ความรู้ทั่วไป สารนิเทศ การศึกษา คอมพิวเตอร์ >>
กฎหมายไทย - พระราชบัญญัติ
พระราชบัญญัติ การค้าข้าว พุทธศักราช 2489
อานันทมหิดล
ตราไว้ ณ วันที่ 8 พฤษภาคม พุทธศักราช 2489
เป็นปีที่ 13 ในรัชกาลปัจจุบัน
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรวางระเบียบการค้าข้าว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้ โดยคำแนะนำและยินยอมของสภาผู้แทนราษฎร ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้ให้เรียกว่า พระราชบัญญัติการค้าข้าว พุทธศักราช 2489
มาตรา 2* พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับได้ตั้งแต่วันประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป *[รก.2489/29/296/9 พฤษภาคม 2489]
มาตรา 3 ในพระราชบัญญัตินี้ ข้าว* หมายความว่า ข้าวเปลือก, ข้าวก ล้อง, ข้าวสาร, ข้าวเหนียวและรวมตลอดถึงปลายข้าว, รำ และสิ่งใด ๆ ที่แปรสภาพมา จากข้าว *[นิยาม ข้าว แก้ไขโดยพระราชบัญญัติฯ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2489] การค้าข้าว* หมายความว่า การซื้อ ขาย แลกเปลี่ยน หรือ โอนกรรมสิทธิ์ข้าว รวมตลอดถึงการสีข้าว ทั้งนี้นอกจากสำหรับบริโภคในครอบครัว *[นิยาม การค้าข้าว แก้ไขโดยพระราชบัญญัติฯ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2489] ผู้ค้าข้าว หมายความว่า บุคคลซึ่งได้รับอนุญาตให้ประกอบการ ค้าข้าวตามพระราชบัญญัตินี้ คณะกรรมการ หมายความว่า คณะกรรมการซึ่งตั้งขึ้นตามความ ในพระราชบัญญัตินี้ พนักงานเจ้าหน้าที่ หมายความว่า ผู้ที่คณะกรรมการแต่งตั้งขึ้น ตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา 4 ให้มีกรรมการคณะหนึ่งประกอบด้วยประธานกรรมการ หนึ่งนาย และกรรมการอื่นอีกไม่น้อยกว่าหกนายซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง มีอำนาจและหน้าที่ตามบทแห่งพระราชบัญญัตินี้
มาตรา 5 คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งบุคคลใดหรือคณะบุคคลใด เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อปฏิบัติการอันอยู่ในอำนาจและหน้าที่ของคณะกรรมการ ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนใน ท้องที่ใดท้องที่หนึ่งแทนคณะกรรมการได้
มาตรา 6 ให้คณะกรรมการหรือพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าไป ในสถานที่ หรือเคหะสถานของบุคคลใดเพื่อตรวจข้าว ใบรับในการขาย หรือ แลกเปลี่ยนข้าว รายงานการค้าข้าว และเอกสารอื่น ๆ เกี่ยวกับการค้าข้าว ได้ในเวลากลางวัน และมีอำนาจสั่งบุคคลใดที่เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำในเรื่องที่ เกี่ยวกับการนั้นได้
มาตรา 7 ให้คณะกรรมการมีอำนาจประกาศเขตควบคุมการ ค้าข้าวได้
มาตรา 8* ในเขตควบคุมการค้าข้าว ให้คณะกรรมการมีอำนาจ (1) แบ่งแยกประเภทผู้ประกอบการค้าข้าว และสั่งผู้ประกอบการ ค้าข้าว ประเภทหนึ่งประเภทใด หรือทุกประเภท ให้ขออนุญาตประกอบการ ค้าข้าว (2) กำหนดราคาข้าว และสั่งห้ามมิให้ขายเกินกว่าราคาที่กำหนด ไว้นั้น (3) กำหนดราคาข้าว และสั่งห้ามมิให้ซื้อจากกสิกรต่ำกว่าราคา ที่กำหนดไว้นั้น (4) สั่งห้ามซื้อหรือขายหรือแลกเปลี่ยนหรือโอนกรรมสิทธิ์ข้าว เว้นแต่จะได้รับหนังสืออนุ ญาตจากคณะกรรมการ ซึ่งคณะกรรมการจะอนุญาต ภายใต้บังคับเงื่อนไขใด ๆ ก็ได้ (5) สั่งให้แจ้งปริมาณและสถานที่เก็บข้าว หรือสั่งห้ามยักย้ายข้าว จากสถานที่เก็บหรือเปลี่ยนแปลงสภาพข้าว เว้นแต่จะได้รับหนังสืออนุญาตจาก คณะกรรมการ ซึ่งคณะกรรมการจะอนุญาตภายใต้บังคับเงื่อนไขใด ๆ ก็ได้ (6) สั่งให้ผู้มีข้าวอยู่ในครอบครองขายข้าวให้แก่บุคคลหนึ่งบุคคลใด ตามราคาและปริมาณที่คณะกรรมการกำหนด หรือสั่งพนักงานเจ้าหน้าที่ให้ยึด และบังคับซื้อข้าวตามราคา และปริมาณที่คณะกรรมการกำหนดในกรณีที่มีการ ขัดขืนคำสั่งของคณะกรรมการกับมีอำนาจกำหนดระยะเวลาและเงื่อนไข ในการชำระเงินค่าข้าวและในการส่งมอบข้าวนั้น ในกรณีไม่พบตัวผู้มีข้าวอยู่ในครอบครอง คณะกรรมการมีอำนาจ สั่งให้ปิดคำสั่งให้ขายข้าวไว้ ณ สถานที่เก็บข้าวหรือพาหนะขนข้าวนั้น เมื่อล่วงพ้นเจ็ดสิบสองชั่วโมงนับแต่เวลาปิดคำสั่งแล้ว ผู้มีข้าวอยู่ใน ครอบครองไม่มาจัดการขายให้ คณะกรรมการมีอำนาจสั่งยึดและบังคับซื้อ ตาม ความในวรรคก่อนได้
*[มาตรา 8 แก้ไขโดยพระราชบัญญัติฯ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2489]
มาตรา 9* ในเขตควบคุมการค้าข้าว ผู้ประกอบการค้าข้าวประเภท ซึ่งคณะกรรมการสั่งให้ขออนุญาตประกอบการค้าข้าว ต้องได้รับหนังสืออนุญาต จากคณะกรรมการก่อน จึงจะทำการค้าข้าวได้ ให้คณะกรรมการมีอำนาจกำหนดเงื่อนไขระบุไว้ในหนังสืออนุญาต ผู้ ประกอบการค้าข้าวต้องปฏิบัติตามข้อความและเงื่อนไขที่ระบุไว้ในหนังสืออนุญาตนั้น การขออนุญาตประกอบการค้าข้าว ให้ทำตามแบบที่คณะกรรมการกำหนด ผู้ทำการค้าข้าวประเภทซึ่งคณะกรรมการสั่งให้ขออนุญาตหากได้ ประกอบการค้าข้าวอยู่ก่อนวันที่คณะกรรมการสั่งนั้นให้ยื่นคำขออนุญาตประกอบ การค้าข้าวภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการกำหนด
*[มาตรา 9 แก้ไขโดยพระราชบัญญัติฯ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2489]
มาตรา 10 ผู้ได้รับหนังสืออนุญาตให้ประกอบการค้าข้าวต้องเก็บ หนังสืออนุญาตนั้นไว้ในที่เปิดเผย ซึ่งอาจจะแลเห็นได้สะดวก ณ สถานที่ที่ ทำการค้าข้าว
มาตรา 11 บทบัญญัติมาตรา 9 มิให้ใช้บังคับแก่ (1) กสิกรซึ่งขายหรือแลกเ ปลี่ยนข้าวซึ่งกสิกรนั้นผลิตได้จาก เนื้อที่ที่ตนทำ (2) ผู้ที่ขายหรือแลกเปลี่ยนข้าวครั้งหนึ่งมีปริมาณดังนี้ (ก) ข้าวเปลือกทุกชนิดไม่เกินสองเกวียนหลวง (ข) ข้าวอื่น ๆ ไม่เกินหนึ่งร้อยแปดกิโลกรัม
มาตรา 12* ผู้ได้รับหนังสืออนุญาตให้ประกอบการค้าข้าวตาม พระราชบัญญัตินี้ ต้องทำรายงานการค้าข้าวประจำวันตามแบบที่คณะกรรมการ กำหนดเก็บไว้ ณ สถานที่ที่ทำการค้าข้าว และต้องยื่นรายงานการค้าข้าวต่อ คณะกรรมการหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามแบบ ระยะเวลา และเงื่อนไขที่ คณะกรรมการกำหนด การทำรายงานการค้าข้าวดังกล่าวในวรรคก่อน คณะกรรมการมี อำนาจสั่งยกเว้นให้แก่ผู้ประกอบการค้าข้าวประเภทหนึ่งประเภทใดก็ได้ และ ให้มีอำนาจสั่งถอนการยกเว้นนั้นด้วย *[มาตรา 12 แก้ไขโดยพระราชบัญญัติฯ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2489]
มาตรา 13* หนังสืออนุญาตให้ประกอบการค้าข้าว หรือหนังสืออนุญาต อื่น ๆ ให้มีกำหนดเวลาตามที่คณะกรรมการกำหนดระบุไว้ในหนังสืออนุญาต *[มา ตรา 13 แก้ไขโดยพระราชบัญญัติฯ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2489]
มาตรา 14 ผู้ได้รับหนังสืออนุญาตให้ประกอบการค้าข้าว ต้อง แสดงราคาข้าวประจำวันเป็นภาษาไทยไว้ในที่เปิดเผย ซึ่งอาจจะแลเห็นได้ สะดวก ณ สถานที่ทำการค้าข้าว
มาตรา 15* ผู้ได้รับหนังสืออนุญาตคนใดฝ่าฝืนประกาศหรือคำสั่ง คณะกรรมการหรือพนักงานเจ้าหน้าที่หรือปฏิบัติผิดเงื่อนไขอย่างหนึ่งอย่างใด ที่ระบุไว้ในหนังสืออนุญาตหรือฝ่าฝืนบทบัญญัติใด ๆ แห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้คณะกรรมการมีอำนาจสั่งถอนหนังสืออนุญาตนั้นได้ *[มาตรา 15 แก้ไขโดยพระราชบัญญัติฯ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2489]
มาตรา 16 หนังสืออนุญาตให้ประกอบการค้าข้าวให้ใช้ได้เฉพาะตัว จะโอนกันไม่ได้ และเมื่อเลิกประกอบการค้าข้าวแล้ว ต้องแจ้งให้คณะกรรมการ หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ทราบ มาตรา 16 ทวิ* เจ้าของโรงสีข้าวหรือผู้ประกอบการโรงสีข้าวคนใด หยุดหรือแกล้งหยุดทำการสีข้าวหรือไม่ทำการสีข้าวให้เต็มกำลังที่โรงสีนั้นสามารถ ที่จะทำ การสีได้ คณะกรรมการมีอำนาจที่จะเรียกให้กระทำการสีข้าวหรือสีข้าวให้ เต็มกำลังต่อไปภายในระยะเวลาที่กำหนดและมีอำนาจกำหนดค่าจ้างสีข้าวให้ ปฏิบัติได้ เมื่อคณะกรรมการได้มีคำสั่งตามความในวรรคก่อนแล้ว เจ้าของ โรงสีข้าว หรือผู้ประกอบการโรงสีข้าว ไม่ปฏิบัติภายในระยะที่คณะกรรมการ กำหนดให้คณะกรรมการมีอำนาจเข้ายึดโรงสีนั้นมาดำเนินการเสียเองได้ และ ในการนี้เจ้าของโรงสีไม่มีสิทธิที่จะเรียกค่าทดแทนหรือค่าเสียหายใด ๆ ทั้งสิ้น *[มาตรา 16 ทวิ เพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติฯ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2489]
มาตรา 17* ผู้ใดฝ่าฝืนประกาศหรือคำสั่งคณะกรรมการหรือพนักงาน เจ้าหน้าที่ ซึ่งออกตามความในมาตรา 8 (2) หรือ (3) หรือ (4) หรือ (5) หรือ (6) หรือปฏิบัติผิดเงื่อนไขอย่างหนึ่งอย่างใดที่ระบุไว้ในหนังสืออนุญาต ซึ่งออกตามความในมาตรา 8 (4) หรือ (5) ผู้นั้นมีความผิดต้องระวางโทษ จำคุกตั้งแต่สามเดือนขึ้นไปจนถึงห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงห้าพันบาท *[มาตรา 15 แก้ไขโดยพระราชบัญญัติฯ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2489]
มาตรา 18* ผู้ใดฝ่าฝืนบทบัญญัติมาตรา 9 หรือมาตรา 12 วรรคหนึ่ง ผ ู้นั้นมีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือจำคุกไม่เกินห้าปี หรือ ทั้งปรับทั้งจำ *[มาตรา 18 แก้ไขโดยพระราชบัญญัติฯ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2489]
มาตรา 19 ผู้ใดฝ่าฝืนบทบัญญัติมาตรา 10 มาตรา 14 หรือ มาตรา 16 ผู้นั้นมีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือจำคุก ไม่เกินหนึ่งปี หรือทั้งปรับทั้งจำ
มาตรา 20 ผู้ใดให้ถ้อยคำเท็จในการแจ้งปริมาณหรือสถานที่เก็บข้าว หรือขัดขืน หรือฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการ หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งปฏิบัติการ ตามมาตรา 6 หรือให้ถ้อยคำเท็จแก่บุคคลนั้น ๆ ผู้นั้นมีความผิดต้องระวางโทษ ปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือจำคุกไม่เกินห้าปี หรือทั้งปรับทั้งจำ
มาตรา 21 พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ใดปฏิบัติการหรือละเว้นปฏิบัติการ ในหน้าที่ อันเป็นการช่วยเหลือให้มีการฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ ไม่ว่าด้วยประการใด ๆ มีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และ ปรับไม่เกินห้าพันบาท มาตรา 21 ทวิ* ข้าวซึ่งเกี่ยวเนื่องกับความผิดตลอดจนสิ่งที่ใช้ บรรจุให้ริบเสีย *[มาตรา 21 ทวิ เพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติฯ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2489]
มาตรา 22 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออก กฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียม และกิจการอื่น ๆ เพื่อปฏิบัติการ ตามพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวงนั้นเมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ปรีดี พนมยงค์
นายกรัฐมนตรี