ความรู้ทั่วไป สารนิเทศ การศึกษา คอมพิวเตอร์ >>
กฎหมายไทย - พระราชบัญญัติ
พระราชบัญญัติ การกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2528
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2528
เป็นปีที่ 40 ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราช โองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยการกีฬาแห่งประเทศไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้ โดย คำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติการกีฬาแห่ง ประเทศไทย พ.ศ. 2528"
มาตรา 2* พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป *
[รก.2528/149/1/17 ตุลาคม 2528]
มาตรา 3 ให้ยกเลิก
(1) พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การส่งเสริมกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ.
2507
(2) พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การส่งเสริมกีฬาแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2511
(3) พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การส่งเสริมกีฬาแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2518
(4) พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การส่งเสริมกีฬาแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2519
(5) พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การส่งเสริมกีฬาแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2523
มาตรา 4 ในพระราชบัญญัตินี้ "คณะกรรมการ" หมายความว่า คณะกรรมการการกีฬาแห่ง ประเทศไทย "กรรมการ" หมายความว่า กรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย "ผู้ว่าการ" หมายความว่า ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย "รองผู้ว่าการ" หมายความว่า รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย "พนักงาน" หมายความว่า พนักงานของการกีฬาแห่งประเทศไทย และหมายความรวมถึงผู้ว่าการและรองผู้ว่าการด้วย "ลูกจ้าง" หมายความว่า ลูกจ้างของการกีฬาแห่งประเทศไทย
มาตรา 5 ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และ ให้มีอำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้ บังคับได้
หมวด 1
การจัดตั้ง ทุน และทุนสำรอง
________
มาตรา 6 ให้จัดตั้งองค์การขึ้นเรียกว่า การกีฬาแห่งประเทศ ไทย เรียกโดยย่อว่า กกท. และให้ใช้ชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า "SPORTS AUTHORITY OF THAILAND" เรียกโดยย่อว่า "SAT" และให้มีตรา เครื่องหมายของ "กกท." รูปลักษณะตราเครื่องหมายตามวรรคหนึ่ง ให้กำหนดโดยกฎกระทรวง
มาตรา 7 ให้ กกท. เป็นนิติบุคคล มีสำนักงานใหญ่ในกรุงเทพ มหานครหรือจังหวัดใกล้เคียง และจะจัดตั้งสำนักงานสาขาหรือตัวแทนขึ้น ณ ที่อื่นใดภายในหรือภายนอกราชอาณาจักรก็ได้ แต่การตั้งสำนักงานสาขา ภายนอกราชอาณาจักรต้องได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี
มาตรา 8 กกท. มีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
(1) ส่งเสริมการกีฬา
(2) ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการประสานงานเกี่ยวกับการกีฬา
(3) ศึกษา วิเคราะห์ และจัดทำโครงการ แผนงาน และสถิติ เกี่ยวกับการส่งเสริมการกีฬา
รวมทั้งประเมินผล
(4) จัด ช่วยเหลือ แนะนำ และร่วมมือในการจัดและดำเนินการ การกีฬา
(5) สำรวจ จัดสร้าง และบูรณะสถานที่สำหรับการกีฬา
(6) ติดต่อร่วมมือกับองค์การหรือสมาคมกีฬาทั้งในและนอก ราชอาณาจักร
(7) สอดส่องและควบคุมการดำเนินกิจการการกีฬา
(8) ประกอบกิจการอื่น ๆ อันเกี่ยวแก่หรือเพื่อประโยชน์ของ การกีฬา
มาตรา 9 ให้ กกท. มีอำนาจกระทำกิจการต่าง ๆ ภายใน ขอบแห่งวัตถุประสงค์ตามมาตรา 8 และอำนาจเช่นว่านี้ให้รวมถึง
(1) ถือกรรมสิทธิ์ หรือมีสิทธิครอบครอง หรือมีทรัพยสิทธิต่าง ๆ สร้าง ซื้อ จัดหา
ขาย จำหน่าย เช่า ให้เช่า เช่าซื้อ ให้เช่าซื้อ ยืม ให้ยืม รับจำนำ รับจำนอง
ทำการแลกเปลี่ยน โอน รับโอน หรือดำเนินการใด ๆ
เกี่ยวกับทรัพย์สินทั้งในและนอกราชอาณาจักร ตลอดจนรับทรัพย์สินที่มีผู้อุทิศให้
(2) กู้หรือยืมเงิน ภายในและภายนอกราชอาณาจักร
(3) ให้กู้หรือให้ยืมเงินโดยมีหลักประกันด้วยบุคคลหรือทรัพย์สินเพื่อ
ประโยชน์แก่กิจการของ กกท.
มาตรา 10 ทุนของ กกท. ประกอบด้วย
(1) เงินและทรัพย์สินที่โอนมาตามมาตรา 66 เมื่อได้หักหนี้สิน ออกแล้ว
(2) เงินที่ได้จากงบประมาณแผ่นดินให้เป็นทุนหรือเพื่อดำเนินงาน (3)
เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้อุทิศให้ (4) เงินรายได้ตามมาตรา 37
มาตรา 11 กกท. อาจมีรายได้ดังต่อไปนี้
(1) รายได้จากทรัพย์สินของ กกท.
(2) เงินอุดหนุนจากรัฐบาล
(3) รายได้จากการจัดการแข่งขันกีฬา
(4) รายได้อื่น
มาตรา 12 เงินสำรองของ กกท. ให้ประกอบด้วยเงินสำรอง ธรรมดาซึ่งตั้งไว้เผื่อขาด เงินสำรองเพื่อการไถ่ถอนหนี้ และเงินสำรองอื่น ๆ ตามความประสงค์แต่ละอย่างโดยเฉพาะตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร เงินสำรองธรรมดาจะนำออกใช้ได้ก็แต่โดยมติของคณะกรรมการ
มาตรา 13 ทรัพย์สินของ กกท. ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการ บังคับคดี
| หน้าถัดไป »