ความรู้ทั่วไป สารนิเทศ การศึกษา คอมพิวเตอร์ >>
กฎหมายไทย - พระราชบัญญัติ
พระราชบัญญัติ การชลประทานราษฎร์ พุทธศักราช 2482
ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล
คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
(ตามประกาศประธานสภาผู้แทนราษฎร
ลงวันที่ 4 สิงหาคม พุทธศักราช 2480)
อาทิตย์ทิพอาภา
พล.อ.เจ้าพระยา พิชเยนทรโยธิน
ตราไว้ ณ วันที่ 17 ตุลาคม พุทธศักราช 2482
เป็นปีที่ 6 ในรัชกาลปัจจุบัน
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้ให้เรียกว่า "พระราชบัญญัติการชลประทาน ราษฎร์ พุทธศักราช 2482"
มาตรา 2* ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้ตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป *[รก.2482/-/1294/26 ตุลาคม 2482]
มาตรา 3 ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติควบคุมการเหมืองฝายและพนัง พุทธศักราช 2477 พระราชบัญญัติควบคุมการเหมืองฝายและพนังแก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช 2478 และพระราชบัญญัติควบคุมการเหมืองฝายและพนัง (ฉบับที่ 3) พุทธศักราช 2480 กับบรรดากฎหมาย กฎ และข้อบังคับอื่นๆ ซึ่งบัญญัติไว้แล้ว ในพระราชบัญญัตินี้ หรือซึ่งมีข้อความขัดหรือแย้งกับบทแห่งพระราชบัญญัตินี้
มาตรา 4 ในพระราชบัญญัตินี้
"การชลประทาน" หมายความว่า กิจการที่บุคคลได้จัดทำขึ้น เพื่อส่งน้ำจากน้ำหรือแหล่งน้ำใด ๆ เป็นต้นว่า แม่น้ำ ลำธาร ห้วย หนอง คลอง บึง บาง ไปใช้ในการเพาะปลูก และให้หมายถึงกิจการที่ได้จัดทำขึ้นเพื่อป้องกัน การเสียหายแก่การเพาะปลูกอันเกี่ยวกับน้ำ
"การชลประทานส่วนบุคคล" หมายความว่า การชลประทานที่บุคคล คนเดียวหรือหลายคนได้จัดทำขึ้น เพื่อประโยชน์แก่การเพาะปลูกของบุคคลนั้น ๆ โดยเฉพาะ
"การชลประทานส่วนราษฎร" หมายความว่า การชลประทานที่ราษฎร ได้ร่วมกันจัดทำขึ้น เพื่อป ระโยชน์แก่การเพาะปลูกของราษฎรในท้องที่
"การชลประทานส่วนการค้า" หมายความว่า การชลประทานที่บุคคล ได้จัดทำขึ้นเพื่อค่าตอบแทนจากผู้ที่ต้องการใช้น้ำเพื่อการเพาะปลูกจากการ ชลประทานนั้น
"เขตการชลประทาน" หมายความว่า เขตที่ดินซึ่งได้รับประโยชน์ จากการชลประทานนั้น "เครื่องอุปกรณ์การชลประทาน" หมายความว่า สิ่งของใด ๆ ที่ ใช้ประกอบสำหรับทำการชลประทาน
"เจ้าพนักงาน" หมายความว่า คณะกรมการจังหวัด ข้าหลวงประจำ จังหวัด คณะกรมการอำเภอ นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หัวหน้าหรือผู้ช่วย หัวหน้าการชลประทานและเจ้าพนักงานผู้ควบคุมการชลประทาน
มาตรา 5 เพื่อประโยชน์แก่การแบ่งปันน้ำในยามขาดแคลน หรือ เพื่อความปลอดภัยหรือผาสุกของสาธารณชนให้คณะกรมการจังหวัดมีอำนาจ สั่งปิดหรืองดใช้ส่วนใดส่วนหนึ่งของการชลประทานทุกประเภทไว้ได้ชั่วคราว หรือสั่งเปลี่ยนแปลงแก้ไขเพื่อชักน้ำไปใช้ในการนั้นได้ ในกรณีที่เกี่ยวกับการแบ่งปันน้ำในยามขาดแคลน ให้ผู้ได้รับ ประโยชน์เป็น ผู้ออกค่าใช้จ่ายในการนั้น มา
ตรา 6 ห้ามมิให้ผู้ใดใช้น้ำจากการชลประทานส่วนบุคคลหรือ การชลประทานส่วนราษฎรเกินความจำเป็น หรือเอาน้ำไปทิ้งเสียโดยเปล่า ประโยชน์ในเมื่อเจ้าพนักงานได้สั่งห้าม
หมวด 1
การชลประทานส่วนบุคคล
______
1) ถ้าทำขึ้นเพื่อประโยชน์แก่เนื้อที่ไม่เกินห้าร้อยไร่และอยู่ใน ท้องที่อำเภอเดียวกัน ให้คณะกรมการอำเภอนั้นเป็นผู้พิจารณาอนุญาตแล้ว รายงานให้จังหวัดทราบ และให้จังหวัดรายงานไปยังกระทรวงเกษตราธิการ
2) ถ้าทำขึ้นเพื่อประโยชน์แก่เนื้อที่ไม่เกินหนึ่งพันไร่และอยู่ใน ท้องที่จังหวัดเดียวกัน ให้คณะกรมการจังหวัดนั้นเป็นผู้พิจารณาอนุญาตแล้ว รายงานไปยังกระทรวงเกษตราธิการ
3) ถ้าทำขึ้นเพื่อประโยชน์แก่เนื้อที่เกินกว่าหนึ่งพันไร่ หรือ เนื้อที่คาบเกี่ยวต่างจังหวัดกัน ให้กระทรวงเกษตราธิการเป็นผู้พิจารณา อนุญาต เจ้าของการชลประทานส่วนบุคคลที่ทำอยู่แล้วก่อนวันใช้พระราชบัญญัตินี้ จะต้องขออนุญาตภายในกำหนดเวลาสิบสองเดือนนับแต่วันใช้พระราชบัญญัตินี้
มาตรา 8 ผู้ขออนุญาตทำการชลประทานตามความในมาตรา 7 จะต้องปฏิบัติดังต่อไปนี้
(1) เสนอแผนที่สังเขปซึ่งแสดงรายการ ต่อไปนี้
(ก) จำนวนเนื้อที่เพาะปลูกที่มีอยู่ในเวลาที่ขออนุญาต
(ข) จำนวนเนื้อที่ซึ่งจะได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้นเนื่องจากการ ชลประทานนั้น
(ค) แนวทางน้ำ แหล่งน้ำ หมู่บ้านและสถานที่ถาวรต่าง ๆ เท่าที่มีอยู่ในเขตนั้น
(ง) แนวทางและจุดที่ตั้งของการชลประทานที่ขอทำขึ้น
(2) เสนอรายละเอียด คือ
(ก) สภาพของลำน้ำที่จะใช้ทำการชลประทานนั้นในฤดูแล้งมีน้ำ เหลืออยู่เพียงใด
ในฤดูน้ำมีน้ำตามปกติเท่าใด และระดับน้ำสูงที่สุดเท่าใดโดย
คิดจากระดับท้องน้ำขึ้นมา
(ข) ความกว้าง ลึกของลำน้ำเดิม และขนาดส่วนสัดของการ ชลประทานที่ขอทำขึ้น
(ค) จำนวนเจ้าของนาภายในเขตที่จะได้รับน้ำจากการ
ชลประทานนั้นรวมทั้งที่มีอยู่เดิมและที่จะมีขึ้นใหม่
(3) ให้ชี้แจงว่า การชลประทานรายอื่นได้มีอยู่ก่อนแล้วในลำน้ำนั้น หรือไม่ ถ้ามีให้แจ้งเขตและระยะที่ตั้งถัดไปทางเหนือน้ำ 1 ราย ทางใต้น้ำ 1 ราย
มาตรา 9 ในกรณีที่คณะกรมการจังหวัดเห็นว่า การชลประทาน ส่วนบุคคลรายใดมีปริมาณน้ำเกินความจำเป็นแล้ว ก็ให้มีอำ นาจสั่งเฉลี่ยน้ำให้ แก่ที่ดินที่ใกล้เคียงได้เป็นครั้งคราว แต่ผู้ที่ได้รับประโยชน์จะต้องช่วยเหลือ เจ้าของหรือผู้ควบคุมตามสมควร การชลประทานส่วนบุคคลรายใดที่ได้ทำมาแล้วไม่น้อยกว่าสิบปี ถ้าคณะกรมการจังหวัดเห็นเป็นการจำเป็นที่จะขยายเขตการชลประทานให้ กว้างขวางออกไปเพื่อประโยชน์ของราษฎรหมู่มาก ก็ให้มีอำนาจสั่งเปลี่ยน ประเภทการชลประทานส่วนบุคคลรายนั้นเป็นการชลประทานส่วนราษฎรได้ โดยให้ผู้ที่จะได้รับประโยชน์จากการชลประทานนั้นร่วมกันออกเงินค่าทำขวัญ ตามส่วนมากและน้อย ถ้าหากไม่ตกลงกันในเรื่องเงินค่าทำขวัญ คณะกรมการจังหวัด และผู้ที่จะได้รับประโยชน์มีสิทธิที่จะขอให้ตั้งอนุญาโตตุลาการได้ ถ้าจะต้องตั้งอนุญาโตตุลาการตามความในวรรคก่อน ให้นำบท บัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยอนุญาโตตุลาการมาใช้ บังคับโดยอนุโลม
มาตรา 10 เจ้าของการชลประทานส่วนบุคคล จะต้องปฏิบัติการ มิให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ของบุคคลอื่นและจะต้องปล่อยน้ำให้ที่ดิน ที่อ ยู่ใกล้เคียงซึ่งเคยได้รับน้ำจากการชลประทานนั้นมาแต่ก่อนได้ใช้สอยตาม สมควร ถ้าเจ้าของหรือผู้ควบคุมกระทำหรืองดเว้นกระทำการอย่างหนึ่ง อย่างใดอันอาจจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นหรือสิ่งสาธารณประโยชน์ ให้คณะกรมการอำเภอมีอำนาจสั่งให้เจ้าของหรือผู้ควบคุมกระทำอย่างหนึ่ง อย่างใดได้ตามที่เห็นสมควร ถ้าพ้นกำหนดเวลา เจ้าของหรือผู้ควบคุมไม่ปฏิบัติ ตาม ให้คณะกรมการอำเภอมีอำนาจเข้าดำเนินการเพื่อป้องกันความเสียหาย ได้ทันที
มาตรา 10 ทวิ* ในการจัดทำการชลประทานส่วนบุคคลตามหมวดนี้ ไม่ว่าจะต้องขออนุญาตตามมาตรา 7 หรือไม่ก็ตาม ถ้ามีความจำเป็นต้องใช้ที่ดิน ของบุคคลอื่นหรือที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ผู้จัดทำการชลประทาน ส่วนบุคคลดังกล่าวอาจทำทางน้ำผ่านที่ดินนั้นได้ เมื่อขอและได้รับอนุญาตจาก พนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว แต่ต้องใช้ค่าทดแทนให้แก่เจ้าของที่ดินดังกล่าว การขออนุญาตตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้ขออนุญาตยื่นคำขอต่อนายอำเภอ เจ้าของท้องที่และจะต้องปฏิบัติตามมาตรา 8 (1) ด้วย และให้นายอำเภอ แจ้งให้เจ้าของและผู้ครอบครองที่ดินที่จะทำทางน้ำผ่านทราบโดยจดหมายลง ทะเบียนไปยังภูมิลำเ นาของเจ้าของและผู้ครอบครองที่ดินพร้อมทั้งปิดประกาศ ณ สำนักงานที่ดินจังหวัด ที่ว่าการเขต ที่ว่าการอำเภอ ที่ทำการกำนันใน ท้องที่ และที่ดินที่จะทำทางน้ำผ่านล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน ผู้ใดเห็นว่า ตนจะได้รับความเสียหายจากการทำทางน้ำผ่านที่ดิน ให้ยื่นคำร้องคัดค้านต่อ นายอำเภอภายในระยะเวลาดังกล่าวแล้ว เฉพาะในกรณีฉุกเฉินให้พิจารณา อนุญาตไปก่อนได้ ในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่อนุญาตตามคำขอ ให้ปิดประกาศและ แจ้งการอนุญาตพร้อมทั้งรายละเอียดให้เจ้าของและผู้ครอบครองที่ดินทราบ โดยวิธีการดังระบุไว้ในวรรคสองล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน
ให้นำมาตรา 7 วรรคสาม มาใช้บังคับแก่การอนุญาตตามวรรคหนึ่ง โดยอนุโลม ทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมตามหลักชลประทาน และ จะต้องให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินน้อยที่สุด จำนวนเงินค่าทดแทนนั้นไม่อาจตกลงกันได้ ผู้ขออนุญาตอาจร้องขอ ต่อคณะกรรมการซึ่งประกอบด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานกรรมการ ประธานสภาจังหวัดเป็นรองประธานก รรมการ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด เกษตรจังหวัด ผู้แทนกรมชลประทาน และนายอำเภอ หรือปลัดอำเภอผู้เป็น หัวหน้าประจำกิ่งอำเภอท้องที่เป็นกรรมการ เป็นผู้กำหนดโดยให้คำนึงถึง สภาพของที่ดินตลอดจนประโยชน์ที่ผู้ขออนุญาตจะได้รับและความเสียหาย ที่จะเกิดแก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินอื่นด้วย เมื่อคณะกรรมการได้กำหนดจำนวนเงินค่าทดแทนตามวรรคห้าแล้ว เจ้าของที่ดินไม่ยอมรับเงินค่าทดแทน และพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ปิดประกาศตาม วรรคสามโดยอนุโลม และได้วางเงินค่าทดแทนดังกล่าวต่อศาลแล้ว ผู้ขออนุญาต มีสิทธิเข้าดำเนินการได้ การที่เจ้าของที่ดินไม่ยินยอมตกลงในจำนวนเงินค่าทดแทนที่ดิน ตามที่คณะกรรมการกำหนดในวรรคห้า รับหรือไม่รับเงินค่าทดแทนที่ได้วางไว้ ต่อศาล ไม่ตัดสิทธิเจ้าของที่ดินจะฟ้องเรียกเงินส่วนที่ตนเห็นว่าควรจะได้รับ ภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวัน นับแต่วันที่ได้วางเงินต่อศาล ในกรณีศาลพิพากษา ให้ชำระเงินค่าทดแทนเพิ่มขึ้น ให้เจ้าของที่ดินได้รับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ เจ็ดครึ่งต่อปีในเงินส่วนที่เพิ่มขึ้นนั้นนับจากวันที่วางเงินค่าทดแทนต่อศาล การที่เจ้าของที่ดินฟ้องคดียังศาลตามวรรคเจ ็ด ไม่เป็นเหตุให้การ ครอบครองการใช้ที่ดินของผู้ขออนุญาตสะดุดหยุดลง *[มาตรา 10 ทวิ เพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติฯ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2523]
มาตรา 10 ตรี* ทางน้ำตามมาตรา 10 ทวิ ต้องใช้เพื่อประโยชน์ ของที่ดินที่ได้รับน้ำจากทางน้ำนั้น ถ้าต่อมาที่ดินที่ได้รับน้ำนั้นหมดความจำเป็น ที่จะใช้น้ำจากทางน้ำนั้นเพื่อประกอบการเพาะปลูกอีกต่อไป เมื่อเจ้าของหรือ ผู้ครอบครองที่ดินที่มีทางน้ำผ่านร้องขอและได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว ให้สิทธิของเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินที่ได้รับน้ำจากทางน้ำนั้นเป็นอันสิ้นสุดลง ในระหว่างที่ทางน้ำจะต้องใช้เพื่อประโยชน์ของที่ดินที่ได้รับน้ำ เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินที่ได้รับน้ำมีสิทธิทำการทุกอย่างอันจำเป็นเพื่อรักษา และใช้ทางน้ำนั้นโดยให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินที่มี ทางน้ำผ่านน้อยที่สุดตามพฤติการณ์ *[มาตรา 10 ตรี เพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติฯ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2523]
| หน้าถัดไป »