ขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม อารยธรรม >>

พิธีกรรมในศาสนาซิกข์


การเกิดและพิธีการตั้งชื่อบุตร
พิธีการรับอมฤต
พิธีมงคลสมรส
พิธีฌาปนากิจศพ

พิธีมงคลสมรส

พิธีมงคลสมรสของชาวซิกข์กระทำโดยไม่คำนึงถึงวรรณะ ตระกูล และชาติกำเนิดของคู่สมรส ชาวซิกข์จะประกอบพิธีสมรสตามพิธี “อนันการัช” ซึ่งมีขั้นตอนและหลักการตามศาสนวินัยของซิกข์ ดังนี้

  • การแต่งงานในวัยเด็กทั้งชายและหญิงเป็นสิ่งต้องห้าม
  • เมื่อสตรีชาวซิกข์มีความพร้อมทั้งทางบุคลิก ร่างกาย และจิตใจ ก็สมควรจะหาคู่สมรสที่เหมาะสม เพื่อทำการสมรสตามพิธีอนันด์การัช
  • สตรีซิกข์ควรสมรสกับบุรุษซิกข์
  • การสมรสตามพิธี ไม่จำเป็นต้องมีพิธีหมั่นก่อน ถ้ามีความประสงค์ที่จะประกอบพิธีหมั่น ให้ฝ่ายหญิงกำหนดวันเพื่อชุมนุมเจริญธรรม แล้วทำการสวดอัรดาสต่อหน้าพระพักตร์พระมหาคัมภีร์คุรุครันถ์ ซาฮิบ แล้วมอบกรีปาน การ่า และขนมหวาน ให้แก่ชายผู้เป็นคู่หมั่น
  • การกำหนดวันมงคลสมรส ให้กำหนดวันเวลาตามความเหมาะสมและสะดวกของทั้งสองฝ่าย ไม่มีการกำหนดฤกษ์ เนื่องจากเป็นสิ่งต้องห้ามในศาสนาซิกข์
  • ห้ามการประกอบพีธีกรรมหรือกระทำต่อไปนี้ การปกปิดใบหน้า สวมดอกไม้บนศีรษะ สวมเครื่องประดับบนศีรษะ ห้ามการเสพของมึนเมาในพิธีมงคลสมรส และการกระทำอื่นๆ ที่งมงายไร้สาระ
  • การจัดพิธีมงคลสมรสของชาวซิกข์ ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมพอเพียง ไม่ให้เป็นภาระแก่ฝ่ายใด เริ่มจากจัดให้มีการชุมนุมเจริญธรรมต่อหน้าพระมหาคัมภีร์คุรุครันถ์ซาฮิบ และมีการขับร้องบทสวดภาวนาโดยสังคีตจารย์ หรือศาสนิกชนทั้งหมดที่มาร่วมเจริญธรรม พร้อมจัดให้คู่บ่าวสาวมานั่งต่อหน้าพระมหาคัมภีร์คุรุครันถ์ซาฮิบ เจ้าสาวจะนั่งด้านซ้ายมือของเจ้าบ่าว แล้วขออนุญาตเริ่มประกอบพิธีจากศาสนิกชนที่มาร่วมชุมนุมเจริญธรรมและสังคีตจารย์ขับร้องบทสวดเพื่อขอพรจากพระศาสดา แล้วกล่าวเชิญให้คู่สมรส และบิดามารดาหรือผู้ปกครองของคู่สมรสลุกขึ้นยืน สวดอัรดาสขอพรจากพระมหาคัมภีร์ คุรุครันถ์ซาฮิบเพื่อจะดำเนินพิธีอนันด์การัช หลังจากนั้น ศาสนาจารย์จะอบรมสั่งสอนและแนะนำอธิบายหน้าที่ ข้อปฏิบัติในการดำรงชีวิตการครองเรือนตามแนวทางของศาสนวินัย และข้อบัญญัติของศาสดา
  • ขั้นต้นจะอบรมทั้งคู่บ่าวสาวให้เข้าใจในความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา โดยเปรียบเทียบกับความรักความผูกพันอันบริสุทธิ์ของดวงจิตของมนุษย์แต่ละคนที่มีต่อพระผู้เป็นเจ้าตามบทสวด “ลา ว่าห์” (บทสวดที่ใช้ในการประกอบพิธีมงคลสมรส)

 

  • ศาสนาจารย์จะอธิบายถึงความรักและความผูกพันของคู่สมรสที่มีต่อกันดุจดังมีจิตเดียวในสองร่างตลอดจนศรัทธาและเข้าถึง “อกาลปุรัค” (พระผู้เป็นเจ้า) โดยใช้ชีวิตอย่างผู้ครองเรือนและสามารถนำพาชีวิตคู่ให้ดำเนินได้อย่างราบรื่นตามแนวทางอันบริสุทธิ์แห่งพระธรรมคำสอนของพระศาสดา พร้อมกับอธิบายถึงหน้าที่และความรับผิดชอบในการครองเรือนของแต่ละฝ่าย
  • ศาสนาจารย์จะกล่าวให้เจ้าบ่าวทราบว่าทางครอบครัวของเจ้าสาวได้เลือกเขาเป็นผู้ที่เหมาะสมที่จะเป็นคู่ครองของเธอ ดังนั้น ในทุกโอกาสเขาต้องให้ความรักและร่วมทุกข์ร่วมสุข ต้องมั่นคง ซื่อสัตย์ ปกป้อง และคุ้มครองในเกียรติเธอและร่างกายของเธอ ปฏิบัติต่อเธอประดุจเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขา ให้ความเคารพและให้เกียรติบิดามารดาตลอดจนญาติมิตรของเธอเสมือนหนึ่งของตนเอง
  • ศาสนาจารย์จะกล่าวให้เจ้าสาวทราบว่าโดยพิธีสมรสที่กระทำต่อหน้าพระพักตร์ของพระศาสดาคุรุครันถ์ซาฮิบและสังคัต (ศาสนิกชนที่มาร่วมชุมนุมเจริญธรรม) ได้มอบเธอให้อยู่ในความดูแลของเจ้าบ่าว ขอให้เธอจงมอบความรักและความไว้วางใจทั้งปวงแก่เขา ร่วมทุกข์ ร่วมสุขในทุกโอกาส ต้องมั่นคงและซื่อสัตย์ต่อเขา รับใช้เขาในทุกแห่งหน ทุกสถานะ ให้ความเคารพและให้เกียรติบิดามารดาตลอดญาติมิตรของเขาเสมือนหนึ่งของตน
  • คู่บ่าวสาวหลังจากรับคำสั่งสอนแล้ว ทำความเคารพโดยการกราบให้หน้าผากจรดพื้นต่อหน้าพระพักตร์ศาสดาคุรุครันถ์ซาฮิบ จากนั้นบิดาหรือญาติผู้ใหญ่ของเจ้าสาวนำชายผ้า “บัลล่า” (ผ้าแพรสีชมพูยาวประมาณ 2.5 เมตร เป็นสัญลักษณ์ว่าบิดาฝ่ายหญิงได้มอบภาระการดูแลฝ่ายหญิงให้แก่ฝ่ายชายโดยสมบูรณ์) ข้างหนึ่งมาใส่ในมือของเจ้าบ่าว แล้วนำอีกปลายหนึ่งพาดเหนือไหล่ขวาของเจ้าบ่าวไปมอบใส่มือให้เจ้าสาวถือไว้ สังคีตจารย์จะขับร้องบทสวด หลังจากนั้นศาสนาจารย์ที่นั่งอยู่บนแท่นประทับจะเริ่มอ่านบทสวด “ลาว่าห์ ซูฮี มฮัลล่า 4” (บทสวดของพระศาสดาองค์ที่ 4) คู่บ่าวสาวจะกราบกับพื้นแล้วลุกขึ้นยืนฟังบทสวดลาว่าห์นี้
  • หลังจากสวดบทลาว่าห์เสร็จแต่ละบท เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะกราบลงกับพื้น แล้วเจ้าบ่าวจะเดินนำหน้าเจ้าสาว โดยเจ้าสาวจับชายผ้าบัลล่าข้างหนึ่งไว้เดินตามเจ้าบ่าวเวียนขวารอบแท่นประทับพระมหาคัมภีร์คุรุครันถ์ซาฮิบ ในขณะที่เดินแต่ละรอบนั้นสังคีตจารย์หรือศาสนิกชนที่มาชุมนุมก็จะเริ่มขับร้องบทสวดลาว่าห์ เมื่อเดินครบแต่ละรอบ คู่บ่าวสาวกราบลงกับพื้นแล้วลุกขึ้นยืนเพื่อรับฟังบทสวดลาว่าห์บทต่อไป เมื่อเดินครบสี่รอบแล้ว คู่บ่าวสาวก็จะนั่งลงกราบกับพื้น แล้วสังคีตจารย์จะขับร้องบทสวดอนันด์ซาฮิบห้าบทแรกและบทสุดท้าย จากนั้นมีการสวดอัรดาส แล้วป่านขอประทานพระบัญชาจาก พระมหาคัมภีร์คุรุครันถ์ซาฮิบเป็นอันเสร็จพิธีสมรสอนันด์การัช สุดท้ายจะมีการแจกขนมหวาน คาร่าปัรซาดแก่ศาสนิกชนที่มาร่วมพิธีทุกท่านโดยเสมอภาค
  • ห้ามชาวซิกข์ใช้สินสอดเป็นเงื่อนไขในการเลือกคู่สมรส
  • ถ้าคู่สมรสของหญิงใดสิ้นชีพลง หากหญิงนั้นมีความประสงค์จะสมรสใหม่ก็สามารถสมรสกับผู้ที่เหมาะสมได้ ในทำนองเดียวกับฝ่ายชายก็สามารถสมรสใหม่ได้ ในกรณีที่ภรรยาสิ้นชีพลงให้ใช้หลักเดียวกัน
  • โดยทั่วไปแล้ว ขณะที่ภรรยาหรือสามีคนแรกยังมีชีวิตอยู่ ชาวซิกข์ไม่ควรกระทำการสมรสใหม่
  • ชาวซิกข์ที่รับอมฤตแล้ว ควรให้ภรรยาหรือสามีของตนรับอมฤตด้วย

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย