วรรณกรรม สุภาษิต ข้อคิด คำคม สำนวน โวหาร งานเขียน >>
ท้าวผาแดง - นางไอ่
อักษรธรรม 8 ผูก วัดสุทธาวาส บ้านโสกใหญ่ ต.ลือ อ.พนา จ.อุบลราชธานี
เมืองสุวรรณโคมคำหรือเอกธีตา อยู่ทางทิศใต้ของเมืองหนองแส
เมืองเอกธีตานี้มีพระยาขอมเป็นผู้ปกครอง มีนางจันทร์เป็นมเหสี
มีธิดาสาวสวยคนหนึ่งชื่อไอ่คำ พระยาขอมมีน้องชาย 2 คน ให้ไปครองเมืองเชียงเทียน
และเมืองสีแก้ว มีหลาน 3 คนให้ไปปกครองเมืองฟ้าแดด เมืองหงส์ และเมืองทอง
นางไอ่คำเมื่ออายุได้ 15 ปี
มีความงามเล่าลือไปทั่วทุกทิศจนกระทั่งไปเข้าหูของท้าวผาแดงแห่งเมืองผาโพง
ท้าวผาแดงจึงขึ้นขี่ม้ามาแอบหานางไอ่ และได้สมัครรักใคร่กันแล้วสัญญากันว่า
จะทำพิธีสู่ขอและแต่งงานกันตามประเพณีในไม่ช้านี้
ยังมีเมืองอีกแห่งหนึ่งชื่อศรีสัตนาคนหุต มีสุทโธนาคครองเมือง
มีโอรสชื่อภังคี สุทโธนาคนี้อพยพมาจากหนองแส
เพราะผิดใจกับสุวรรณนาคผู้เป็นสหายเนื่องมาจากการแบ่งเนื้อเม่น คือ
สุทโธนาคไม่พอใจเพราะได้น้อยคิดว่าสุวรรณนาคเล่นไม่ซื่อจึงเกิดการทะเลาะกันเป็นสงครามอันยิ่งใหญ่
เดือดร้อนถึงพระอินทร์ต้องส่งเทพบุตรลงมาห้ามศึกสงคราม
และเทพบุตรได้แบ่งเขตให้ทั้งสองอยู่คือ สุวรรณนาคปกครองฝั่งใต้
สุทโธนาคครองฝั่งเหนือและตะวันออก โดยแบ่งลงไปจรดฝั่งทะเล
นาคทั้งสองจึงขุดคลองจากหนองแสลงสู่ทะเล โดยสุวรรณนาคขุดแม่น้ำน่านหรือโพระมิง
ตั้งเมืองนันทบุรี ส่วนสุทโธนาคขุดแม่น้ำโขง และตั้งเมืองศรีสัตนาคนหุต
ครั้นถึงกลางเดือนหกพระยาขอมจะทำบุญบั้งไฟ จึงมีใบบอกบุญไปยังหัวเมืองต่างๆ
ที่เป็นบริวารให้ทำบั้งไฟไปร่วมจุดในงาน ท้าวผาแดงไม่ได้รับใบบอกบุญ
แต่ได้ทราบข่าวจึงจัดบั้งไฟหมื่นไปร่วมบุญด้วยแล้วได้พบนางไอ่คำเป็นครั้งที่สอง
และได้รับการต้อนรับอย่างดี ในการจุดบั้งไฟ
พระยาขอมให้มีการพนันกันว่าถ้าบั้งไฟของใครชนะจะให้ทรัพย์สมบัติและนางสนมกำนัล
สำหรับท้าวผาแดงนั้นจะยกนางไอ่คำให้ ในเวลาจุดปรากฏว่าบั้งไฟของเมืองอื่นๆ ขึ้นหมด
ส่วนของพระยาขอมไม่ขึ้น (ซุ) และของท้าวผาแดงแตกกลางบั้ง
แต่พระยาขอมก็เฉยเสียไม่ทำตามสัญญา เจ้าเมืองต่างๆ จึงพากันกลับหมด
ส่วนท้าวผาแดงก็กลับเมืองของตนพร้อมกับความทุกข์เพราะความรักและบั้งไฟไม่ขึ้น
งานบุญบั้งไฟนั้นท้าวภังคี ลูกชายสุทโธนาคไม่ได้นำบั้งไฟมาร่วมด้วย
แต่ได้แปลงกายมาร่วมงานด้วย และได้หลงรักนางไอ่คำด้วยเช่นกัน
แต่ไม่มีโอกาสเข้าใกล้นางได้ จึงกลับบ้านไปด้วยความรักเต็มอก
ครั้นถึงเมืองศรีสัตนาคนหุตแล้วก็ไม่เป็นอันกินอันนอน จึงลาพ่อเพื่อมาหานางไอ่คำอีก
พ่อได้ห้ามไว้แต่ไม่สามารถห้ามปรามได้
เมื่อมาถึงเมืองเอกธีตาแล้วท้าวภังคีแปลงกายเป็นกระรอกด่อน (กระรอกเผือก)
ส่วนบริวารก็แปลงเป็นสัตว์ กระรอกด่อนภังคีแขวนกระดิ่งไว้ที่คอด้วย
ได้ปีนป่ายกระโดดไปตามต้นไม้ใกล้ปราสาทของนางไอ่คำสายตาสอดส่ายหานางไอ่คำ
นางไอ่คำเห็นกระรอกก็อยากได้จึงให้ตามนายพรานมาจับ นายพรานได้ยิงกระรอกด่อนด้วยธนู
ก่อนตายกระรอกด่อนได้อธิษฐานว่า "ขอให้เนื้อข้าจงเอร็ดอร่อย
และมีกินแก่คนทั้งเมือง" เมื่อกระรอกด่อนตายแล้วชาวเมืองก็แบ่งเนื้อกันกิน
ยกเว้นแม่ม่าย เพราะเขาถือว่าไม่ได้ช่วย
ฝ่ายบริวารของภังคีเห็นเจ้านายของตนเสียทีเขาแล้ว ก็รีบกลับไปบอกท้าวสุทโธนาค
ท้าวสุทโธนาคโกรธมาก จึงเกณฑ์ไพร่พลนับหมื่นเพื่อถล่มพระยาขอม
ใครกินเนื้อภังคีต้องเอาให้ตายทั้งหมด กองทัพนาคจึงมุ่งสู่เมืองพระยาขอมทันที
ในขณะเดียวกันท้าวผาแดงคิดถึงนางไอ่คำจนทนอยู่ไม่ได้
จึงรีบขึ้นม้าบักสามจากเมืองผาโพงสู่เอกธีตา
เมื่อมาถึงนางไอ่คำก็ต้อนรับด้วยความดีใจ พร้อมทั้งจัดอาหารมาเลี้ยง
เมื่อท้าวผาแดงรู้ว่าเป็นเนื้อกระรอกก็ไม่กิน
แล้วบอกนางไอ่คำว่ากระรอกนี้ไม่ใช่กระรอกธรรมดา เป็นท้าวภังคีแปลงตนมา
ใครกินเนื้อกระรอกแล้วบ้านเมืองจะถล่มถึงตาย พอตกกลางคืนกองทัพนาคก็มาถึงเมือง
แผ่นปฐพีจึงถล่มโครมครามไปทั่ว
ท้าวผาแดงจึงให้ไอ่คำเตรียมข้าวของบางสิ่งที่พอจะเอาไปได้ เช่น แหวน ฆ้อง
และกลองประจำเมือง แล้วรีบขึ้นม้าซ้อนท้ายตนแล้วควบม้าบักสามออกจากเมืองทันที
พญานาครู้ว่าไอ่คำกินเนื้อกระรอก กำลังหนีไปจึงติดตามไปติด ๆ
แผ่นดินก็ถล่มไปไม่หยุด นางไอ่คำต้องโยนฆ้องและกลองทิ้ง
สุดท้ายก็โยนแหวนทิ้งเพราะเข้าใจว่าพญานาคตามมาเอาสิ่งเหล่านี้
แต่พญานาคก็ยังตามมาอีก ม้าบักสามก็ค่อย ๆ หมดแรงลง
พญานาคตามมาทันแล้วเอาหางตวัดเกี่ยวเอาตัวนางไอ่คำลงมาจากหลังม้าจมน้ำหายไป
ส่วนท้าวผาแดงก็ควบม้าหนีต่อไป
บ้านใครที่ได้กินเนื้อกระรอกก็ได้ถล่มทลายเป็นหนองน้ำขนาดใหญ่คือหนองหานนั่นเอง
เหลือแต่บ้านแม่หม้ายที่ไม่ได้กิน จึงกลายเป็นดอนแม่หม้ายจนทุกวันนี้
ท้าวผาแดงกลับไปถึงเมืองผาโพงแล้ว
เสียใจที่สูญเสียคนรักไปต่อหน้าต่อตา
จึงอธิษฐานต่อเทพยดาว่าจะขอตายเพื่อไปสู้เอานางไอ่คำกลับคืนมา
และตรอมใจตายเป็นหัวหน้าผีได้นำกองทัพผีไปต่อสู้กับพญานาค
กองทัพผีกับกองทัพพญานาคได้ต่อสู้กันอยู่นาน น้ำในบึงในหนองขุ่นข้น
ดินบนบกกลายเป็นฝุ่นตลบไปหมด ร้อนถึงพระอินทร์ต้องลงมาระงับศึก ให้ทุกฝ่ายตั้งสติ
เหตุทั้งหลายเป็นเพราะบุพกรรม และเลิกแล้วต่อกัน
กาฬเกษ
กำพร้าผีน้อย
ไก่แก้วหอมฮู (กำพร้าไก่แก้ว)
ขุนทึง (ขุนเทือง)
ขูลู - นางอั้ว (โรมีโอ จูเลียต
อีสาน)
จำปาสี่ต้น
เชตพน
เซียงเมี่ยง
ทรายฟองหนองคำแสน
ท้าวก่ำกาดำ (ท้าวกินรี)
ท้าวคันธนาม (คัชนาม)
ท้าวปาจิตกับนางอรพิม
ท้าวผาแดง - นางไอ่
ท้าววัวทอง (อุ่นหล้าวัวทอง)
ท้าวสิงกาโลกระต่ายคำ
ท้าวโสวัจ
ท้าวหงส์หิน
ท้าวหมาหยุย
นกกระจอก (ท้าววรกิต นางจันทะจร)
นางแตงอ่อน
นางผมหอม
ปลาแดกปลาสมอ (ท้าวบุสบา)
พญาคันคาก
พระคุณของบิดามารดา (แทนน้ำนมแม่)
พื้นเมืองอุบล
พื้นเวียง (พื้นเวียงจันทน์)
สังข์ศิลป์ชัย
สีทนต์ มโนราห์
สุพรหมโมกขาหมา ๙ หาง
สุริวงศ์
เสียวสวาสดิ์
ฮีต 12 คอง 14 (ฮีตบ้านคองเมือง)