ประวัติศาสตร์  ภูมิศาสตร์ บุคคลสำคัญ ประเทศและทวีป >>

โครงการแมนแฮตตัน

เมื่อความลับเกี่ยวกับปฎิกิริยานิวเคลียร์ได้ถูกค้นพบ นักวิทยาศาสตร์ฝ่ายสัมพันธมิตรจึงได้พยายาม หาทางที่จะนำเอาพลังงานมหาศาลนี้มาใช้เป็นอาวุธ โครงการแมนฮัตตันจึงได้อุบัติขึ้น เพื่อพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ ควบคู่ไปกับอาวุธมหาประลัย เพื่อทดลองกับชีวิตจริงๆ

                    ทฤษฎีที่เกี่ยวกับอะตอมที่เป็นรูปธรรมแรกสุด คือทฤษฎี อะตอมของดาลตัน ตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1803 โดยได้กล่าวไว้แต่เพียงว่า อะตอมคือหน่วยที่เล็กที่สุดของสสาร ส่วนอะตอมเป็นอย่างไรนั้นได้มีผู้ทดลองและตั้งทฤษฎีในอตนปลายคริสต์ศ๖วรรษที่ 19 โดยในปีค.ศ. 1897 เจ.เจ. ทอมป์สัน นักฟิสิกส์ชาวอังกฤษ ได้ค้นพบอนุภาคอิเล็กตรอนที่เป็นส่วนประกอบของอะตอมได้เป็นครั้งแรก ต่อมาในปี ค.ศ. 1905 อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักฟิสิกส์ชาวเยอรมันเชื้อสายยิว ได้เสนอทฤษฎีสัมพัทธภาพเฉพาะขึ้น คือสมการ E = MC2 ความหมายของสมการนี้อธิบายได้ว่า มวลสารและพลังงานมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด   และที่สภาพเหมาะสมมวลสารสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอันมหาศาลได้ มวลสารเพียงแค่ครึ่งกิโลกรัม จะให้พลังงานเท่ากับแรงระเบิด ทีเอ็นที ขนาด 10 ล้านตันเลยทีเดียว แต่ในสมัยนั้นไม่มีนักวิทยาศาสตร์ยอมรับทฤษฎีดังกล่าว เพราะเป็นเรื่องที่ล้ำยุคเกินกว่าจะเข้าถึง และไม่มีใครสามารถบอกได้ว่า จะทำให้มวลสารปลดปล่อยพลังงานมหาศาลออกมาได้โดยวิธีใด
                    ต่อมา เออร์เนสต์ รัทเทอร์ฟอร์ด นักฟิสิกส์ชาวอังกฤษ ได้นำผลงานการค้นพบของ ทอมป์สัน ไปค้นคว้าต่อ และเสนอแบบจำลองของอะตอมขึ้นว่า อะตอมประกอบด้วย อิเล็กตรอน ซึ่งมีประจุลบโคจรรอบนิวเคลียสที่มีประจุบวก เหมือนกับดาวเคราะห์โคจรรอบดวงอาทิตย์นั่นเอง

                     นิลส์ บอร์ นักฟิสิกส์ชาวเดนมาร์ก กลับไม่ค่อยจะเห็นด้วยนักกับทฤษฎีของ รัทเทอร์ฟอร์ด และได้ทำการค้นคว้าวิจัย และปรับปรุงทฤษฎีของ รัทเทอร์ฟอร์ด ให้สมบรูณ์ขึ้น โดยบอร์ได้ค้นพบว่า อิเล็กตรอน ไม่ได้โคจรรอบนิวเคลียสในลักษณะที่มีวงโคจรเฉพาะตัวเหมือนดาวเคราะห์โคจรรอบดวงอาทิตย์ อย่างที่รัทเทอร์ฟอร์ดเข้าใจ แต่อิเล็กตรอน จะโคจรรอบอิเล็กตรอนอย่างรวดเร็ว และสามารถเปลี่ยนระดับชั้นของวงโคจรได้ ทำให้เกิดเสถียรภาพของระดับพลังงาน

 

                            วงการวิทยาศาสตร์ด้านฟิสิกส์เกี่ยวกับอะตอม รุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว มีนักฟิสิกส์ทั้งด้านทฤษฎีและนักทดลองหลายคนพยายามที่จะเข้าถึงความลับของอะตอมและนิวเคลียส จึงนับเป็นย่างก้าวการเริ่มต้นของนิวเคลียส และภายหลังจากที่ รัทเทอร์ฟอร์ด ได้ทำการค้นคว้าเกี่ยวกับอะตอมมาหลายปี รัท เทอร์ฟอร์ด ก็คิดว่าสามารถเพิ่มโปรตอนเข้าไปในนิวเคลียส ของธาตุใดธาตุหนึ่งได้ ธาตุนั้นจะต้องเปลี่ยนยเป็นธาตุอื่นก่อน ซึ่งเป็นแนวคิดเดียวกับการเล่นแร่แปรธาตุ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าในตอนนั้นว่าแต่เพียงว่า นิวเคลียสของอะตอมประกอบด้วย โปรตอนซึ่งมีประจุบวก ต่างกันตรงที่การเล่นแร่แปรธาตุนั้น มุ่งเปลี่ยนธาตุหนึ่งให้กลายเป็นอีกธาตุหนึ่ง โดยมิได้ใช้วิธีทางวิทยาศาสตร์
                        รัท เทอร์ฟอร์ด พยายามพิสูจน์ความคิดนี้ โดยใช้อนุภาค แอลฟา ซึ่งประกอบด้วย โปรตอน 2 ตัว ระดมยิงนิวเคลียสของก๊าซต่างๆ โดยการยัดเยียดโปรตอนให้แก่นิวเคลียสโดยตรง เพื่อติดตามดูว่าจะเกิดธาตุใหม่ขึ้นหรือไม่ ในที่สุด รัท เทอร์ฟอร์ด ก็ประสบความสำเร็จ เพราะในปี ค.ศ. 1919 รัท เทอร์ฟอร์ด ได้ทดลองใช้อนุภาคแอลฟาระดมยิงอะตอมของก๊าซไนโตรเจน ซึ่งมีโปรตอน 7 ตัว ในนิวเคลียส ผลที่ได้จาการทดลองครั้งนั้นคือ ได้ก๊าซออกซิเจน ซึ่งเป็นธาตุที่มี โปรตอน 8 ตัว และไฮโดรเจน ซึ่งมีโปรตอน 1 ตัว แต่ปรากฎการณ์นี้เกิดขึ้นได้ยากมาก เพราะอนุภาคแอลฟาและนิวเคลียสของไนโตรเจน มีประจุบวกที่คอยผลักกันอยู่ จึงเป็นการยากที่จะยัดเยียดได้

อ่านต่อหน้าถัดไป >>>

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย