ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>
นรก
ขุมที่ 5 - มหาโรรุวนรก
นรกใหญ่ที่ 5 ชื่อมหาโรรุวนรกนั้น ตั้งอยู่ในภายใต้ถัดโรรุวนรกลงไป ที่ได้นามว่ามหาโรรุวนรกนั้น ว่าอออึงไปด้วยเสียงร้องไห้ ร้องครางเป็นอันมาก มิได้สงบเสียงเลยแต่สักเวลาเดียว และมหาโรรุวนรกนี้ มีสัณฐานเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส โดยกว้างยาวและลึกนั้นได้ 100 โยชน์ มีฝาผนังทั้ง 4 ด้าน แล้วด้วยเหล็กหนา 9 โยชน์ ฝาปิดเบื้องบนและพื้นล่างนั้น ก็แล้วเหล็กหนา 9 โยชน์เท่ากัน มีประตู 4 ประตูด้านละประตูๆ ฝาผนัง 4 ด้าน และฝาปิดเบื้องบนและพื้นล่างนั้น รุ่งเรืองเป็นเปลวเพลิงทั้งสิ้น รตฺตปทุมปุบฺผํวิย เพลิงนั้นมีสีแดงดุจดอกบัวแดง ในภายในมหาโรรุวนรกนั้น เต็มไปด้วยต้นบัวเหล็กทั้งหลาย งอกขึ้นเนืองแน่นกันไม่มีระหว่าง มีหนามมากและแหลมสะพรั่ง บัวเหล็กแต่ละต้นๆ นั้น มีสัตว์นรกประจำอยู่ต้นละคนๆ เปลวเพลิงย่อมเกิดขึ้นแต่พื้นแผ่นดินเหล็กเบื้องต่ำ มีเสียงดังลั่นคึกๆ รุ่งโรจน์โชติ ขึ้นไปถึงสัตว์นรกเหล่านั้นแล้ว ก็เผากายแห่งสัตว์นรกเหล่านั้น ให้รุ่งเรืองเป็นเปลวเพลิงไปทั่วทั้งกาย อสหมานา สัตว์นรกเหล่านั้น มิอาจจะทนความร้อนอยู่ได้ ก็ร้องไห้ร้องครางเสียงเซ็งแซ่น่าพิลึกพึงกลัว ต่างคนต่างก็ร้องไห้ ดิ้นรนอยู่บนต้นบัวเหล็กนั้น น่าสมเพชเวทนายิ่งนัก บางคนดิ้นรนพลัดตกลงมา จากต้นบัวเหล็กนั้น ก็ต้องศัสตราวุธ นายนิรยบาลๆ ทั้งหลาย ที่คอยอยู่ข้างล่างนั้น ก็พากันรุมแทงด้วยหอกและฉมวก ตีด้วยไม้ค้อนเหล็กอันใหญ่ ทำลายสมองศีรษะให้แหลกเรี่ยรายกระจายไป สัตว์นรกบางจำพวกยกมือขึ้นไหว้วอนขอโทษ นายนิรยบาลก็ยิ่งโกรธ ทำโทษไม่ปรานีปราศรัย ตีลงด้วยไม้ค้อนเหล็กใหญ่ ประดังลงไปเหนือศีรษะๆ ก็แตกออกไป เยื่อหุ้มสมองศีรษะก็ไหลออกมา ดุจกระแสทธิในหม้อ ที่บุคคลต่อยให้แตกฉะนั้น ตายแล้วก็กลับเป็นร่างกายขึ้นมาอีกเล่า ทนทุกขเวทนาดังนี้สืบต่อไป สัตว์นรกบางจำพวก สะดุ้งตกใจกลัวนายนิรยบาล ก็พากันวิ่งหนีปีนขึ้นไปบนกำแพงเหล็ก ด้วยหมายใจว่า จะหนีไปให้พ้นนายนิรยบาลๆ ก็ไล่ติดตามร้องตวาดว่า สัตว์เหล่านี้จะวิ่งหนีไปข้างไหน ปีนขึ้นไปบนกำแพงนั้นจะพ้นแล้วหรือ ครั้นนายนิรยบาลไล่ตามทันเข้าแล้ว ก็ตีด้วยไม่ค้อนเหล็กใหญ่ ตีจนกระดูกสัตว์นรกเหล่านั้นแตกเป็นจุณไป ตายแล้วก็กลับเป็นขึ้นมาอีกเล่า ทนทุกขเวทนาอยู่ดังนี้ ประมาณกาลช้านานได้ 8,000 ปี ในมหาโรรุวนรก ถ้าจะนับเป็นปีในมนุษย์นี้ 230 โกฏิกับ 4 ล้านปี จึงเป็นวันหนึ่งคืนหนึ่งในมหาโรรุวนรกนั้น เพราะวิบากกรรมให้ผลแก่สัตว์นรกเหล่านั้น เมื่อชาติก่อนนั้น เป็นคนใจบาปหาความกรุณาแก่สัตว์มิได้ ตีศีรษะสัตว์ติรัจฉานให้ถึงแก่ความตาย ตีศีรษะมนุษย์ให้ถึงแก่ความตาย ไม่มีความกรุณาแก่เพื่อนมนุษย์ ที่มีชาติเสมอกัน เป็นคนลุอำนาจแก่วธกะ เจตนาฝ่ายเดียว ถ้าเห็นว่าตีทีเดียวยังไม่ตาย ก็ตีซ้ำลงไปให้ตายให้จงได้ อกุศลกรรมดังนี้แหละให้ผล จึ่งลงมาทนทุกขเวทนา อยู่ในมหาโรรุวนรกนี้
อนึ่ง สัตว์นรกทั้งหลาย ที่ทนทุกขเวทนาอยู่ในมหาโรรุวนรกนั้น
บางจำพวกอยู่บนต้นบัวเหล็ก อันกลัดกลุ้มไปด้วยควันเพลิงอันร้อน
ควันเพลิงนั้นอบเข้าไปในช่องหู ช่องตา ช่องจมูก และช่องปาก ทวารหนักและทวารเบา
เผากายเหล่าสัตว์นรกเหล่านั้น ให้สุกดุจขนมที่บุคคลหนึ่งไว้บนเตาไฟฉะนั้น
สัตว์นรกเหล่านั้นมีความร้อนเป็นกำลัง จะตายก็ไม่ตายไปได้
ทนทุกขเวทนาอยู่ดังนี้ช้านาน เพราะสัตว์นรกเหล่านี้ แต่ชาติก่อนนั้นเป็นคนใจบาป
ไม่มีความกรุณาแก่สัตว์ ย่อมใส่ไฟให้ควันไฟอบเข้าไปในปล่องหนู ปล่องงู
และโพรงจังกวดเป็นต้นแล้ว ก็ถือศัสตราวุธจ้องอยู่ คอยทิ่มแทง สับ ฟัน ทุบ ตี
สัตว์ติรัจฉานเหล่านั้น ทนควันไฟไม่ได้ ก็ออกมาจากปล่องและโพรงไม้ เป็นต้นนั้น
คนเหล่านั้นก็ประหารด้วยศัสตราวุธ ให้ถึงแก่ความตาย อกุศลกรรมอันนี้แหละให้ผล
จึงลงไปทนทุกขเวทนาอยู่ในมหาโรรุวนรก
ใช่แต่เท่านี้ บุคคลที่กระทำโจรกรรม ลักของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์
ลักของพระอุปัชฌาย์อาจารย์ และสมณะผู้มีศีล คนเหล่านี้ ครั้นทำลายขันธ์แล้ว
ก็ไปตกในมหาโรรุวนรก ครั้นพ้นจากมหาโรรุวนรกแล้ว ก็ไปตกในนรกเป็นลำดับๆ
ดุจกล่าวมาแล้ว ในเบื้องต้นนั้น
ขุมที่
1 - สัญชีวนรก
ขุมที่ 2 - กาฬสุตตนรก
ขุมที่ 3 - ฆาตนรก
ขุมที่ 4 -
โรรุวนรก
ขุมที่ 5 - มหาโรรุวนรก
ขุมที่ 6 - ตาปนนรก
ขุมที่ 7 -
มหาตาปนนรก
ขุมที่ 8 - อวิจีนรก
อุสุทนรก - บริวารแห่งนรกใหญ่ทั้ง 8 ขุม