ประวัติศาสตร์  ภูมิศาสตร์ บุคคลสำคัญ ประเทศและทวีป >>

เนเฟอร์ติติ

(1370 - 1330 ปีก่อนคริสตกาล)

เนเฟอร์ติติ เป็นราชินีของฟาโรห์อาเมนโฮเทป ที่ 4 แห่งอียิปต์ ภายหลังได้เปลี่ยนพระนามมาเป็นอาเคนาเตน และพระมารดาสะใภ้ของฟาโรห์ตุตันคามุน กล่าวกันว่าเนเฟอร์ติติอาจเคยขึ้นครองบัลลังก์อียิปต์เป็นช่วงเวลาสั้นๆหลังจากพระสวามีสิ้นพระชนม์ และก่อนที่ฟาโรห์ตุตันคามุนจะเถลิงศิริราชสมบัติ แต่ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันในหมู่นักวิชาการ ชื่อของพระนางอาจแปลได้โดยสังเขปว่า โฉมงามผู้มาสู่ และยังพ้องกับคำเรียกเครื่องประดับชนิดหนึ่งที่เป็นลูกปัดทองคำรูปยาวรี ดังที่เราเห็นรูปปั้นของเธอสวมใส่อยู่เสมอ ลูกปัดชนิดนี้เรียกว่า ลูกปัด"เนเฟอร์"

เนเฟอร์ติติโด่งดังจากรูปปั้นท่อนบน ที่ตอนนี้จัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์อียิปต์แห่งชาติเยอรมนีในนครเบอร์ลิน รูปปั้นดังกล่าวเป็นรูปที่ถูกทำเลียนแบบซ้ำมากที่สุดในบรรดาศิลปวัตถุของไอยคุปต์ สร้างขึ้นโดยประติมากร Djhutmose และถูกค้นพบในห้องทำงานศิลปะของเขา รูปปั้นท่อนบนนี้มีชื่อเสียงโด่งดังเนื่องจากเป็นตัวอย่างของความเข้าใจอย่างถ่องแท้ของชาวอียิปต์โบราณเกี่ยวสัดส่วนขององค์ประกอบบนใบหน้า

พระนางถูกเรียกขานมากมายหลายชื่อ ที่วิหารคาร์นัก มีศิลาจารึกที่ขานพระนางว่าเป็น ผู้สืบทอด ที่สุดของผู้เป็นที่โปรดปราน ผู้มีสเน่ห์ ผู้แผ่ความสุข ชายาผู้อ่อนหวาน ผู้เป็นที่รัก ผู้ปลอบประโลมหัวใจขององค์ราชาในวัง ผู้มีถ้อยคำอ่อนโยน ชายาแห่งอียิปต์ตอนบนและอียิปต์ตอนล่าง ชายาของกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ที่กษัตริย์ทรงรัก สตรีแห่งดินแดนทั้งสอง เนเฟอร์ติติ


รูปแกะสลักในท่ายืนของเนเฟอร์ติติจากเมืองอามาร์นา
ปัจจุบันอยู่ที่พิพิธภัณฑ์อียิปต์ แห่งกรุงเบอร์ลิน

ไม่มีใครทราบว่าบิดามารดาของเนเฟอร์ติติเป็นใคร แต่มีผู้เห็นพ้องต้องกันว่าเธออาจเป็นธิดาของเอย์ ผู้ที่ได้เป็นฟาโรห์ในเวลาต่อมา กับมเหสีที่มีชื่อว่าเทย์ อีกทฤษฎีหนึ่งกล่าวว่าเนเฟอร์ติติแท้จริงคือเจ้าหญิงทาดูคีปา ธิดาของกษัตริย์ทัชรัตตาแห่งมีทานนี ในม้วนคัมภีร์โบราณมีการกล่าวถึงชื่อนีเมรีธิน เป็นอีกชื่อหนึ่งของพระนาง แต่ก็ยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ ยังมีผู้เสนอแนวคิดว่าพระนางเป็นธิดา หรือพระญาติกับฟาโรห์อาเมนโฮเทปที่สาม หรือไม่ก็เป็นชนชั้นสูงของชาวเธบ อีกทฤษฎีหนึ่งยกให้เนเฟอร์ติติเป็นธิดาของซีตามุน น้องสาวต่างมารดาของอาเมนโฮเทปที่สาม โดยมีพระราชินีเอียเรเป็นพระมารดาของนาง เอียเรเคยมีตำแหน่งเป็นองค์รัชทายาท แต่ตำแหน่งดังกล่าวต้องสิ้นสุดลงเมื่ออาเมนโฮเทปที่สามขึ้นครองบัลลังก์ ซีตามุนถูกเลี้ยงดูให้เป็นมเหสีของทีเย แต่ก็ไม่มีหลักฐานว่าพระนางมีโอรสธิดากับผู้ใดหรือไม่ มีหลักฐานอย่างหนึ่งที่บ่งบอกว่าทั้งซีตามุนและเนเฟอร์ติติต่างก็มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกัน นั่นคือชื่อของทั้งคู่ต่างก็หมายความว่า "ผู้เลอโฉม" เนเฟอร์ติตินับถือเทพเพียงองค์เดียว นั่นก็คืออาตอน ทั้งนี้ อาเคนาเตน สวามีของพระนางอาจเป็นพระบิดา หรือไม่ก็พี่ชายต่างมารดาของฟาโรห์ตุตันคามุน ขึ้นอยู่กับว่าจะนับญาติแบบไหน



วันที่เนเฟอร์ติติอภิเษกสมรสกับอาเมนโฮเทปที่สี่ และต่อมาได้รับการสถาปนาเป็นพระชายาของพระองค์นั้นไม่อาจระบุได้แน่นอน อย่างไรก็ดี ทั้งคู่มีบุตรสาวด้วยกันหกคน ตามรายชื่อและปีเกิดต่อไปนี้

  • เมรีตาเตน - เกิดในปีที่ 2 หลังจากที่อาเมนโฮเทปที่สี่ขึ้นครองราชย์ (1348 ปีก่อนคริสตกาล)
  • เมเคตาเตน - เกิดในปีที่ 3 (1347 ปีก่อนคริสตกาล)
  • อานเคเซนปาเตน, ผู้ที่ต่อมาเป็นชายาของ ฟาโรห์ตุตันคามุน - เกิดในปีที่ 4 (1346 ปีก่อนคริสตกาล)
  • เนเฟอร์เนเฟอรัวเตน ตาเชริต - เกิดในปีที่ 6 ([[1344 ปีก่อนคริสตกาล])
  • เนเฟอร์เนเฟอร์รูเรNeferneferure - เกิดในปีที่ 9 (1341 ปีก่อนคริสตกาล)
  • เซเตเปนเร - เกิดในปีที่ 11 (1339 ปีก่อนคริสตกาล)


รูปแกะสลักของเนเฟอร์ติติกับ อาเคนาเตน และธิดาสามองค์
จากเมืองอามาร์นา ปัจจุบันอยู่ที่พิพิธภัณฑ์อียิปต์ แห่งกรุงเบอร์ลิน

ในปีที่สี่ของการครองราชย์ (1346 ปีก่อนคริสตกาล)อาเมนโฮเทปที่สี่ได้เริ่มสร้างศาสนสถานเพื่อบูชาเทพอาเตน และยังเชื่ออีกว่าปีเดียวกันนี้พระองค์ได้เริ่มก่อสร้างอาเคตาเตน เมืองหลวงแห่งใหม่ ซึ่งปัจจุบันนี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อเมืองอามาร์นา ในปีที่ห้าของการครองราชย์ (1345 ปีก่อนคริสตกาล) อาเมนโฮเทปที่สี่ ได้เปลี่ยนพระนามของพระองค์อย่างเป็นทางการเป็นอาเคนาเตน เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของศาสนสถานแห่งใหม่ คาดกันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในวันที่ 2 มกราคมของปีนั้น ในปีที่เจ็ดของการครองราชย์ (1343 ปีก่อนคริสตกาล) ได้มีการย้ายเมืองหลวงจากกรุงธีบ ไปยังอามาร์นา แม้ว่าจะยังมีการก่อสร้างต่อไปอีกถึงสองปี (จนกระทั่ง 1341 ปีก่อนคริสตกาล เมืองใหม่ถูกอุทิศให้กับศาสนาใหม่ของทั้งคู่ เชื่อกันว่ารูปปั้นครึ่งตัวอันโด่งดังของเนเฟอร์ติติถูกสร้างขึ้นในปีนี้เอง

อักษรจารึกชิ้นหนึ่งระบุว่าราววันที่ 21 พฤศจิกายน ในปีที่ 12 ของการครองราชย์ (1338 ปีก่อนคริสตกาล) ได้มีการกล่าวถึงเมเคตาเตน พระธิดาเป็นครั้งสุดท้าย จึงเชื่อกันว่านางอาจจะสิ้นพระชนม์ไม่นานหลังจากนั้น รูปสลักนูนต่ำในสุสานของอาเคนาเตนในสุสานกษัตริย์แห่งอามาร์นามีรูปงานศพของนาง

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย