ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>
พิธีกรรมและเทศกาลของศาสนาพุทธในทิเบต
พุทธศาสนสถานสำคัญในทิเบต
พุทธศาสนสถานสำคัญในทิเบต
1.) วังโปตาลา
วังโปตาลาเริ่มสร้างในศตวรรษที่ 7 รัชสมัยพระเจ้าสรองสันคัมโป
และได้มาสร้างเพิ่มเติมในศตวรรษที่ 17 สมัยของทะไลลามะองค์ที่ 5
วังนี้ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขา ซึ่งในเวลานั้น
วังโปตาลาถือว่าเป็นวังที่สูงที่สุดในโลก วังโปตาลานี้ถือว่ามีความสวยงามมาก
หลังคาพุทธวิหารประดับด้วยกระเบื้องทองคำ
และมีพระเจดีย์ล้อมด้วยทองคำเรียงรายกันอยู่บนชั้นสูงสุด
วังนี้ใช้เป็นที่ประทับขององค์ทะไลลามะ
และบริเวณใกล้เคียงมีวิทยาลัยการแพทย์ตั้งอยู่
วังโปตาลาถือเป็นวังที่ศักดิ์ของชาวทิเบต
เพราะแม้แต่ในขณะชาวทิเบตเดินผ่านและมองเห็นยอดพุทธวิหารทองคำของวังนี้ก็จะคุกเข่าลงกราบพร้อมด้วยสวดมนต์ด้วยแรงศรัทธา
2.) วัดโจกัง (Jokhang Monastery: Jo = Buddha, Khang = House)
วัดโจกังสร้างในศตวรรษที่ 7 โดยพระเจ้าสรองสันคัมโป ตั้งอยู่ที่เมืองลาซา ซึ่งชาวทิเบตถือเป็นวัดที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ซึ่งในวัดมีพระพุทธเจ้า (พระพุทธรูปของพระพุทธเจ้าชื่อ Jwo Jowo Je) ประดิษฐานอยู่ที่วัดโจกังจะเนื่องแน่นไปด้วยผู้คนทุกวัน เนื่องจากในแต่ละวันจะมีชาวทิเบตจำนวนมากมาสวดมนต์ที่วัด
3.) วัดกันเดน (Ganden Monastery)
วัดกันเดนสร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1409 โดยท่านสองขะปะ สร้างขึ้นเมื่อท่านมีอายุได้ 50 ปี และท่านได้พักอาศัยอยู่วัดนี้ตั้งแต่เข้าสู่สมณเพศ วัดกันเดนจัดเป็นวัดใหญ่วัดหนึ่งในทิเบต ซึ่งมีพระอาศัยอยู่มากกว่า 3300 รูป และมีวิทยาลัยตั้งอยู่ภายในบริเวณวัดหลายแห่งด้วยกัน
4.) วัดเดรปุง (Drepung Monastery: Dre = Rice, Pung = Pile)
วัดนี้สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1416 โดยลูกศิษย์ของท่านสองขะปะชื่อ Jamyang Chojey
วัดเดรปุงจัดว่าเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในโลกในเวลานั้น เพราะมีพระประจำอยู่มากกว่า
10,000 รูป (ในเวลานี้มีพระประจำอยู่ประมาณ 500 รูป) โดยบริเวณวัดกว้างขวางมาก
ซึ่งในอดีตภายในวัดมีวิทยาลัยใหญ่ๆ ของทิเบตตั้งอยู่ถึง 4 แห่ง
แต่ได้ถูกประเทศจีนทำลายหมดทุกแห่ง หลังจากนั้น วิทยาลัย 2
แห่งได้มีการบูรณะขึ้นใหม่ในประเทศอินเดีย คือ Gomang และ Loseling
โดยผู้ลี้ภัยชาวทิเบต
ส่วนในด้านสถาปัตยกรรมสร้างด้วยศิลปะแกะสลักอย่างวิจิตรพิศดารงดงาม
แสดงถึงความศรัทธาที่มีต่อองค์ทะไลลามะ
และมีรูปเทพเจ้าประจำเพื่อบูชามากมายนับไม่ถ้วนอยู่ภายในวัด
5.) วัดเซรา (Sera Monastery)
วัดนี้สร้างขึ้นเมื่อประมาณปี ค.ศ. 1419 โดยศิษย์ของท่านสองขะปะชื่อ Jamchen Chojey และได้ถูกทำลายใน ค.ศ. 1906 โดยประเทศจีน และได้ทำบูรณะใหม่ขึ้นใหม่อีกครั้งในภายหลัง
วัดเซร่าตั้งอยู่ห่างจากเมืองลาซาไปทางทิศเหนือ 2 ไมล์ วัดเซราจัดเป็นวัดที่ใหญ่อันดับสองรองจากวัดเดรปุง มีพระอยู่ประจำมากกว่า 5000- 6000 รูป และมีวิทยาลัยใหญ่ 3 แห่งตั้งอยู่ในวัด เพื่อเป็นที่สำหรับสอบระดับเกเช่ ภายในวัดจะมีดอกกุหลาบดอกโตๆ ขึ้นเต็มไปหมด จึงได้รับนามว่า เซรา ซึ่งแปลว่า รั้วกุหลาบ
6.) วัดซัมเย
ประวัติศาสตร์ของวัดซัมเยมีอยู่ว่า กษัตริย์ซอง เด็ทเซ็นท่านได้นิมนต์ Guru
Paoma Sambhava มาเผยแผ่ธรรมให้กับชาวทิเบต
เพราะเดิมที่ทิเบตยังไม่มีการเผยแผ่ธรรมให้กับชาวทิเบต พอ Guru Paoma Sambhava
มาถึงทิเบตแล้ว ท่านก็เลือกสอนคนทิเบต 7 คน
ที่ท่านมองว่าเป็นคนฉลาดที่สุดมาเรียนกับท่านก่อน และเมื่อกษัตริย์ซอง
เด็ทเซ็นเห็นว่าพระสงฆ์เป็นกลุ่มกันแล้ว กษัตริย์ก็ได้จัดสร้างวัดถวายให้ ซึ่งก็คือ
วัดซัมเย
วัดซัมเยถือเป็นวัดแรกที่สร้างขึ้นตามหลักพุทธศาสนา สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 7
โดยกษัตริย์ซอง เด็ทเซ็น วัดแห่งนี้ใช้เวลาก่อสร้างถึง 12 ปี และมีพิธีต่างๆ
ทางศาสนาตลอดทั้งปี ที่วัดมีนักบวชหรือที่เรียกกันว่า ลามะ
คอยทำหน้าที่เผยแพร่คำสั่งสอนตามพุทธธรรม
ในส่วนโบสถ์วิหารขนาดใหญ่ภายในวัดนี้จะเป็นผลงานสถาปัตยกรรมอันยิ่งใหญ่ของทิเบตที่ประยุกต์เอาสถาปัตยกรรมของอินเดีย
จีน และทิเบตแท้ๆ เข้าด้วยกัน
แหล่งข้อมูล :
- ผู้ช่วยศาสตราจารย์บุญมี แท่นแก้ว.พระพุทธศาสนาในเอเชีย
(เน้นด้านอารยธรรม). พิมพ์ครั้งที่ 1, กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์. 2548.
บรรยง บุญฤทธิ์. โลกลึกลับของทิเบต. พิมพ์ครั้งที่ 2, ธีระการพิมพ์. 2541 - จากการสัมภาษณ์ Zoran Lazovic และแปลเป็นภาษาไทยโดย อ.หอม พรมอ่อน