ปรัชญา อภิปรัชญา ญาณวิทยา จิตวิทยา ตรรกศาสตร์>>
โสคราตีส
3
สิ่งที่ควรทำในสถานการณ์ที่เป็นรูปธรรมหาเสมอเหมือนมิได้ ในทัศนะของโสคราตีสนั้น ไม่สามารถใช้เหตุผลตัดสินได้เสมอไป ทวยเทพทั้งหลายได้ให้ความช่วยเหลือเรา ความช่วยเหลือนี้มีขอบเขตนอกเหนือนั้นมีได้เพียงเชื่อฟัง ไม่จำเป็นต้องเข้าใจ โสคราตีสเล่าเรื่องเทพประจำตัวที่มาพูดกับเขาในห้วงเวลาสำคัญสมัยเมื่อครั้งเขายังเด็กเสียงนี้ มักห้ามแต่ไม่บังคับว่าข้าพเจ้าจะต้องไม่กระทำอย่างนั้นอย่างนี้ ยกตัวอย่าง เสียงนี้กล่าวไม่ทุกเมื่อที่เขาคิดจะก้าวเข้าสู่ชีวิตทางการเมือง เมื่อลูกศิษย์ที่ละ จากเขาไปต้องการกลับมาหาเขา เทพประจำตัวก็แสดงการคัดค้านเป็นการเฉพาะราย ไม่ทุกราย ระหว่างการไต่สวนคดีความเขา เสียงนี้เงียบ เขาจึงพบว่ามันแปลกและทำให้เขาเกิดมีกำลังใจขึ้นมา เมื่อเร็ว ๆ นี้ อานุภาพแห่งจิตสูงส่ง ก็ยังคงคัดค้านข้าพเจ้าอยู่สม่ำเสมอหากข้าพเจ้าจะทำการสิ่งหนึ่งสิ่งใดพลั้งพลาดหรือเลอะเลือนแม้เป็นแต่เรื่องไม่สลักสำคัญอะไร และเวลานี้ท่านย่อมเห็นอยู่แล้วว่ามีสิ่งเกิดขึ้นแก่ข้าพเจ้าที่อาจคิดได้ว่าเป็น ความชั่วครั้งสุดท้ายที่เลวร้ายยิ่งนัก (คำพิพากษาให้ประหารชีวิต) แต่เสียงแห่งเทวะ ไม่ได้แสดงอาการคัดค้านแต่อย่างใด ไม่ว่าข้าพเจ้าออกจากบ้านในเวลาเช้า หรือเมื่อระหว่างข้าพเจ้า เดินทางมาศาล หรือเมื่อข้าพเจ้ากำลังพูดอยู่นี้ อาณัติสัญญาณที่เคยเกิดขึ้นอยู่เป็นประจำย่อมจะ ขัดขวางข้าพเจ้าอย่างแน่นอน หากข้าพเจ้ากำลังจะไปสู่ความชั่ว ไม่ไปหาความดี (อาโปโลจี) ก่อนหน้าข้าพเจ้า โสคราตีสพูด ข้าพเจ้า สงสัยว่าจะเคยมีใครได้รับความกรุณาด้วยเสียงเตือนทำนองเดียวกันนี้หรือไม่
เสียงมิได้นำความรู้มา มิได้แนะให้กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเป็นการเฉพาะเจาะจง เพียงแต่พูดว่าอย่ามันห้ามไม่ให้เขาพูดหรือทำอะไรที่จะมีผลชั่วร้ายตามมาในภายหลัง และโสคราตีสเชื่อฟัง ข้อห้ามพวกนั้นโดยไม่ไปพยายามทำความเข้าใจมัน มันไม่ใช่โองการมีจริงภายนอกความคิด แต่เป็นความที่ไม่อาจสื่อสารกันได้ มันใช้ได้ก็แต่กับการกระทำของตัวโสคราตีสเอง
ชีวิตของโสคราเต็สไม่ใช่ละคร ยกเว้นตอนจบ เขาตายโดยไม่ท้าทายหรือตัดพ้อ ข้าพเจ้า ไม่โกรธผู้ตัดสิน ประหารชีวิตข้าพเจ้า หรือผู้ฟ้องร้องกล่าวหาข้าพเจ้า
ชีวิตของโสคราเต็สไม่ใช่ละคร ยกเว้นตอนจบ การพิจารณาความคดีหมิ่นเทพเจ้าของเขาจบลงด้วยคำพิพากษาให้ประหารชีวิตผลที่ออกมานี้มิใช่เรื่องบังเอิญ ประวัติศาสตร์อันยาวนานนำไปสู่ผลใน (บทละครเรื่อง) หมู่เมฆ (Clouds, 423) อริสโตฟาเน็สวาดพรรณนาตัวโสคราตีสว่าเป็นผู้ผูกมัดตนกับปรัชญาธรรมชาติ สาละวนอยู่กับปรากฏการณ์บนฟ้าสูงและสิ่งเบื้องล่างใต้โลก ปฏิเสธบรรดาทวยเทพ ตามขนบความเชื่อที่สืบเนื่องมานาน เพราะเขาเอาอากาศและหมู่เมฆมาแทนที่ สอนศิลปะการอ้างเหตุผลแม้ผิด ๆ และเรียกเงินเป็นค่าสอน-ตรงกันข้ามโดยแท้ทีเดียวกับโสคราเต็สที่เรารู้จัก นับจากนั้นก็มี ข้อกล่าวหาใหม่ ๆ เกิดขึ้น เขาถูกฟ้องว่าสอนคนหนุ่มให้เกียจคร้านวางหลักคำสอนที่ผิดศีลธรรมจากการ ตีความบทกวี ในจำนวนลูกศิษย์ของเขาก็มีศัตรูของประชาชนอย่างอัลคีบีดีสและไครเทียสรวมอยู่ด้วย อะไรทำให้ภาพผิด ๆ น่าพิศวงนี้เกิดขึ้น? สมัยเมื่อเขายังหนุ่ม แน่ละโสคราตีสสาละวนอยู่กับปรัชญาธรรมชาติและลัทธิโซฟิสต์ แต่เหนืออื่นใดทั้งหมดเขาถูกมองว่าเป็นตัวแทนขบวนการปรัชญาใหม่ ทั้งขบวนที่ถูกต่อต้านจากมติมหาชน ประชาชนสับสนเอาคนที่เหนือพ้นลัทธิโซฟิสต์แล้วไปปะปนกับตัวลัทธิโซฟิสต์เอง เพราะกรรมวิธีการใหม่ที่พวกเขาปฏิเสธนั้นมันเหลือจะทน โสคราตีสถามไม่หยุดหย่อน เขาต้อนผู้ฟังของเขาเข้าสู่ปัญหาพื้นฐานของคน แต่ไม่เฉลย ความสับสนคือความสำนึกของผู้ด้อยกว่า และข้อเรียกร้องที่เขาสร้างขึ้นนั้นก่อให้เกิดความโกรธและความเกลียดขึ้นมา ปฏิกิริยาดังกล่าวอันหนึ่งนั้นเป็นของอิปเปียส : เพราะท่าน เยาะเย้ยผู้อื่น ซักถามและตรวจสอบคนทุกคนไม่เคยตั้งใจแสดงความรับผิดชอบต่อตนเองบ้าง หรือแถลงความเห็นอย่างหนึ่งอย่างใดก็ไม่เคยมีเลย (เซโนฟ็อน) และดังนั้นในปี 399 โสคราเต็สจึงถูกดำเนินคดีตามข้อกล่าวหา ละเมิดกฎหมาย เพราะเขาไม่เชื่อในเทพเจ้าทั้งหลายของประเทศของเรา ประกอบกิจศรัทธาความเชื่อในปิศาจตนใหม่ และชักนำคนหนุ่มหลงทาง
ดูเหมือนโสคราตีสไม่นำพาข้อกล่าวหาเหล่านี้ตลอดเวลาหลายปี ตราบใดที่เขายังมีชีวิตอยู่ ตราบนั้นไม่มีวรรณกรรมมาปกป้องปรัชญาเขา ตัวเขาเองไม่เคยเขียนสักบรรทัด เขาไม่เคยถอนตนสู่ความสันโดษแบบคนชั้นสูงทั้งไม่จำกัดคำสอนของเขาไว้ในแวดวงที่เลือกสรรแล้ว หากแต่สอนอยู่ตามข้างถนนและย่านร้านตลาดต่อหน้าสาธารณชน โสคราตีสพูด และนี้เป็นประเด็นหลักในการป้องกันตนเองว่า พระเจ้าสั่งให้เขาใช้ชีวิตไปกับการค้นหาตนเองและผู้อื่น ข้าพเจ้าจะเชื่อฟังพระเจ้ามากกว่าเชื่อฟังท่าน และขณะที่ข้าพเจ้ายังมีลมหายใจและแข็งแรงอยู่ข้าพเจ้าจะไม่เลิกการขบคิดปรัชญา จะไม่เลิกเคี่ยวเข็ญคนที่ข้าพเจ้าพบ ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร ข้าพเจ้าจะกล่าวแก่เขาตามแบบของข้าพเจ้า : ท่านผู้เป็นสหายของข้าพเจ้า ท่านไม่ละอายใจบ้างหรือ สนใจปัญญา เอาใจใส่สัจจะและการทำความดีให้เกิดในวิญญานแม้เพียงสักเล็กน้อยท่านก็ ไม่เคยเหลียวแลหรือนึกถึงมันเลย ?
แล้วการป้องกันตนเองก็กลับเป็นการโจมตีพวกผู้พิพากษา เพราะถ้าพวกท่านฆ่าข้าพเจ้า เขาประกาศ พวกท่านจะค้นพบคนอย่างข้าพเจ้าไม่ได้ง่าย ๆ ถ้าให้ข้าพเจ้าเปรียบเปรยซึ่งน่าหัวเราะ คนแบบข้าพเจ้าคือตัวเหลือบที่พระเจ้าประทานมาให้กับเมือง เกาะติดพวกท่านเสมอ ปลุกเร้าชักชวนและตำหนิพวกท่าน (แต่) พวกท่านอาจรู้สึกโมโหฉุนเฉียวคล้ายคนที่ถูกปลุกให้ตื่นจากหลับในทันที และอยากทุบตีข้าพเจ้าให้ตายในทันใด จากนั้นจึงล้มตัวลงหลับไปตลอดชีวิตที่เหลือของพวกท่าน
ความตายของเขามากกว่าอย่างอื่นที่ สลักเสลาจินตภาพของโสคราตีส ที่ล่วงเข้าไปในขนบจารีต เขาเป็นคนยอมตายเพื่อปรัชญา เป็นเหยื่อตุลาการฆาตกรรมในอุ้งมือของประชาธิปไตยเอเธนส์ แต่คนบางคนมีคำถามกับการประณามการตัดสินความเขาครั้งนี้ คำโต้แย้งของพวกเขาโดยคร่าว ๆ เป็นดังนี้ : โสคราตีสอาจเอาชีวิตรอดได้โดยง่าย ด้วยการขอใช้สิทธิป้องกันตนเอง เขาหมิ่นคำพิพากษาก็ด้วยความ ถือดีท้าทายอำนาจของมนุษย์ เขาได้รับข้อเสนอที่เป็นทางออกอยู่จำนวนหนึ่ง แต่กลับไม่ฉวยใช้ประโยชน์เอง เขาอาจเลี่ยงโทษประหารได้โดยง่ายเพียงหลบหนีไปเท่านั้น เขาปฏิเสธที่จะสร้างสันติกับธรรมนูญที่ ไม่ได้จารึกของชุมชน เขาจงใจเป็นเหตุแห่งความตายของตน ด้วยเหตุนี้จึงไม่ใช่ตุลาการฆาตกรรม แต่เป็นตุลาการอัตวินิบาตกรรม บรรดาผู้มีความเห็นดังกล่าว ผู้ถือว่าไม่ใช่ฆาตกรรมแต่เหยื่อต่างหากที่รู้สึกผิดย่อมพลาดไม่เข้าใจว่าภารกิจอันประเสริฐของเขา ในการทำงานเพื่อสัจจะต่างหาก ที่ห้ามโสคราเต็สไม่ให้หลวมตัวยอมรับเเละหลบหนี โสคราตีสยอมพลีชีพเพื่อยืนยันในสัจจะ เขาเป็นพยาน
ข้อโต้แย้งบทตั้งตุลาการฆาตกรรมเหล่านี้มีประโยชน์สำหรับคำพิพากษาของเราที่มีไม่ใช่ต่อโสคราตีส หากแต่ต่อผู้อ่านเรื่องราวของโสคราตีส การป้องกันตัวของเขาก็เหมือนกับทุกสิ่งที่โสคราตีสทำลงไป มันอันตรายต่อ การทำความเข้าใจของเรา สมเหตุสมผลต่อเมื่อเชื่อมเข้ากับปรัชญาของเขา พิจารณาในแง่นามธรรม มันสอนให้ผู้อ่านมีท่าทีผิด ๆ ขบถหัวอื้อ เป็นการทำให้ศีลธรรมดีขึ้นแบบผิด ๆ แทนที่จะก้าวเข้าไปสู่ภาวะจิตใจพื้นฐานของโสคราตีส ตัวของผู้อ่านนั้นเองจะกลายเป็นคนอวดเด่นถือดี โดยการมองแบบไม่ตั้งใจว่าโสคราตีสเป็นคนอวดดี มีความสุขจากการที่ ดูหมิ่นประชาชนและผู้พิพากษา
โสคราตีสเท่านั้นที่จะสามารถสมานตัวเราเข้ากับความตายของเขาได้ เขาตายโดยไม่ท้าทายหรือตัดพ้อ ข้าพเจ้าไม่โกรธผู้ตัดสินประหารชีวิตข้าพเจ้า หรือผู้ฟ้องร้องกล่าวหาข้าพเจ้า นี้เป็นวาทะสุดท้ายของเขา เขาเชื่อมั่นว่าสำหรับคนดีแล้วย่อมจะไม่มีความชั่ว มูลเหตุอันนี้ของเขาจะไม่ถูกทวยเทพทอดทิ้ง
ปัจฉิมวาทะของโสคราตีสนั้นคือ : ข้าพเจ้าขอบอกแก่พวกท่าน คนที่ฆ่าข้าพเจ้าว่า หลังการจากไปของข้าพเจ้าแล้ว โดยทันทีโทษทัณฑ์ จะตกแก่พวกท่าน จะมีผู้ฟ้องร้องกล่าวหาพวกท่านมากกว่าที่มีอยู่เวลานี้ แต่ก่อนข้าพเจ้าได้เหนี่ยวรั้งพวกเขาเอาไว้ พวกเขาจะไม่เกรงอกเกรงใจพวกท่าน อีกต่อไป พวกเขาจะทำกับพวกท่านยิ่งกว่าข้าพเจ้า เพราะพวกเขายังหนุ่มหากพวกท่านคิดว่าการฆ่าคนสามารถทำให้พวกท่านป้องกันคนบางคนไม่ให้มา ตรวจสอบชีวิตชั่วร้ายของพวกท่านได้แล้ว พวกท่าน เข้าใจผิด