ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>
กำเนิดเจ้าแม่กวนอิม
แสดงธรรมหน้าโต๊ะเสวย ถูกขับรับงานหนักโรงครัว
พระธิดาเมี่ยวส้านเก็บกวาดอุทยานเรียบร้อยแล้ว
ก็รอคอยจนเที่ยง หูก็ได้แว่วเสียงดนตรีที่พัดมาตามลม
ติดตามด้วยเสียงหัวเราะร่าเริงเป็นระลอก ๆ ก็รู้ว่าพวกเขามากันแล้ว
ครั้งแรกก็คิดว่าจะรอรับเสด็จ แต่ภายหลังมาฉุกคิดได้ว่า ได้ยินพระบิดาดำรัสว่า
จะเสด็จพร้อมพระราชบุตรเขยทั้งสอง
ชายหญิงนั้นต่างกันไม่ควรออกไปพบหน้าเป็นการไม่สมควร
สู้รอดูว่าพระราชบุตรเขยทั้งสองจะมาด้วยหรือไม่แล้วค่อยตัดสินพระทัย
จึงหลบอยู่ในที่สงบเพื่อคอยดูพลันก็เห็นนางกำนัลคู่หนึ่งเล่นเครื่องดนตรีนำหน้ามา
ติดตามด้วยราชาเมี่ยวจ้วน
พระธิดาใหญ่และพระธิดารองต่างก็จูงมือพระสวามีตามเสด็จตามหลังมา
ด้านท้ายขบวนก็เป็นเหล่ามหาดเล็ก
ดูพวกเขาแต่ละองค์พระพักตร์สดชื่นสีหน้าแสดงถึงความปีติยินดี
พระธิดาเมี่ยวส้านถอนพระทัยเล็กน้อยโดยไม่รู้สึกพระองค์ คิดในใจว่า
ชีวิตคนเราก็ไม่เกินร้อยปี ความรุ่งโรจน์ปีติยินดีเช่นนี้
จะเสพสุขไปได้นานสักเท่าไร ในที่สุดก็เป็นความฝันอันว่างเปล่า
จะลำบากทุกข์ยากสักเท่าไร เมื่อพระธิดาเมี่ยวส้านเห็นพระราชบุตรเขยติดตามมาด้วย
รลาก็หันกลับไปยังห้องพระ ไม่ยอมที่จะออกไปพบหน้าด้วย
กล่าวฝ่ายราชาเมี่ยวจ้วนนำเสด็จมาเป็นขบวนใหญ่
เมื่อเสด็จมาถึงเก๋งสราญรมย์แล้วไม่พบพระธิดาเมี่ยวส้านแม้แต่เงา
คิดว่าคงรอรับเสด็จอยู่ชั้นบนของเก๋ง
เมื่อเสด็จมาถึงชั้นบนของเก๋งแล้วก็ยังไม่เห็นอีกเห็นแต่แม่อุปถัมภ์รอรับเสด็จ
เมื่อเข้าที่ประทับแล้ว พระราชทานให้พระราชบุตรเขยทั้งสองนั่งลงแล้ว
จึงรับสั่งถามแม่อุปถัมภ์ว่าพระธิดาเมี่ยวส้านอยู่ที่ไหน ทำไมจึงไม่มาพบข้า
แม่อุปถัมภ์รู้อุปนิสัยของพระธิดาเมี่ยวส้านจึงกราบทูลว่า
พระธิดาสามได้รอเฝ้าเสด็จอยู่ในสวนนานแล้ว ต่อมาทรงเห็นพระราชบุตรเขยทั้งสองมาด้วย
เป็นเพราะจะเป็นการไม่สมควรระหว่างชายกับหญิงจึงหลบไปเสีย ราชาเมี่ยวจ้วนตรัสว่า
เหลวไหล นี่แสดงว่า ไม่เคารพผู้อาวุโส จึงจงใจหลบหน้า บุตรเขยทั้งสองก็เป็นพี่เขย
การพบหน้ากันก็สมควรอยู่ หรือว่าจะคิดหลบหน้าไปตลอด รีบ ๆ ไปตามเขามาหาข้าที่นี่
หากยังทำท่าทีอย่างนี้อีก ข้าจะให้คนไปจับมา แม่อุปถัมภ์ได้ยินดังนั้นแล้ว
ก็มิกล้าจะเอ่ยอะไรต่อไป รีบ ๆ รับคำแล้วเดิกหกลุกหกนั่งเผ่นจากเก๋งสราญรมย์
ตรงไปยังห้องพระธิดา นำเอาเรื่องราวต่าง ๆ
ทูลให้องค์หญิงฟังทั้งหมดทีแรกองค์หญิงเมี่ยวส้านก็ทำแข็งขืนไม่ยอมไป
เมื่อแม่อุปถัมภ์ได้ปลอบเตือนอีกหลายครั้งก็รู้ว่าจะหลบต่อไปอีกไม่ได้
จึงทำเฉยเมยเดินตามแม่อุปถัมภ์ไป
เมื่อขึ้นไปบนเก๋งแล้วก็เข้าถวายคาราวะเสด็จพ่อและเสด็จพี่ทั้งสอง
ราชาเมี่ยวจ้วนก็เรียกให้ไปคาราวะพี่เขยทั้งสอง
การครั้งนี้ทำให้องค์หญิงเมี่ยวส้านไม่อาจหลบเลี่ยงได้
จึงฝืนใจคาราวะพี่เขยทั้งสองแล้วหลบไปข้าง ๆ องค์หญิงเมี่ยวส้านกวาดสายตาสำรวจไปรอบ
ๆ เก๋ง ก็เห็นจัดเรียงโต๊ะไว้สี่ตัว โต๊ะตัวหนึ่งเป็นของราชาเมี่ยวจ้วนแน่นอน
ถัดลงไปเป็นโต๊ะของพระธิดาองค์ใหญ่และพระสวามี
โต๊ะถัดไปเป็นของพระธิดาองค์รองและพระสวามี
แล้วโต๊ะที่ต่ำสุดก็จัดที่ไว้สองที่ไม่มีคนนั่ง ในใจขององค์หญิงสงสัยยิ่งนัก
กำลังคิดจะเดาดู
ก็เห็นพระธิดาเมี่ยวอินจูงมือพระธิดาเมี่ยวหยวนเดินมายังด้านหน้าของตน พลางเอ่ยว่า
น้องรัก ตั้งแต่เราแยกจากกัน คิดถึงเธอบ่อย ๆ
เมื่อได้ยินข่าวว่าเธอขัดคำสั่งเสด็จพ่อ
จนถูกส่งมารับทุกข์ที่สวนนี่ วันนี้ได้พบกันก็เห็นเธอซูบผอมลง
แม้จะพูดว่าเสด็จพ่อลงโทษ คิดแล้วก็เป็นเพราะเธอหาเรื่องเองนี่นา !
เธอคิดดูซิชีวิตคนในโลกนี้อยู่เพื่ออะไรกัน เกียนรติยศทรัพย์ศฤงคารใคร ๆ
ก็แสวงหายังหาไม่ได้ เธอมีอยู่แล้วกลับไม่เสพสุขมิใช่โง่งมงายหรอกหรือ
ยิ่งว่าชายหญิงแต่งงานเป็นสิ่งที่พึงได้ ทำไมจึงฝ่าฝืนเสียเล่า เธอดูพี่ทั้งสองซิ
ตอนนี้มิใช่เสพสุขยิ่งยวดหรอกหรือ เรื่องอื่นอย่าพูดถึงเลย
เวลาเรามาด้วยกันก็ไปด้วยกัน หยุดพักพร้อมกันเที่ยวพร้อมกัน
เพียงพอที่จะให้ผู้อื่นอิจฉา นี่มิใช่เพียงมนุษย์ควรได้รับอย่างนี้เท่านั้น
เธอดูนกนางแอ่นบนขื่อนั่นประไร ก็ยังอยู่กันเป็นคู่เลย
ถึงตอนนี้พระธิดาเมี่ยวหยวนก็สนับสนุนต่อไปว่า
"ถูกแล้วล่ะ ! พี่ใหญ่พูดถูก เราอย่าพูดถึงความสุขเฉพาะหน้าตอนนี้เลย
การมีทายาทสืบทอดก็เป็นสิ่งจำเป็น ถ้าหากหญิงในโลกนี้มีความคิดเหมือนน้องสามเช่นนี้
มนุษยชาติมิต้องสาบสูญหมดหรือ แล้วตอนนั้นจะเป็นโลกได้อย่างไรกัน
ความหวังของเสด็จพ่อก็อยู่ที่จุดนี้แหละ ดังนั้นจึงจัดโต๊ะคู่หนึ่งไว้ให้น้องสาม
เธอก็เข้าไปนั่งยังโต๊ะสุดท้ายที่ว่างข้าง ๆ ก็รอแขกผู้องอาจเถอะ! น้องรัก
เห็นแก่หน้าพี่ทั้งสองอย่าได้ดื้อดึงเลย"
พูดจบเมี่ยวอินและเมี่ยวหยวนต่างก็จูงแขนองค์หญิงเมี่ยวส้านคนละข้าง
เพื่อให้องคหญิงเข้าไปประทับนั่ง โดยไม่ทันคาด
องค์หญิงเมี่ยวส้านได้ฟังความจากพี่ทั้งสองแล้วจิตใจว้าวุ่นเต้นไม่เป็นจังหวะ
พระพักตร์แดงก่ำ พูดอะไรไม่ออก ยิ่งตอนนี้ก็ถูกดึงอีก
องค์หญิงจึงรีบปัดป้องพร้อมทูลว่า เสด็จพี่ทั้งสองหยุดก่อน ฟังน้องเล็กสักหน่อย
คำพูดของเสด็จพี่ทั้งสองไม่ผิดหรอก
เมื่อพูดกับคนทั่วไป และเป็นความคิดเห็นของคนทั่วไป
แต่ไม่ใช่สำหรับผู้ที่มาบำเพ็ญจริง ฝึกเรียนธรรมะ
คนทั่วไปปลงไม่ตกกับเกียรติยศและทรัพย์สมบัติ เพราะปลงไม่ตก
ทุกคนจึงคิดจะได้เสพสุขเช่นนี้ จึงได้แก่งแย่งชิงกัน
ตลอดจนวางแผนชั่วร้ายไม่กลัวตายที่จะแสวงหา
ที่แย่งชิงมาได้ก็มีเพียงคนสองคนในร้อยเท่านั้น
เมื่อแย่งมาได้แล้วใช่จะสามารถเสพสุขไปได้นานสักเท่าไร
ชั่วพริบตาก็จะกลายเป็นฟองน้ำหรือเงาไป
พวกตีรันฟันแทงปล้นฆ่าทั้งหลายก็เกิดจากสิ่งเหล่านี้ทั้งนั้น สร้างบาปกรรมล้นฟ้า
จะเห็นได้ว่าเกียรติยศทรัพย์สมบัติเป็นควันพิษที่ทำให้คงหลงไหล
เป็นมารขัดขวางความฉลาดของคน เป็นทะเลทุกข์ที่ทำให้คนจมลงเมื่อตกลงไปแล้ว
ก็ไม่อาจถอนตัวขึ้นเองได้ มีแต่พุทธธรรมเท่านั้น
พุทธธรรมสงบเงียบขจัดมารร้ายทั้งปวง
ทำให้ใจคนสว่างหมดกังวลสู่อารมณ์สัจธรรม สามารถบำเพ็ญจนสำเร็จสัมมาสติ อายตนะ
ทั้งหกบริสุทธิ์ ไม่มีเขาไม่มีเรา ไม่มีรูปไม่มีร่าง จะอิสระสบายตลอดไป
ภายหลังตั้งปณิธานเมตตาเผยแผ่ธรรมแก่สรรพสัตว์
ฉุดทุกข์ช่วยภัยทั้งปวงแก่ชาวโลกเพื่อคืนสู่แดนหรรษา
มีแต่พระพุทธองค์เท่านั้นที่สามารถดำรงอยู่คู่ฟ้าดิน
นี่คือมรรคผลที่ไม่อิจฉาต่อเกียรติยศทรัพย์สมบัติ น้องเล็กได้มองทะลุด้านนี้ไปแล้ว
เพราะฉะนั้นจึงได้ตั้งมั่นยึดพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ จะไม่ตกสู่ทางมารกิเลสนี้อีก
มิใช่กล้าที่จะขัดคำสั่งเสด็จพ่อ ท่านพี่ทั้งสองมีใจจริงต่อน้อง
น้องขอน้อมรับไว้ในใจ
ขอให้พี่ทั้งสองจงมีสุข ๆ เถอะ
โต๊ะนั้นน้องไม่กล้านั่งไม่บังควรประการหนึ่ง ประการสองน้องทานเจมาตั้งแต่เกิด
บนโต๊ะล้วนอาหารสัตว์ไม่กล้ารับแน่ ๆ ขอเชิญพี่ทั้งสองประทับเสวยสุราเถิด
น้องจะคอยรับใช้เสด็จพ่อ พระธิดาเมี่ยวอินเมี่ยวหยวนได้ฟังการแจกแจงอย่างแบยลแล้ว
เหมือนกับถูกมีดเสียดแทง ในพระทัยไม่สู้จะพอพระทัยนักต่างก็กลับไปยังที่ประทับ
แต่ราชาเมี่ยวจ้วนเดิมทีก็มีความโกรธเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หากแต่ยังไม่ระเบิดออกมา
มาตอนนี้ได้ฟังคำพูดเช่นนี้เข้าจึงตบโต๊ะเสวยดังเปรี้ยง แล้วเปล่งด้วยเสียงดังว่า
เจ้านี่ไม่ฉลาดเสียเลย ทำต่ำช้า เจ้ายินยอมทำงานไพร่ก็ยังไม่ว่า
ไม่ควรที่จะกล่าววาจาลวนลามว่าคนเช่นนี้ ยังกล้ากล่าวจาบจ้วงทำหน้าเย็นชาอีก
แม้แต่บิดาผู้ให้กำเนิดกายและพี่สาวร่วมอุทรก็ยังถูกเจ้าด่ารวมไปหมด
ช่างเป็นพระธิดาที่ฝึกพุทธะดีเสียจริงนะ เจ้าเป็นคนมองไม่เห็นพ่อ ไม่เห็นราชาเลย
ไปถึงแดนสุขาวดีสำเร็จเป็นพุทธะกลับมางั้นหรือ ! องค์หญิงเมี่ยวส้านกราบทูลว่า
เสด็จพ่ออย่าทรงกริ้ว ลูกมิกล้าละลาบละล้วง คำพูดเมื่อครู่นี้เป็นสัจจะ
ทูลออกด้วยความศรัทธา ไม่คิดว่าจะทำให้เสด็จพ่อทรงกริ้ว ลูกสมควรตายยิ่ง
หยังให้อภัยโทษ อนุญาตให้ลูกได้ปรนนิบัติเสด็จพ่อเถอะเพคะ
เสด็จพ่อเสวยน้ำจัณฑ์เถิดเพคะ ให้เสด็จพ่ออายุมั่นขวัญยืน
ราชาเมี่ยวจ้วนทรงกริ้วแล้วถลึงตาใส่ว่าใครจะให้เจ้าที่ต่ำทรามมาปรนนิบัติ
ไม่ทำให้ข้าโกรธตายก็ดีแล้วยังจะมาให้อายุยืนอีก
พลางสั่งให้มหาดเล็กนำผ้าทอเนื้อหยาบเป็นปมมากมาย สั่งให้องค์หญิงเปลี่ยนฉลอง
แม้แต่รองพระบาทก็ไม่อนุญาตให้ใส่ และมีคำสั่งว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ให้ไปทำงานหนักในโรงครัว ทุกวันให้ตักน้ำใส่ตุ่ม 17
ใบ ให้ผ่าฟืนเนื้อไม้แข็ง ก่อไฟหุงข้าวทั้งหมด ต้องการให้เธอรับผิดชอบ
ไม่อนุญาตให้ใครช่วยเหลือ ทั้งยังกำชับนางกำนัลนางหนึ่งคอยควบคุมดูแล
ถ้าหากมีการเกียจคร้านหรือร่ำไร ให้ใช้แส้หนังตีได้
กลางวันที่ว่างอยู่ให้ถักเชือกทำรองเท้าอย่าให้มีเวลาเหลือว่าง
หลังจากออกคำสั่งให้องค์หญิงเมี่ยวส้านไปทำแล้ว
ก็เริ่มลงมือเสวยน้ำจัณฑ์พร้อมพระธิดาอีกสองพระองค์และราชบุตรเขย
ทำไมราชาเมี่ยวจ้วนจึงจำใจทำอย่างนี้
ที่ใช้มาตรการรุนแรงกับพระธิดาของตนเองเช่นนี้ ทั้งนี้เพราะโกรธจัดเป็นประการแรก
ที่จริงไม่ต้องลงโทษรุนแรงเช่นนั้นก็ได้ ประการที่สองเพื่อผลบางประการ
เพราะการให้องค์หญิงเมี่ยวส้านดูแลอุทยานมีความลำบากน้อย จึงทำให้องค์หญิงมีสุขได้
เวลาว่างก็ยังมีมาก พอว่างก็เอาแต่สวดมนต์
เพราะฉะนั้นจึงลงโทษให้หนักเช่นนั้นอีกประการหนึ่ง
ต้องการให้องค์หญิงรับโทษจนถึงที่สุด จะได้คิดสำนึกกลับใจได้ง่าย
อีกทางหนึ่งก็ไม่ต้องการให้มีเวลาเหลือว่างแม่แต่นิดเดียว ให้ทำงานหนักทั้งวัน
ตกกลางคืนจะได้เหน็ดเหนื่อยนอนหลับในตอนกลางคืน จะได้ไม่มีโอกาสสวดมนต์ จะได้ค่อย ๆ
ห่างไกลจากพุทธะ ก็จะเลิกงมงายเสีย
แต่ว่าแผนการณ์อันนี้ของราชาเมี่ยวจ้วนต้องล้มเหลว นั่นเพราะ การตั้งใจดุจหินผา
มีอุปสรรคก็ยังสงบได้
» ถวายสุราศาลาเย็น ไข่มุกเด่นสู่ครรภ์ในฝัน
» หาว่าผู้เฒ่าพูดปดว่าพระเมตตา ธิดาน้อยหยุดกันแสงฟังโฉลก
» คิดยกราชบัลลังก์ เห็นมดต่อสู้กันเกิดจิตเมตตา
» ช่วยเหลือจักจั่นจนบาดเจ็บ ใครรักษาแผนเป็นหายมีรางวัล
» แพทย์สามัญไร้โอสถดี ผู้วิเศษกล่าวถึงบัวหิมะ
» เสาะหาบัวบานบนเขาซวีหนีซัน มเหสีเป่าเต๋อทรงประชวร
» โศลกทิ้งเงื่อนงำ เห็นการเกิดตายแจ้งในสัจธรรม
» ปีตินิมิตเห็นพุทธเจ้า ขัดรับสั่งพระบิดาโทษดูแลอุทยาน
» แสดงธรรมหน้าโต๊ะเสวย ถูกขับรับงานหนักโรงครัว
» นางกำนัลซาบซึ้งในความศรัทธา จึงอาสาช่วยงานตรากตรำ
» ปณิธานย่อมเป็นทาสรับใช้ความศรัทธามั่นทำให้เสด็จพ่อกลับใจ
» กำหนดฤกษ์บูรณะวัดจินกวงหมิง ได้ฤกษ์ออกเดินทางสู่เขาเยโหม่ว
» มีดทดสอบตัดหกอายตนะ สู่ศูนย์ตาเพ่งไตรภูมิในความเงียบ
» ในสมาธิเกิดปีติมารเข้าแทรก เข้าสมาธิบัวขาวบานกลางใจ
» เดินทางสู่ภูเขาซวีหนีซัน โปรยข้าวเปลือกผ่านเขาจ้าวอีกา
» พบผู้ใจดีชี้ทางให้ หลงใหลธรรมชาติเกิดเรื่องขึ้น
» ไต้ซือถูกจับที่ภูเขาจินหลุน ผู้ร่วมทางตัดสินใจไปช่วยเหลือ
» คนป่าแย่งรองเท้าสานไป อริยสงฆ์รูปหนึ่งทรงช้างเผือกมา
» ไต้ซือเดินทางด้วยเท้าเปล่า ชนเผ่าเจียลาเลี้ยงสัตว์ในทะเลทราย
» มีกรรมสัมพันธ์กับบ้านหลู่ ข้าวเหนียวช่วยรักษาโรค
» ปราบเสือร้ายเทียนหม่าฟง ที่เมืองหลิวหลีเห็นทางสว่าง
» สู่ยอดเขางูกลืนช้าง สู่ภาพมายาเจ้าโจมตี
» เจอะหมีขาวแกล้งนอนตาย ให้ลิงเลียนแบบเดินแล้วไหว้
» สู่สันเขารู้กระจ่างแจ้ง คุยถึงเรื่องที่ผ่านมาเด็กซนทำเรื่อง
» ผ่านความทุกข์ลำบากมานับพันหมื่นสำเร็จธรรมถูกตีกระหม่อมทะลุสหโลกธาตุ