สังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์ การเมือง เศรษฐศาสตร์ >>
ปัญหาของอำนาจและความรู้ ณ จุดเปลี่ยนแห่งสหัสวรรษ
ศาสตราจารย์ โรเบิร์ต ดับเบิลยู ค๊อกซ์ เขียน
ศาสตราจารย์
ดร.ผาสุก พงษ์ไพจิตร แปลและเรียบเรียง
» การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการเมืองของโลก
» ความเปราะบางของระเบียบโลกใหม่
» อัตลักษณ์และความรู้ : การเผชิญหน้ากับอนาคต
» ความล้าสมัยของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและเศรษฐศาสตร์การเมืองระหว่างประเทศ
» กระบวนการทางการเมืองและระเบียบโลก
» พลังท้าทายของสรรพสิ่งมีชีวิต
» ทางออกสู่รูปแบบใหม่ของสังคมเศรษฐกิจ (social democracy)
อัตลักษณ์และความรู้ : การเผชิญหน้ากับอนาคต
อัตลักษณ์มีความสำคัญทางการเมืองเพราะเป็นศูนย์รวมที่ผู้คนจะใช้เพื่อเคลื่อนไหวคนจำนวนมากในการกระทำเพื่อเปลี่ยนแปลงสภาพที่เป็นอยู่
และเพื่อสู่จุดมุ่งหมายทางสังคมที่ต้องการ รูปแบบเด่นของอัตลักษณ์ 2
รูปแบบสำหรับศตวรรษที่ 19 และ 20 ซึ่งก็คือความเป็นเชื้อชาติและชนชั้น (nationality
and class) นั้นจะยังมีความสำคัญต่อขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมอยู่
แต่ได้ถูกจัดรวมเข้าไปอยู่กับโครงสร้างที่ซับซ้อนของอัตลักษณ์อื่น ๆ แล้ว
รัฐชาติสำหรับประชาชนในประเทศร่ำรวยมิได้เป็นศูนย์กลางของอัตลักษณ์ของพวกเขาอีกต่อไป
(อาจมีข้อยกเว้นกรณีสหรัฐฯ) ขณะที่กรณีประเทศยากจนกว่านั้น ชาตินิยมผงาดขึ้น
และมีความอหังกามากขึ้น
ความแตกต่างด้านเศรษฐกิจและสังคมยังคงเป็นประเด็นความขัดแย้งพื้นฐาน
ขณะที่กระบวนการโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจยิ่งทำให้ช่องว่างคนรวยและคนจนถ่างจากกันอย่างสุดขั้วทุกหนแห่งในโลก
แต่การสำแดงความแตกต่างดังกล่าว มักจะออกมาในรูปของความแตกต่างทางเพศ ชนชาติ
หรือชนเผ่า ศาสนา องค์กรที่สังกัด
หรือการมีความทรงจำถึงเหตุการณ์ในอดีตที่สร้างความวิปโยค
และความอับอายขายหน้าเอาไว้
การศึกษาด้านอารยธรรมวิเคราะห์ประเด็นเรื่องอัตลักษณ์เป็นภาพรวม
มีการศึกษาหลายชิ้นเกี่ยวกับอารยธรรมช่วงครึ่งแรกของคริสศตวรรษที่ 20
แนวคิดเรื่องอารยธรรมมีความหลากหลายถูกละเลยไปช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
ซึ่งมีการมองกันว่าเป็นสงครามที่ปกป้องอารยธรรมของมวลมนุษย์เป็นวัฒนธรรมหนึ่งเดียว
แนวคิดเรื่องว่าอารยธรรมมีความหลากหลายถูกกีดกันออกไปช่วงสงครามเย็น
ขณะนี้หวนกลับมาอีก แต่อยู่ในสภาวะสับสนตามสมควร
อารยธรรมคืออะไร? นักโบราณคดีซึ่งศึกษาอารยธรรมสมัยต้น ๆ
ตีความว่าเกิดจากสภาวะทางเศรษฐกิจ เช่น อารยธรรมเทคโนโลยีสมัยทองแดง (Bronze Age)
เกิดขึ้นพร้อม ๆ กับความเป็นเมืองขนาดใหญ่ การแบ่งงานกันทำของแรงงาน
มีโครงสร้างชนชั้น และโครงสร้างด้านอำนาจการควบคุมหรือรัฐ
มนุษย์กลุ่มต่าง ๆ ถูกร้อยรัดเข้าด้วยกันด้วยสัญญลักษณ์ต่าง ๆ
ซึ่งทำให้มวลสมาชิกสามารถสื่อสารเข้าใจซึ่งกันและแสวงหาความหมายแก่ชีวิต
อาณาบริเวณของความรู้ซึ่งขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของบุคคลและปฏิสัมพันธ์ที่มีระหว่างกัน
แสดงออกผ่านสื่อหลายรูปแบบ ได้แก่ นิยายปรัมปรา ภาษา และศาสนา
ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งเดียวกัน
และเป็นเช่นนั้นมาตราบจนสมัยต่อมาเมื่อสปิริตการวิเคราะห์และให้เหตุผลมีความสำคัญขึ้น
จึงมีการแยกรูปแบบสื่อต่าง ๆ ที่กล่าวมาออกเป็นส่วน ๆ ออกจากกัน
คำจำกัดความคำว่าอารยธรรม
ในทางปฏิบัติน่าจะเป็นความคล้องจองกันระหว่างชุดของ สภาวะวัตถุวิสัย (สภาวะเศรษฐกิจ
หรือ material condition)
ที่กำหนดความเป็นอยู่กับชุดของการให้ความหมายที่เป็นผลจากประสบการณ์และปฎิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์
มิติด้านวัตถุและมิติด้านจิตใจของอารยธรรมเมื่อประกอบเข้าด้วยกัน
อาจให้ผลเป็นอารยธรรมแบบต่าง ๆ
ทั้งนี้เนื่องจากมิใช่เป็นเพียงกรณีของสภาวะวัตถุวิสัย
ส่งผลให้เกิดรูปแบบจิตสำนึกได้รูปแบบเดียว ขณะที่รูปแบบอื่น ๆ เป็นความจอมปลอม
รูปแบบของการหาความหมายจะต้องเหมาะเจาะกับสภาวะวัตถุวิสัย
และมนุษย์อาจสู่จุดนั้นได้ด้วยหลายแนวทาง ดังนั้นอารยธรรมที่แตกต่างกัน
แม้จะมีสภาวะวัตถุวิสัย อันเดียวกัน อาจมีการให้คุณค่า และเส้นทางโคจรที่ต่างกัน
เราไม่ควรมีภาพของอารยธรรมเสมือนเป็นตัวตนที่คงที่
และซึ่งประจัญหน้าซึ่งกันและกันอย่างไม่เป็นมิตร
แต่พิจารณาว่าอารยธรรมทุกประเภทเป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงทั้งจากสภาวะความขัดแย้งภายในและการที่ต้องเผชิญกับปัจจัยจากภายนอก
กระบวนการเปลี่ยนแปลงนี้เมื่อประกอบเข้ากับการคงอยู่ของอารยธรรมต่าง ๆ
ที่ยังเป็นปริศนา อาจจะเป็นพื้นฐานของความรู้ในอนาคตเกี่ยวกับระเบียบโลก
การเปลี่ยนแปลงของอารยธรรมในมิติต่าง ๆ น่าจะเป็นองค์ประกอบของความรู้ดังกล่าว
ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีและการสื่อสารกัน
ความสัมพันธ์ทางสังคมของขบวนการผลิตและคุณค่าที่ฝังอยู่กับสังคม แนวคิดเรื่องเวลา
และพื้นที่ (time and space) ซึ่งเป็นกรอบแสดงว่ามนุษย์คิดอย่างไรกับโลกของเขา
ความหมายแห่งจิตวิญญาณที่หลากหลายและผลที่มีต่อพฤติกรรมของมนุษย์
ความสำคัญของการศึกษาอารยธรรมในแนวนี้
อยู่ตรงที่สมมติฐานพื้นฐานเกี่ยวกับระบบโลก ได้แก่ (1) มีทางเลือกต่าง ๆ
สำหรับอนาคตของมนุษย์
เราไม่ต้องถูกผูกมัดอยู่กับการขยายตัวอย่างไม่หยุดยั้งของขบวนการโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจ
ที่กำหนดโดยการแข่งขันกันในตลาดโลก
และซึ่งจะนำไปสู่สังคมมนุษย์โลกที่ขาดความหลากหลายตามแบบอย่างสังคมอเมริกันร่วมสมัย
อารยธรรมที่มีองค์ประกอบของคุณค่าต่าง ๆ และการจัดองค์กรสังคมรูปแบบต่าง ๆ
เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ กล่าวอีกนัยหนึ่งเรายังเลือกสังคมที่เราต้องการได้ (2)
ถ้าอารยธรรมต่าง ๆ คงอยู่ร่วมกัน
การมีความเข้าใจซึ่งกันและกันจะกลายเป็นปัญหาที่สำคัญที่สุด
เพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายของการมีระเบียบโลก
นี่คือสภาพที่ต่างจากสมัยสงครามเย็นที่มีสมมติฐานแนวคิดเชิงเดี่ยวเหมือนๆ กัน
กุญแจสำคัญที่จะทำให้เราเข้าใจโลกพหุนิยม
[โลกที่มีความหลากหลายด้านอารยธรรม - ผู้แปล]
คือความสามารถเข้าใจกรอบวิธีคิดของผู้คนที่มองโลกแตกต่างไปจากวิธีการที่ เรา
คุ้นเคย (ไม่ว่า เรา จะเป็นใคร)
คือเข้าใจผู้คนที่มีทัศนคติต่อความเป็นจริงแตกต่างจากเรา
ความเป็นจริง ถูกสร้างขึ้นโดยประวัติศาสตร์และสังคม
ดังนั้นความเป็นจริง จึงต่างกันสำหรับแต่ละอารยธรรม มิใช่เป็นสากลทั่วโลก
(นี่มิใช่หมายความว่าต้องปรับเอามิติวิธีคิดของอารยธรรมอื่น ๆ
มาใช้เพียงทำความเข้าใจเท่านั้น) เมื่อสามารถเข้าใจผู้อื่น (สังคมอื่นหรือ
อารยธรรมอื่น)แล้ว สิ่งที่จำเป็นลำดับต่อมาคือแสวงหาส่วนร่วมหรือแนวร่วมของ
ความเป็นจริง ที่หลากหลายนี้เพื่อเป็นพื้นฐานของความเป็นสากล
ภายในโลกที่มีความแตกต่างหลากหลาย