ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>
กำเนิดเจ้าแม่กวนอิม
มีดทดสอบตัดหกอายตนะ สู่ศูนย์ตาเพ่งไตรภูมิในความเงียบ
กล่าวฝ่ายหมู่ชนที่แห่แหนมาเฝ้าชมพระบารมีองค์หญิงเนื่องจากมีเป็นจำนวนมาก
ดังนั้นทุกย่างก้าวที่พวกเขาเหยียบผ่านประดุจลูกคลื่นที่ถาโถม
จึงทำให้ดอกไม้ในลานวัดแหลกลานไปตามแรงเท้า ราวลูกกรงที่แกะสลักก็พังไปบ้าง
ทั้งนี้มิใช่พวกเขามีอกุศล หากแต่พวกเขามีสายใยไมตรีต่อองค์หญิงต่างหาก
ต่อมาเมื่อได้ยินว่าพระราชาจะเสด็จมา พวกเขาเกรงพระอาญา จึงได้แยกย้ายหลบหนีกันไป
อันที่จริงในขณะนั้นราชาเมี่ยวจ้วนเพิ่งจะเสด็จออกจากมหาราชวังเท่านั้น
เมื่อองค์หญิงเมี่ยวส้านได้ยินเสด็จพ่อเสด็จมา จึงรีบผลุนผลันลุกขึ้น
เสด็จนำพวกภิกษุณีออกจากห้องฌาน เสด็จมายังประตูวัดเพื่อเตรียมตัวรับเสด็จ
เสด็จมายังประตูวัดเพื่อเตรียมตัวรับเสด็จ เสด็จรออยู่นานประมาณหนึ่งชั่วยาม
จึงแลเห็นเหล่าม้าเร็วมาถึง
ติดตามด้วยกองกำลังรักษาพระองค์ ดุจผึ่งกรูกันมา
ถือกระถางกำยานที่ควันหอมไหลเวียนมาตามลม เมื่อขบวนเสด็จมาถึง
เหล่ามหาเสนาบดีก็หลบเข้าด้านหลัง
องค์หญิงเมี่ยวส้านเสด็จนำเหล่าภิกษุณีคุกเข่าลงรับเสด็จ
ฝูงชนที่เฝ้าดูพระราชพิธีก็นั่งลงบนสองฟากทางเงียบสงบไร้เสียงพูดคุย
รถพระที่นั่งของราชาเมี่ยวจ้วนได้ขับเข้าไปหยุดนิ่งที่หน้าวิหารจาตุมหาราชา
พระราชาเสด็จลงจากรถพระที่นั่งแล้วเสด็จเข้าไปพักพระอิริยาบถในห้อฌาน
เหล่ามหาเสนาบดีก็พักอยู่ข้าง ๆ
พระธิดาสามเสด็จเข้าเฝ้าพระราชาอีกครั้งหนึ่งภายหลังถวายบังคมแล้วก็เสด็จรออยู่ข้าง
ๆ
ราชาเมี่ยวจ้วนนั่งพักอิริยาบถได้สักครู่หนึ่งจึงมีรับสั่งให้เตรียมจุดธูปเทียนเพื่อจะเสด็จไปถวายบังคมพระพุทธปฏิมา
หลังจากนั้นก็จะทำพิธีปลงพระเกศาพระธิดาสาม
เหล่ามหาดเล็กขานรับพร้อมกัน สักครู่หนึ่งก็มีรายงานว่า
ทุกอย่างตระเตรียมเรียบร้อยแล้วพระเจ้าคะ
ราชาเมี่ยวจ้วนจึงทรงลุกจากที่ประทับแล้วเสด็จนำพระธิดาสาม
มายังหน้าพระพุทธปฏิมาในโบสถ์ ข้าราชบริพารฝ่ายบู๊และฝ่ายบู๊นนับร้อยตามเสด็จ
เมื่อจุดธูปถวายบูชาพระปฎิมาแล้วก็เสด็จไปยังห้องพระอรหันต์
ทรงจุดธูปถวายบูชาพระอรหันต์แล้วก็เสด็จไปยังห้องอาราม ทรงจุดธูปถวายบูชาพระต่าง ๆ
จากนั้นก็เสด็จไปสักการะท้าวมหาราชทั้งสี่ที่วิหารจาตุมหาราช
หลังจากนั้นก็ให้เหล่ามหาเสนาบดีเข้าถวายบูชาในที่ต่าง ๆ ด้วย
หลังจากนั้นก็ให้เหล่ามหาเสนาบดีเข้าถวายบูชาในที่ต่าง ๆ ด้วย
หลังจากนั้นจึงกลับมายังโบสถ์อีกครั้งหนึ่ง
เหล่าพระภิกษุณีก็ตีระฆังลั่นกลองแล้วก็สวดมนต์ด้วยเสียงอันแจ่มใส
ราชาเมี่ยวจ้วนทรงประทับนั่งอยู่ข้างหน้าสุด พระธิดาเมี่ยวอินประทับยืนอยู่ด้านหน้า
ในพระหัตถ์ทรงถือถาดหยกซึ่งมีพระขรรค์ทองคำอันคมกริบวางอยู่
พระธิดาเมี่ยวหยวนก็ประทับยืนอยู่ด้สนหน้าด้วย
ในพระหัตถ์ทั้งสองอุ้มบาตรซึ่งมีน้ำใสสะอาดอยู่ครึ่งบาตร
แม่อุปถัมภ์และหย่งเหลียนก็ยืนอยู่สองข้าง คนหนึ่งในมือถือจีวรสีเหลือง
อีกคนหนึ่งถือพระมาลาและรองพระบาท
ทุกคนต่างตั้งอกตั้งใจอย่างสงบ ตาเพ่งที่จมูก จมูกเพ่งที่ใจ เงียบสนิทปราศจากเสียง
ขณะนั้นพระธิดาสามกำลังอยู่ในห้องของสงฆ์
เปลี่ยนฉลองพระองค์เป็นสามัญชนและปะปนอยู่ท่ามกลางหมู่ภิกษุณี
ซึ่งต่างก็กำลังสวดพระพุทธคุณ เหล่าเสนาบดีในโบสถ์ก็ขานดังว่า ได้มหาอุดมฤกษ์แล้ว
พระราชาเมี่ยวจ้วนมีรับสั่งให้องค์หญิงเมี่ยวส้านเสด็จเข้าโบสถ์เพื่อเริ่มมหาพิธีอุปสมบท
ขณะนั้นเจ้าพนักงานได้ถือริ้วธงคู่หนึ่ง
ติดตามด้วยกระถางกำยานคู่หนึ่งเข้าไปในหมู่ภิกษุณี
แล้วนำเสด็จพระธิดาสามมายังหน้าพระพักตร์ราชาเมี่ยวจ้วน
องค์หญิงเมี่ยวส้านทรงคุกเข่าลงถวายบังคมเสด็จพ่อ ราชาเมี่ยวจ้วนทรงตรัสว่า ลูกเอ๋ย
!
ขณะนี้ ข้ากับเจ้าก็ยังเป็นพ่อลูกกันอยู่
อีกครู่หนึ่งก็จะเป็นคนแปลกหน้าแล้ว แต่เมื่อเจ้าบรรพชาแล้ว ขอให้ตั้งใจบำเพ็ญ
พุทธธรณีกว้างใหญ่สว่างไสว เพื่อให้ชนรุ่นหลังเคารพบูชา
ขอให้เจ้าสามารถบรรลุสัมมามรรคสำเร็จเป็นพุทธะ
เพื่อเผยแพร่พุทธธรรมให้ไพศาลช่วยโปรดผู้คน ตอนนี้ให้เจ้าไปที่หน้าองค์พระปฏิมา
ตั้งใจศรัทธากล่าวให้ปณิธาน เสร็จแล้วให้พ่อได้ปลงผมให้แก่เจ้าเอง
พระธิดาก้มลงกราบสามครั้ง แล้วทรงลุกขึ้นเสด็จไปยังหน้าองค์พระพุทธปฏิมา
ทรงทรุดกายลงกราบแล้วถวายสัตย์ปฏิญญาอย่างเงียบ ๆ
เมื่อให้ปณิธานเรียบร้อยแล้วก็กลับมายังที่ประทับของราชาเมี่ยวจ้วน
แล้วทรุดตัวคุกเข่าลงต่อหน้าพระพักตร์ ราชาเมี่ยวจ้วนทรงถือมีดทองจากถาดหยก
พระหัตถ์อีกข้างหนึ่งก็ทรงแยกพระเกศาออกเป็นสี่ปอย เพื่อให้เห็นกลางกระหม่อมชัดเจน
จากนั้นก็โกนพระเกศาพอเป็นพิธีสามครั้ง
การครั้งนี้ทำให้พระทัยวาบหวิว ชลเนตรที่ร้อนไหลรินออกมา มีดในพระหัตถ์อ่อนระทวย
ราวจะหลุดจาก อยากจะตรัสก็ตรัสไม่ออก พระภิกษุณีที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
เมื่อเห็นเหตุการณ์อยู่ในสภาวะเช่นนี้
เกรงว่ามีดทองจะหลุดจากพระหัตถ์จึงเดินเข่าเข้าไปใกล้ ๆ
แล้วรับมีดทองจากพระหัตถ์ราชาเมี่ยวจ้วน
แล้วก็โกนพระเกศาขององค์หญิงเมี่ยวส้านต่อไป
เวลาผ่านไปชั่วครู่เดียวก็โกนพระเกศาออกหมด
ราชาเมี่ยวจ้วนก็ทรงรับผ้าขนหนูจากพระหัตถ์พระธิดารอง
ทรงชุบน้ำจากบาตรแล้วทรงเช็ดลงบนกระหม่อมโดยรอบ จากนั้นก็นำจีวรมาฉลองให้เสร็จ
แล้วก็นำพระมาลาและรองพระบาทมาให้เปลี่ยน
หลังจากองค์หญิงเมี่ยวส้านฉลองครบเครื่องเสร็จเรียบร้อยแล้วก็พนมมือไหว้ราชาเมี่ยวจ้วนเป็นการขอบพระคุณ
ทรงลุกขึ้นยืนแล้วไหว้พระพุทธปฏิมา
ขณะนี้เธอเหมือนภิกษุณีทั้งหลายแล้ว
เมื่อภาวะกาลมาถึงจุดนี้แล้ว ราชาเมี่ยว จ้วนก็มิอาจประทับอยู่นานได้
จึงมีรับสั่งให้เสด็จกลับวัง พระธิดาอีกสองพระองค์ก็เสด็จตามหลังไป
ภิกษุณีเมี่ยวส้านนำเหล่าภิกษุณีไปยังหน้าวิหารจาตุมหาราชแล้วคุกเข่าลงพื้น
ภิกษุณีเมี่ยว ส้านทรงกล่าวว่า ขอนำเหล่าภิกษุณีทั้งหมดส่งเสด็จราชา
ขอให้พระราชาทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
ทั้งราชาเมี่ยวจ้วนและพระธิดาทั้งสองเมื่อได้ฟังคำกล่าวขานเช่นนี้ในพระทัยรู้สึกกระอักกระอ่วนตรัสไม่ถูก
ตรัสอะไรไม่ออกอีกแล้ว ได้แต่โบกพระหัตถ์ไหว ๆ แล้วก็เสด็จขึ้นรถพระที่นั่งจากไป
เมื่อทุกคนกลับไปหมดแล้ว ภิกษุณีเมี่ยวส้านจึงทรงขยับกายลุกขึ้น
แล้วเสด็จนำเหล่าภิกษุณีกลับเข้าไปในวัด เหล่าประชาชนเห็นว่างานพิธีสิ้นสุดลงแล้ว
ไม่มีอะไรจะให้ดูอีกจึงพากันจูงไม้จูงมือกันและจากที่นั่นไป
ไต้ซือเมี่ยวส้านตั้งใจบำเพ็ญอย่างสงบในวัดจินกวงหมิง
นอกจากนี้ยังมีแม่อุปถัมภ์และหย่งเหลียนเป็นเพื่อน
สำหรับคนรับใช้ก็ล้วนแต่เป็นคนเก่าแก่จากราชสำนัก
ดังนั้นพระองค์จึงเห็นว่าวัดจินกวงหมิงนี้ดุจแดนสุขาวดีพุทธภูมิดี ๆ นี่เอง
ส่วนเหล่าภิกษุณีถึงแม้จะสวดมนต์ได้ แต่ยังไม่มีความรู้สึกลึกซึ้งในพุทธธรรม
ด้วยเหตุนี้นอกจากสวดมนต์ไหว้พระทำสมาธิแล้ว
เวลาที่เหลือว่างก็จะบรรยายธรรมให้พวกเขาฟัง ชี้แนะจุดสำคัญของธรรมะ
และวันที่ลงท้ายด้วย 3 6 9 ซึ่งกำหนดให้เป็นวันบรรยายธรรมให้ทุกคนในวัดฟัง
รวมทั้งอุบาสกอุบาสิกาที่อาศัยอยู่ในละแวดนั้นที่สนใจมาฟังธรรม ก็ยินดีต้อนรับ
ทั้งยังได้ตระเตรียมอาหารเจให้พวกเขาได้รองท้องบ้าง
ดังนั้นเมื่อถึงวันที่ลงด้านด้วย 3 6 9
อันเป็นวันบรรยายธรรมก็จะมีหมู่ชนจำนวนมากที่อยู่ทั้งไกลและใกล้
ต่างพากันมาเป็นกลุ่ม ๆ ซึ่งความหวังในครั้งแรกก็เพียงเพื่อได้กินอาหารเจเท่านั้น
มิใช่มีความศรัทธาสนใจอยากฟังธรรมก็หาไม่
แต่เมื่อได้ถูกไต้ซือเมี่ยวส้านองค์นี้ซึ่งมีโอษฐ์เป็นพรสวรรค์สั่งสอนกล่อมเกลาจนทำให้พวกปัญญาทึบค่อย
ๆ เข้าใจกระจ่างแข้งขึ้น จนในที่สุดหลายคนเกิดปัญญาเห็นธรรม
เกิดความศรัทธาอย่างลึกซึ้ง ซึ่งในตอนแรกที่มาเพราะหวังลาภปาก
พอมาถึงตอนนี้ถูกธรรมกล่อมเกลาแล้ว การมาก็เพื่อฟังการบรรยายธรรมเป็นสำคัญ
เท่านั้นยังไม่พอยังช่วยกระจายข่าวออกไปด้วยว่า วันที่ลงท้ายด้วย 3 6 9
เป็นวันบรรยายธรรมสำหรับประชาชน ผู้คนที่มาฟังธรรมก็เพิ่มมากขึ้นทุกครั้ง
เหมือนกับร่มเงาของภูเขาที่ทอดเงาลงบนทางเดินทยอยตามกันมาไม่ขาดสาย
ทำให้ผู้ที่นับถือพุทธศาสนาก็ค่อยเพิ่มขึ้น
โดยปกติแล้วผู้ที่ออกบรรพชาแล้วก็จะได้รับการอุปัฏฐากทุกสารทิศ
แต่ทำไมพระองค์จึงปฏิบัติตรงกันข้ามกับอุปัฏฐากคนทั่วไปเล่า
ทั้งนี้เพราะวัดจินกวงหมิงแห่งนี้มีไร่นาสาโทดี ๆ นับพันไร่
การเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์ จึงไม่ต้องอาศัยชาวบ้านอุปัฏฐากเป็นประการแรก
ประการที่สองวัตถุประสงค์ของไต้ซือเมี่ยวส้านต้องการกล่อมเกลาผู้ด้อยปัญญา
ฉุดช่วยให้พ้นทุกข์ภัย
ถ้าหากไม่กระทำเช่นนี้ก็ไม่สามารถที่จะดึงดูดประชาชนแม้จะได้เงินมามากก็ไร้ประโยชน์
สู้ทำอาหารเจเลี้ยงเขาสิ้นเปลืองก็ไม่มากเท่าไร แต่สร้างบุญกุศลได้มาก
มีความสุขขนาดไหนทำไมจะไม่ทำเล่า เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว
พวกยากจนในเมืองก็ยังพากันมาตามกิตติศัพท์ เมื่อถึงวันบรรยายธรรม
ที่ชายเขาเยโหม่วก็จะคึกคักกันเป็นพิเศษ วันเวลาผ่านไปรวดเร็ว
ชั่วเวลาไม่นานก็ย่างเข้าฤดูหนาว ลมหนาวเหน็บเสียดแทงเข้ากระดูก
พวกที่ยากจนที่ไม่มีเสื้อสำลี ก็ไม่อาจทนลมหนาวจู่โจมเอาได้ จึงหลบอยู่แต่ในบ้าน
ไม่กล้าย่างเท้าออกนอกประตูบ้าน
ด้วยเหตุนี้ผู้ที่จะมาฟังธรรมจึงลดน้อยถอยไปในแต่ละคราว
ไต้ซือเมี่ยวส้านรู้สึกเป็นกังวล เกิดจิตเมตตาสงสาร
ถึงสั่งให้คนเข้าไปหาซื้อเสื้อผ้าสำลีในเมืองมาหลายพับ แล้วลงมือตัดเย็บด้วยตนเอง
ตัดเป็นชุดใหญ่เล็กนับเป็นร้อย ๆ ชุดแล้วแบ่งให้เหล่าภิกษุณีไปช่วยเย็บ
เวลาเพียงไม่กี่วัน ก็ตัดเย็บเรียบร้อย
ทั้งยังสั่งให้หุงต้มข้าวต้มหม้อใหญ่ไว้รอคอยให้พวกเขามารับประทานกันให้อิ่มท้องสักมื้อหนึ่ง
แล้วค่อยเข้าห้องฟังธรรม สำหรับผู้ที่ไม่มีเสื้อสำลีใส่มาก็จะแจกให้เขาชุดหนึ่ง
เมื่อพวกเขามีเสื้อสำลีกันหนาวแล้ว แม้จะถูกลมหนาวพัดกระหน่ำก็ไม่หวั่นเกรง
แถมยังมีข้าวต้มร้อน ๆ รับประทานอีก จึงไม่เป็นกังวลอีกแล้ว
จึงทำให้ผู้เข้าฟังธรรมมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเข้ามากอีก
กิตติศัพท์ได้แพร่เข้ามาในเมืองหลวง
ต่างก็โจษขานกันทั่วว่าวัดจินกวงหมิงแห่งนี้เหมือนมูลนิธิการกุศล
พวกที่ยากจนข้นแค้นไม่มีที่จะพึ่งพิง
ทำให้ผู้เฒ่าผู้แก่ทั้งที่อยู่ใกล้และที่อยู่ไกลก็มุ่งหน้าสู่วัดจินกวงหมิง
ไต้ซือเมี่ยวส้านพบเห็นเข้าก็มีเมตตาสงสาร
โดยเฉพาะภิกษุณีชราที่อยู่ไกลกว่าร้อยลี้มาหาก็รับเอาไว้หมด
จะเลี้ยงอาหารทั้งสามมื้อ ถ้าหากพวกเขาไม่อยากจากไปก็จะไม่ขับไล่ให้อยู่ตามสบาย
นานเท่าไหร่ก็ได้ ห้องฌานออกจะกว้างขวางรับรองพวกเขาได้อย่างเต็มที่
แม้แต่คนแก่ที่อยู่ห่างไกล และก็มีคนหนุ่มสาวเด็กเล็กรวมอยู่ด้วย
ภายในวัดไม่สะดวกที่จะให้อยู่ได้ไต้ซือเมี่ยวส้านก็จะมอบไม้ไผ่ หญ้าแฝก
และวัตถุก่อสร้างต่าง ๆ ให้เรียกพวกเขาให้ไปเลือกที่ปลูกกระท่อมอยู่ตามชายป่า
แต่ละคนก็จะได้รับมอบเงินคนละเล็กน้อยสำหรับเป็นทุนรอนไปทำมาหากินเมื่อเป็นเช่นนี้เวลาผ่านไปไม่นานนัก
ชายป่าที่เคยเงียบเหงาแห่งนี้กลับกลายเป็นหมู่บ้านใหญ่มากขึ้นมา
คนที่เข้ามาอยู่ล้วนได้รับพระโพธิสมภารจากไต้ซือเมี่ยวส้านทั้งนั้น
ทุกคนต่างรู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ
ตามที่พวกเขายกย่องกันว่าเป็นพระราชกฤษฎีกาที่ดีเลิศ เมื่อถึงวันกำหนดบรรยายธรรม
ไม่ว่าลูกเล็กเด็กแดงหรือหนุ่มสาวเฒ่าชรา ต่างก็เข้าสู่ห้องบรรยายธรรม
มาฟังธรรมะกัน ดังนั้นในประเทศซิ่นหลินกั๊วนี้
พวกที่กระจ่างในธรรมกลับกลายเป็นพวกยากจนเหล่านั้น นั่นคือ
ผู้ฉลาดก็สามารถกระจ่างได้ ผู้โง่เขลาก็ต้องศรัทธาเชื่อถือ
» ถวายสุราศาลาเย็น ไข่มุกเด่นสู่ครรภ์ในฝัน
» หาว่าผู้เฒ่าพูดปดว่าพระเมตตา ธิดาน้อยหยุดกันแสงฟังโฉลก
» คิดยกราชบัลลังก์ เห็นมดต่อสู้กันเกิดจิตเมตตา
» ช่วยเหลือจักจั่นจนบาดเจ็บ ใครรักษาแผนเป็นหายมีรางวัล
» แพทย์สามัญไร้โอสถดี ผู้วิเศษกล่าวถึงบัวหิมะ
» เสาะหาบัวบานบนเขาซวีหนีซัน มเหสีเป่าเต๋อทรงประชวร
» โศลกทิ้งเงื่อนงำ เห็นการเกิดตายแจ้งในสัจธรรม
» ปีตินิมิตเห็นพุทธเจ้า ขัดรับสั่งพระบิดาโทษดูแลอุทยาน
» แสดงธรรมหน้าโต๊ะเสวย ถูกขับรับงานหนักโรงครัว
» นางกำนัลซาบซึ้งในความศรัทธา จึงอาสาช่วยงานตรากตรำ
» ปณิธานย่อมเป็นทาสรับใช้ความศรัทธามั่นทำให้เสด็จพ่อกลับใจ
» กำหนดฤกษ์บูรณะวัดจินกวงหมิง ได้ฤกษ์ออกเดินทางสู่เขาเยโหม่ว
» มีดทดสอบตัดหกอายตนะ สู่ศูนย์ตาเพ่งไตรภูมิในความเงียบ
» ในสมาธิเกิดปีติมารเข้าแทรก เข้าสมาธิบัวขาวบานกลางใจ
» เดินทางสู่ภูเขาซวีหนีซัน โปรยข้าวเปลือกผ่านเขาจ้าวอีกา
» พบผู้ใจดีชี้ทางให้ หลงใหลธรรมชาติเกิดเรื่องขึ้น
» ไต้ซือถูกจับที่ภูเขาจินหลุน ผู้ร่วมทางตัดสินใจไปช่วยเหลือ
» คนป่าแย่งรองเท้าสานไป อริยสงฆ์รูปหนึ่งทรงช้างเผือกมา
» ไต้ซือเดินทางด้วยเท้าเปล่า ชนเผ่าเจียลาเลี้ยงสัตว์ในทะเลทราย
» มีกรรมสัมพันธ์กับบ้านหลู่ ข้าวเหนียวช่วยรักษาโรค
» ปราบเสือร้ายเทียนหม่าฟง ที่เมืองหลิวหลีเห็นทางสว่าง
» สู่ยอดเขางูกลืนช้าง สู่ภาพมายาเจ้าโจมตี
» เจอะหมีขาวแกล้งนอนตาย ให้ลิงเลียนแบบเดินแล้วไหว้
» สู่สันเขารู้กระจ่างแจ้ง คุยถึงเรื่องที่ผ่านมาเด็กซนทำเรื่อง
» ผ่านความทุกข์ลำบากมานับพันหมื่นสำเร็จธรรมถูกตีกระหม่อมทะลุสหโลกธาตุ