ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ บุคคลสำคัญ ประเทศและทวีป >>
จังหวัดชายแดนภาคใต้สมัยอยุธยา
การปกครองของสยามต่อปัตตานีและหัวเมืองประเทศราชฝ่ายใต้ในสมัยอยุธยากล่าวโดย
ทั่วไปแล้วเป็นการปกครองอยู่ห่างๆมิได้เข้าไปแทรกแซงในกิจการของเมืองเหล่านั้นเลย
ทั้งนี้เนื่องจาก หัวเมืองเหล่านั้นอยู่ห่างไกลจากกรุงศรีอยุธยา การคมนาคมไม่สะดวก
อีกทั้งชาวเมืองก็ไม่ชอบ
ให้รัฐบาลสยามเข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิดหัวเมืองมลายูต่างก็มีเสรีภาพในการปกครองและการบริหารงาน
ในทุกด้าน รวมทั้งด้านกฎหมาย ประเพณีศาสนา
ในฐานะหัวเมืองประเทศราชเมืองมลายูเหล่านั้น ต้องส่งเครื่องบรรณาการ
ซึ่งชาวมลายูเรียกว่า บุหงามัส หรือดอกไม้เงินดอกไม้ทองทุก ๆ 3 ปี
ทั้งเวลาที่กรุงศรีอยุธยามีศึกสงครามจะต้องจัดส่งกำลังคน
ศัตราวุธและเสบียงอาหารไปช่วยเหลือ
ในบันทึกคำให้การของชาวจีนที่เป็นลูกเรือปัตตานี ฉบับลงวันที่ 23 เดือน 6
พ.ศ.2233 (ค.ศ. 1690) กล่าวถึง ความสัมพันธ์ระหว่างปัตตานีกับสยามสมัยอยุธยา
หลังจากปัตตานีเป็น อิสระจากมัชปาหิตและมะละกา ข้อความตอนหนึ่ง ระบุว่า
ปัตตานี ซึ่งเดิมเป็นของชวา นั้น
ได้กลายเป็นประเทศราชของอยุธยาและส่งเครื่องราช
บรรณาการให้อยุธยาเป็นเวลาช้านานแล้ว ประเทศนี้มีกษัตริย์เป็นสตรีมาแต่โบราณกาล
มีดินแดน กว้างใหญ่บริเวณพระราชวังมีผู้คนอยู่เป็นจำนวนมาก
ในบันทึกเรื่องประวัติมณฑลปัตตานี
ได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างปัตตานีกับสยาม
สมัยอยุธยาในลักษณะของเมืองประเทศราชที่ขึ้นต่อสยาม
ดังที่ปรากฏในข้อความตอนหนึ่งว่า
เจ้าเมืองปัตตานีดำริให้สร้างเมืองแห่งอื่น ๆ ให้เป็นเมืองขึ้นของปัตตานี
จึงได้ไปจัดสร้าง เมืองประเสมัชหรือเมืองทรายทอง
เนื่องจากได้ไปพบสถานที่ริมทะเลแห่งนั้นมีทรายสีแดงสุกใส งามเหมือนสีทองคำ
เมื่อความทราบถึงเจ้าเมืองไทรบุรี จึงทรงมีหนังสือตักเตือนมาว่าชื่อเมือง
ทรายทองไปพ้องกับเมืองของไทยที่เป็นราชธานีอยู่ในเวลานั้นจึงไม่เป็นการสมควร
ถ้าพระเจ้ากรุงไทย ได้ทรงทราบก็จะเป็นที่ขัดเคืองว่าไม่เคารพนับถือ
และตั้งแต่ครองเมืองปัตตานีมาก็ยังหาได้แต่ง
เครื่องราชบรรณาการต้นไม้เงินต้นไม้ทองนำเข้าไปยังเมืองไทรบุรีเพื่อส่งเข้าไปยังกรุงไทยไม่
เพื่อขอความคุ้มครองป้องกันเมืองปัตตานีที่ได้สร้างขึ้นใหม่เป็นสุขสืบไป
ตามคำสั่งที่บิดาเราสั่งไว้
ครั้งเมื่อเจ้าเมืองปัตตานีได้ทราบจากหนังสือของเข้าเมืองไทรบุรีจึงได้เปลี่ยนชื่อเมืองเสียใหม่
เป็นชื่อเมือง กะลันตัน แล้วก็ได้จัดส่งเครื่องบรรณาการดอกไม้ทองดอกไม้เงิน
นำไปยังเมือง ไทรบุรีเพื่อนำส่งถวายพระเจ้ากรุงไทย
ขอเป็นเมืองประเทศราชขึ้นกับกรุงไทยต่อไป โดยจัดส่ง 3 ปีต่อครั้งเสมอมามิได้ขาด