ปรัชญา อภิปรัชญา ญาณวิทยา จิตวิทยา ตรรกศาสตร์>>
คัมภีร์คอมมิวนิสต์
นิพนธ์วิจารณ์ ฟอยเออร์บัค
แถลงการณ์พรรคคอมมิวนิสต์
บทบาทของแรงงานในการเปลี่ยนลิงให้เป็นคน
กำเนิดครอบครัวทรัพย์สินส่วนตัว และรัฐ
ว่าด้วยศาสนา
ว่าด้วยการนัดหยุดงาน
สงครามและสังคมนิยม
รัฐกับการปฏิวัติ
แนวชนชั้นในการปลดแอกสตรี
ในวิกฤตเศรษฐกิจกรรมาชีพสู้หรือไม่
ว่าด้วยขบวนการฟาสซิสต์
ทฤษฏีปฏิวัติถาวร
ประชาธิปไตยของแรงงาน
สงครามจุดยืนและสงครามขับเคลื่อน
ปัญญาชน
ระบบทุนนิยม:ถ้าไม่ปฏิวัติก็เท่ากับยอมจำนน
แนะนำทฤษฎีทุนนิยมโดยรัฐของ โทนี่ คลิฟ
การปฏิวัติถาวร "หันเห"
รัฐกับการปฏิวัติ
ในสภาพการณ์เช่นนั้น เมื่อคำนึงถึงการบิดเบือนลัทธิมาร์คซ์อย่างกว้างขวางดังไม่ปรากฏมาก่อน งานหลักของเราจึงได้แก่การวางรากสิ่งที่มาร์คซ์สอนเอาไว้อย่างแท้จริงเกี่ยวกับรัฐเสียใหม่ เพื่อการนี้จำเป็นต้องอ้างข้อความยืดยาวจากบทนิพนธ์ของมาร์คซ์และเองเกิลส์ อันที่จริงการยกข้อความยาวๆ ขึ้นมาอ้างอาจ ทำให้หนังสือดูรุ่มร่ามหรืออาจไม่ทำให้หนังสือน่าอ่านนัก ทว่าเราไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ข้อความทั้งหมดหรือข้อความที่สำคัญที่สุดทั้งหมดจากบทนิพนธ์ของมาร์คซ์และเองเกิลส์ในส่วนที่เกี่ยวกับรัฐ จะต้องนำมาอ้างอย่างมิให้ตกหล่น ให้สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อว่าผู้อ่านจะได้สร้างแนวคิดอันเป็นอิสระเกี่ยวกับทัศนะโดย ประมวลของผู้ก่อตั้งลัทธิมาร์คซ์ (ลัทธิสังคมนิยมวิทยาศาสตร์) รวมทั้งพัฒนาการของทัศนะเหล่านี้ และเพื่อว่าการบิดเบือนทัศนะเหล่านี้โดย ลัทธิเคาท์สกี้ ที่แพร่หลายอยู่ขณะนี้จะได้รับการพิสูจน์หักล้างอย่างมีหลักมีเกณฑ์ และได้รับ การตีแผ่ออกมาอย่างชัดแจ้ง
ขอให้เราเริ่มต้นกันด้วยบทนิพนธ์ของเองเกิลส์ที่แพร่หลายที่สุดชื่อ
กำเนิดครอบครัว กรรมสิทธิ์เอกชนและรัฐ
ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 6 ในสตุดการ์ด ปี 1894
เราจำต้องแปลข้อความที่ยกมาอ้างจากต้นฉบับภาษาเยอรมัน
เพราะฉบับแปลเป็นภาษารัสเซีย แม้จะมีอยู่หลายสำนวน แต่ส่วนมากไม่สู้สมบูรณ์
หรือไม่ก็แปลได้ไม่ใคร่สมใจนัก
ในการสรุปบทวิเคราะห์ประวัติศาสตร์ของเองเกิลส์กล่าวว่า:
เพราะฉนั้น รัฐจึงมิใช่อำนาจที่ครอบจากภายนอก มิใช่ สภาพเป็นจริงของความคิดจริยธรรม มิใช่ ภาพและสภาพเป็นจริงของเหตุผล ดังที่เฮเกิลยึดถือ ตรงข้ามรัฐคือผลผลิตของสังคม ณ ขั้นใดขั้นหนึ่งแห่งพัฒนาการ (การดำรงอยู่ของรัฐ) เป็นการยอมรับว่าสังคมนี้เวียนว่ายอยู่ในความขัดแย้งกับตนเองอย่างไม่อาจแก้ได้, ว่าสังคมนี้ได้แตกแยกออกเป็นปฏิปักษ์อันไม่อาจออมชอมกันได้, ซึ่งสังคมไร้อำนาจที่จะขจัดปัดเป่า แต่เพื่อว่าความเป็นปฏิปักษ์เหล่านี้ และชนชั้นทั้งหลายที่มีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจขัดกัน จะไม่เผาผลาญตัวเองและสังคมในการต่อสู้ที่ไร้ประโยชน์ จึงจำเป็นต้องมีอำนาจหนึ่งสถิตอยู่เหนือสังคม เพื่อทำหน้าที่บรรเทาความขัดแย้ง, ทำหน้าที่จำกัดความขัดแย้งให้อยู่ภายในวงของ ระเบียบ และอำนาจนี้เอง ซึ่งถือกำเนิดออกมาจากสังคม แต่วางตัวอยู่เหนือสังคม และทำตัวเองให้ห่างเหินแปลกหน้าจากสังคมทุกขณะ คือรัฐ (หน้า 177-178 ฉบับภาษาเยอรมันพิมพ์ครั้งที่ 6)
นี่แสดงให้เห็นอย่าชัดแจ้งสมบูรณ์ถึงความคิดมูลฐานของลัทธิมาร์คซ์เกี่ยวกับปัญหาบทบาททางประวัติศาสตร์และความหมายของรัฐ รัฐคือผลผลิตและการปรากฏตัวของ ความออมชอมกันไม่ได้ ซึ่งความเป็นปฏิปักษ์ทางชนชั้น รัฐเกิดขึ้นในเมื่อในที่และในขอบเขตที่ความเป็นปฏิปักษ์ทางชนชั้นไม่อาจออมชอม กันได้ทางภาวะวิสัย และในทางกลับกันการดำรงอยู่ของรัฐก็เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าความเป็นปฏิปักษ์ทางชนชั้นไม่มีทางออมชอมกันได้เป็นอันขาด