ปรัชญา อภิปรัชญา ญาณวิทยา จิตวิทยา ตรรกศาสตร์>>
คัมภีร์คอมมิวนิสต์
นิพนธ์วิจารณ์ ฟอยเออร์บัค
แถลงการณ์พรรคคอมมิวนิสต์
บทบาทของแรงงานในการเปลี่ยนลิงให้เป็นคน
กำเนิดครอบครัวทรัพย์สินส่วนตัวและรัฐ
ว่าด้วยศาสนา
ว่าด้วยการนัดหยุดงาน
สงครามและสังคมนิยม
รัฐกับการปฏิวัติ
แนวชนชั้นในการปลดแอกสตรี
ในวิกฤตเศรษฐกิจกรรมาชีพสู้หรือไม่
ว่าด้วยขบวนการฟาสซิสต์
ทฤษฏีปฏิวัติถาวร
ประชาธิปไตยของแรงงาน
สงครามจุดยืนและสงครามขับเคลื่อน
ปัญญาชน
ระบบทุนนิยม:ถ้าไม่ปฏิวัติก็เท่ากับยอมจำนน
แนะนำทฤษฎีทุนนิยมโดยรัฐของ โทนี่ คลิฟ
การปฏิวัติถาวร "หันเห"
กำเนิดครอบครัวและการกดขี่ทางเพศ
โดย เฟรเดอริค เองเกิลส์ แปลโดย กุหลาบสายประดิษฐ์
คัดเลือกและเรียบเรียงใหม่โดย นุ่มนวล ยัพราช
รูปแบบครอบครัวของยุคบุพกาล
(จาก กุหลาบ สายประดิษฐ์ ๒๕๒๔ หน้า 46-50)
รูปแบบของครอบครัวที่เป็นรูปแบบเก่าที่สุดและดั้งเดิมที่สุดในหมู่มนุษย์ยุคดึกดำบรรพ์
เป็นรูปแบบที่คนในสมัยปัจจุบันไม่เคยรู้จักและยากที่จะนึกเห็นได้
รูปแบบของครอบครัวที่นักปราชญ์ได้คนพบว่ามีอยู่ในสมัยดึกดำบรรพ์นั้น
มิใช่รูปแบบที่เป็นหน่วยเล็ก ๆ ดังที่เรารู้จักกันในปัจจุบันนี้
รูปแบบของการสมรสที่เป็นบ่อเกิดของครอบครัวในยุคดึกดำบรรพ์โน้น
เป็นรูปแบบการสมรสหมู่ (Group marriage)
คือผู้ชายทั้งหมดและผู้หญิงทั้งหมดในหมู่มนุษย์
ที่รวมกันนั้นต่างก็เป็นผัวเป็นเมียของกันและกันเสมอหน้ากันหมด
ด้วยรูปแบบการสมรสเช่นนี้ความริษยาหึงหวงในเรื่องเพศจึงยากที่จะเกิดขึ้นได้ในหมู่มนุษย์ได้
หมู่มนุษย์ทั้งหมู่จึงรวมกันเป็นครอบครัวอันหนึ่งอันเดียวกัน เป็นพี่น้อง
"สังคญาติ" กันไปทั้งหมด พวกผู้ใหญ่ชายหญิงต่างก็ถือว่า เด็ก ๆ
ที่เกิดจากการสมสู่ของเขาทั้งหลายเป็นลูกเต้าของเขาทุกคน
ความริษยาหึงหวงจึงเป็นเรื่องที่แทบจะไม่รู้จักกันเลย
ในหมู่มนุษย์ปางดึกดำบรรพ์ ท่านนักปราชญ์ผู้สอบค้นเรื่องได้บันทึกไว้ว่า
ความริษยาหึงหวงนั้น เป็นอารมณ์ที่ได้คลี่คลายออกมาจากหมู่มนุษย์ในปางหลัง
อย่างไรก็ดี เมื่อกล่าวถึงการสมสู่แบบสำส่อนของมนุษย์ในยุคดึกดำบรรพ์นั้น ก็ควรเป็นที่เข้าใจด้วยว่า อาการสำส่อนนั้นหาใช่เป็นเรื่องที่ประพฤติปฏิบัติกันอย่างไม่เป็นส่ำ และเป็นอาจินก็หามิได้ การเลือกคู่ครองที่ต้องจิตต้องใจกันในหมู่คนป่าดึกดำบรรพ์เหล่านั้นทำด้วยความเต็มใจ และได้สมสู่อยู่ด้วยกันเป็นคู่ภายในระยะเวลาอันจำกัดก็ย่อมมีอยู่ภายใต้การสมสู่แบบสำส่อนนั้นด้วย
จากการสมสู่แบบสำสอนที่มนุษย์ชายหญิงในปางดึกดำบรรพ์ได้ปฏิบัติกันมา เพื่อความดำรงอยู่ยืนนานของเผ่าพันธุ์มนุษย์นี่เอง มอร์แกน (นักมนุษยวิทยา) ได้ศึกษาสอบค้นความคลี่คลายนี้ได้เป็นมาโดยลำดับ จึงสามารถลงความเห็นได้ว่าสืบต่อจากการสมสู่แบบสำส่อนอันปราศจากข้อกำหนดกฎเกณฑ์ใด ๆ นั้นแล้ว ก็ได้เกิดมีรูปแบบของครอบครัว ที่นับเอาทุกคนในหมู่เหล่าเป็นวงศ์วานว่านเครือกันทั้งหมด และมอร์แกนให้ชื่อรูปแบบของครอบครัวนี้ว่า ครอบครัวแบบสังคญาติ(Consanguine family)
หน้าถัดไป >>