สังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์ การเมือง เศรษฐศาสตร์ >>

ประชาคมโลก (Global Community)

คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย

กำเนิดและวิวัฒนาการของมนุษย์

หลังจากที่โลกได้อุบัติขึ้นในระยะเริ่มต้นจะเป็นลักษณะของกลุ่มก๊าซร้อนและหมอกเพลิงเหนือขึ้นไปเป็นชั้นของบรรยากาศซึ่งมี โอโซน(O3) และไฮโดรเจน (H2) เป็นองค์ประกอบที่สำคัญ พลังแห่งความร้อนได้ทำให้ปฏิกิริยาทางเคมีพื้นฐานประทุขึ้น นั่นก็คือการแตกตัวของก๊าซโอโซนออกเป็นก๊าซออกซิเจน (O2) ประจุเดี่ยวอีกตัวหนึ่งของก๊าซออกซิเจนเข้าไปรวมตัวกับกับก๊าซไฮโดรเจน ผลลัพธ์ของปฏิกิริยาเคมีที่สำคัญครั้งนี้ทำให้ปัจจัยธาตุพื้นฐานในการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตในโลกเกิดขึ้น คือน้ำ (H2O) และออกซิเจน (O2)

ปฏิกิริยาทางเคมีเช่นที่ว่านี้ ดำเนินต่อไป ในขณะที่เถ้าแห่งปฏิกิริยาเคมีถูกแรงดึงดูดให้ตกตะกอนทับถมลงในน้ำซึ่งเกิดขึ้นก่อนหน้านั้นผนวกกับการแปรสภาพทางเคมีของน้ำ วันแล้ววันเล่า นับแสนล้านปีของวัฏจักรทางเคมีรวมทั้งวัฏจักรของน้ำนี้ได้ทำให้ตะกอนของเถ้าเคมีได้เพิ่มปริมาณขึ้นและเปลี่ยนสภาพเป็นแผ่นดิน ดังเช่นที่ปรากฏในปัจจุบัน

 เมื่อปัจจัยพื้นฐานเหล่านี้ รวมทั้งอุณหภูมิบนพื้นผิวโลกลดลงอยู่ในระดับเหมาะสมประมาณ 37 ถึง 40 องศาเซลเซียส สิ่งมีชีวิตจำพวกสัตว์เซลเดียว(Single Organism) ซึ่งมีเพียงนิวเคลียส ถือกำเนิดขึ้นในน้ำ จากนั้นวิวัฒนาการเป็นสัตว์หลายเซล (Multi Cellular Organism) สัตว์น้ำ สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ  สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์บก อวัยวะของสัตว์แต่ละยุคสมัยเกิดพัฒนาการหดหายไปหรือแปรสภาพไปให้เหมาะสมสำหรับการดำรงชีวิต ตามทฤษฏีวิวัฒนาการรวมทั้งกฎแห่งการใช้และไม่ใช้ (Law of Use and Disuse of Evolutionary Theory) ของชาลส์ ดาร์วิน บิดาแห่งวงการชีววิทยา

 และเมื่อกว่า 60 ล้านปี หนึ่งในจำนวนสายพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตทั้งมวลนั้นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดหนึ่งได้วิวัฒนาการกลายเป็นพวกมนุษย์วานร (Ape) พยายามยืดตัวขึ้น และเคลื่อนไหวด้วยการใช้เท้าหลัง ในขณะที่เท้าคู่หน้าได้พัฒนาจากการการใช้ในการเคลื่อนไหว มาเป็นการทำหน้าที่อย่างอื่นเช่น การช่วยพยุงตัว การหยิบจับ หรือการถือวัตถุสิ่งของ ในทางชีววิทยาเชื่อว่าเป็นต้นกำเนิดและบรรพบุรุษของมนุษย์ในปัจจุบัน โดยใช้ศัพท์ทางวิทยาศาสตร์ว่า Homo ซึ่งแปลว่า มนุษย์ (สายพันธุ์ของมนุษย์ในปัจจุบันในทางวิทยาศาสตร์เรียกว่า (Homo Sapiens)

จากนั้นเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ได้วิวัฒนาการผ่านยุคสมัยต่างๆ ตามกาลเวลาที่เปลี่ยนแปลงไป เริ่มต้นจากมนุษย์ยุคหินเก่า ซึ่งมีเพียงขวานหินรวมทั้งเครื่องมือเครื่องใช้ที่ทำจากหินเป็นอุปกรณ์ในการดำรงชีวิต สภาพการดำรงชีวิตในยุคแรกจะอยู่กันเป็นกลุ่ม (Band) เมื่อจำนวนสมาชิกเพิ่มจำนวนมากขึ้นด้วยการเกิดสมาชิกใหม่ตามธรรมชาติหรือการโจมตี (Raiding) กวาดต้อนกลุ่มที่ด้อยอำนาจกว่ามาเป็นบริวาร จากสภาพกลุ่มจะพัฒนาขึ้นเป็นเผ่าชน (Tribe) หลายๆ เผ่าชนถูกผนวกให้มีขนาดจำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น ความซับซ้อนของระบบสังคมรวมทั้งความจำเป็นในวิถีการดำรงชีวิต (Mode of Subsistence) พัฒนาการนี้ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่แว่นแคว้นและอาณาจักร (Chiefdom and Kingdom) ระบบต่างๆ ในสังคมได้พัฒนารูปแบบการเมืองการปกครอง กฎ กติกา เพื่อที่จะร้อยรัดทำให้คนจำนวนมากอยู่รวมกันด้วยความสงบสันติ

ทว่า ความต้องการทรัพยากรจำเป็นในการดำรงชีวิตของข้าราษฎร์ ความกระหายอำนาจ รวมทั้งปัจจัยอื่นๆทำให้เกิดการสถาปนาใหม่ การล่มสลาย สงคราม ความขัดแย้งของอาณาจักรต่างๆทั่วโลก อาณาจักรที่มีพลังอ่อนแอในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นผู้นำ ระบบสังคม หรือสมาชิกในอาณาจักรนั้นก็จะถูกอาณาจักรที่เข้มแข็งกว่าทุกๆ ด้าน ผนวกให้เข้าไปรวมอยู่ภายใต้การปกครอง และเกิดการสถาปนารัฐชาติหรือประเทศต่างๆ ขึ้นทั่วโลก ในระยะต่อมาเหตุการณ์เหล่านี้ดำเนินติดต่อกันมาจนปรากฏให้เห็นสภาพความเป็นไปรวมทั้งความเป็นอยู่ของประชาคมโลกในปัจจุบัน

จากที่กล่าวนำมาทั้งหมดจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า โลกอยู่ภายใต้กฎอันเป็นปรมัตถสัจจะ ซึ่งหมายถึง ความจริงแท้ที่ไม่จำต้องพิสูจน์ นั่นคือ การเปลี่ยนแปลง ดังนั้น ในเอกสารประกอบการเรียนนี้ จึงให้ความสำคัญต่อเรื่องดังกล่าวในทุกบทเรียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเป็นไปของโลกในปัจจุบัน รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลกในหลายๆ ด้านที่มีผลกระทบต่อวิถีการดำรงชีวิตของมนุษยชาติหรือประชาคมโลกส่วนใหญ่

อ่านต่อ >>>

» มนุษย์ภายใต้กระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก

» ภูมิศาสตร์และสภาวะแวดล้อมโลก

» สถานการณ์ด้านสังคมและวัฒนธรรม

» เศรษฐกิจโลก

» การเมืองระหว่างประเทศ

» ระบบกฎหมายของโลก

» สิทธิมนุษยชนในกระแสโลกาภิวัตน์

» เทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลง

» ประชาคมโลกภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์

» บรรณานุกรม

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย