ประวัติศาสตร์  ภูมิศาสตร์ บุคคลสำคัญ ประเทศและทวีป >>

ฮิโรชิมา 1945

บาดแผลแห่งสงคราม ที่ไม่เคยลบเลือน นวัตกรรมแห่งการทำลายล้าง ที่ซึ่งบทเพลงแห่งสันติภาพ ประกาศก้องกัมปนาท
สันติภาพที่ไร้การประณีประนอม สันติภาพที่ต้องแลกด้วยเลือดเนื้อและชีวิต สันติภาพที่มิได้ให้เปล่า


มุสโสลินี

                     ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 การปกครองแบบเผด็จการ ได้แผ่ขยายไปในทวีปยุโรป โดยเฉพาะในอิตาลี และเยอร์ ในปี ค.ศ. 1922 มุสโสลินี ผู้นำลัทธิฟาสซิสม์ เรืองอำนาจในอิตาลี มีผู้นิยมและให้การสนับสนุนมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงขนาดยกกองกำลังเชิร์ตดำ ประมาณ 25000 คน บุกเข้ากรุงโรม และข่มขู่กษัยริตื วิกเตอร์อิมมานูเอลที่ 3 เพื่อให้ตนเองได้จัดตั้งรัฐบาล จนเมื่อในปี ค.ศ. 1926 มุสโสลินี ก็สามารถกุมอำนาจเด็ดขาดในการบรหารประเทศ และตั้งตนเองเป็นจอมเผด็จการ


อดอล์ฟ ฮิตเลอร์

                   ทางด้านเยอรมนี อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ นายทหารยศนายสิบโท แห่งกองทัพเยอรมนี ผู้ฝักใฝ่ในลัทธิเผด็จการ ได้ก่อการตั้งพรรคนาซีขึ้น และดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ในปี ค.ศ. 1923 โดยมุ่งเน้นที่การสร้างความยิ่งใหญ่ให้แก่เยอรมนี และปลดเปลื้องพันธกรณีที่มีต่อนานาชาติ ในการชดใช้ค่าปฎิกรรมสงคราม โดยฮิตเลอร์พยายามที่จะล้มรัฐบาลในขณะนั้น แต่ไม่สำเร็จ จนเป็นผลให้ถูกตัดสินจำคุก
                    ในปี ค.ศ. 1930 เกิดวิกฤตการณ์ทางการเมืองในเยอรมนี ประชาชนเบื่อหน่าย และเสื่อมศรัทธาในรัฐบาล ฮิตเลอร์จึงได้ฉวยโอกาสนั้นสร้างความนิยม โดยมี โยเซฟ เอกเบลส์ ผู้มีพรสวรรค์ในการโฆษณาชวนเชื่อ เป็นผู้ช่วยคนสำคัญ จนฮิตเลอร์สามารถสร้างความนิยมในหมู่ประชาชนได้อย่างรวดเร็ว และจากนโยบายของฮิตเลอร์ ทำให้ประชาชนเกิดความหวัง ในขณะที่อีกด้านหนึ่งนั้น ฮิตเลอร์ได้วางแผนกำจัดปรปักษ์ทางการเมืองอย่างลับๆ จนในปี ค.ศ. 1932 พรรคนาซี ของเขาก็ได้รับเลือกตั้งมากที่สุด และได้เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล และในปีถัดมานั้นเอง ฮิตเลอร์ก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีของเยอรมนี
                      ความทะเยอทะยานของฮิตเลอร์ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่นั้น ในปี ค.ศ. 1934 ฮิตเลอร์ได้รวบรวมอำนาจการปกครองแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด และตั้งตนเองเป็นผู้นำ ปกครองแบบเผด็จการ เหมือนกับที่มุสโสลินีปกครองอิตาลี ฮิตเลอร์ยังต้องการครอบครองประเทศอื่นด้วย ส่วนหนึ่งเกิดจากความแค้น เพราะประเทศของตนแพ้สงครามในสงครามโลกครั้งที่ 1 ต้องตกเป็นเบี้ยล่างของผู้ชนะสงครามมานานปี ฮิตเลอร์สะสมกำลังทหารและรุกรานประเทศเพื่อนบ้านในที่สุด ความหลงใหลในชาติพันธุ์ของชาวเยอรมัน และเหยียดชาติอื่นว่าด้อยกว่า โดยเฉพาะชาวยิว จึงเกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ขึ้น ชาวยิวถูกสังหารไปถึง 6 ล้านคนในครั้งนั้น และในปี ค.ศ. 1935 ชาวยิวและชนชาติเชื้อสายอื่นๆ ต้องอพยพหนีออกจากเยอรมนีเพื่อเอาตัวรอดจากการถูกสังหาร


                    หลังจากนั้นในปีถัดมา ฮิตเลอร์ได้จับมือเป็นพันธมิตรกับมุสโสลินี และจับมือกับญี่ปุ่น ซึ่งขณะนั้นได้ปกครองแบบเผด็จการเหมือนกัน แต่อังกฤษ และฝรั่งเศสซึ่งถือว่าเป็นผู้นำยุโรปในขณะนั้น ยังหวั่นเกรงในความบ้าคลั่งของฮิตเลอร์ จนไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยนัก จนถึงขนาดยอมเสียสละประโยชน์บางส่วน เพื่อให้ฮิตเลอร์พอใจ โดยรักษาประโยชน์ส่วนใหญ่เอาไว้ ผลคือผู้นำยุโรปทั้ง 2 ประเทศ ต้องทนดูเยอรมันบุกออสเตรีย และผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของเยอรมนี จากนั้นฮิตเลอร์ ยังบุกเชโกสโลวะเกีย อังกฤษและฝรั่งเศสให้การสนับสนุนรัฐบาลเชโกสโลวะเกียต่อต้านเยอรมนี ในระยะแรก แต่ในที่สุดก็ต้องยอมให้เยอรมันผนวกเอาดินแดนของเชโกสโลวะเกียเข้าเป็นส่วนหนึ่งของเยอรมนี
                       ส่วนทางด้านเอเซียในปี ค.ศ. 1920 ญี่ปุ่นประสบกับปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำอย่างหนัก จนรัฐบาลเริ่มอ่อนแอ แนวคิดเรื่องการปกครองแบบเผด็จการ ของยุโรป เริ่มระบาดในหมู่ขุนทหารญี่ปุ่น และยังได้รับการสนับสนุนจากประชาชนที่อยู่ในสภาวะอับจนทางเศรษฐกิจด้วย กองทัพเริ่มแยกตัวเป็นอิสระจากการบังคับบัญชาของรัฐบาล จนในปี ค.ศ.1931 กองทัพญี่ปุ่นก็เข้ายึดแมนจูเรียของจีน โดยที่รัฐบาลญี่ปุ่นไม่ทราบเรื่อง จึงเป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนว่ากองทัพไม่ยอมรับอำนาจของรัฐบาล จากนั้นอีก 4 ปี กองทัพญี่ปุ่นได้ก่อการรัฐประหารเพื่อล้มรัฐบาล แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ แต่เหล่าขุนพลเหล่านั้นกลับยิ่งมีอิทธิพลมากขึ้น จนในปี ค.ศ. 1941 นายพลฮิเดกิ โตโจ นายทหารคนสำคัญก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรี และนับตั้งแต่นั้นมาประเทศญี่ปุ่น ก็มีรูปแบบการบริหาร แบบฟาสซิสต์เหมือนในยุโรป


นายพลฮิเดกิ โตโจ

อ่านต่อหน้าถัดไป >>>

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย