปลูกชาแบบเป็นพุ่มที่ติดกันเป็นแถวตามขั้นบันได
แต่ถ้าหากเปรียบเทียบความหนาแน่นของต้นไม้ในป่าเมี่ยง
พบว่ามีความหนาแน่นกว่าต้นไม้ที่ปลูกในสวนชามาก
จากการศึกษาของ พรชัย และคณะ (2528)
โดยการประเมินระบบวนเกษตรรูปแบบต่างๆ บนที่สูงในภาคเหนือจำนวน 30 รูปแบบ
วิเคราะห์ระยะเวลาของการยั่งยืนของระบบ ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ และการยอมรับของเกษตรกร
ดังในตารางที่ 2 พบว่าป่าเมี่ยงเป็นระบบวนเกษตร ที่มีความเหมาะสมมากที่สุดบนที่สูง
โดยเฉพาะการยั่งยืนของระบบนิเวศของป่าเมี่ยงค่อนข้างถาวรเทียบได้กับป่าธรรมชาติที่สมบูรณ์