วรรณกรรม สุภาษิต ข้อคิด คำคม สำนวน โวหาร งานเขียน >>
ขุนช้าง-ขุนแผน
ฉบับร้อยแก้ว
ขุนแผนปลุกกุมารทอง
ขุนแผนเดินตัดป่าไปถึงวัดใต้ และเข้าไปในวิหารปิดประตูแน่นหนา แล้วจึงทำพิธีปลุกกุมารทองจนถึงรุ่งเช้า
"วางย่ามเปิดกลักแล้วชักชุด
ตีเหล็กไฟจุดเทียนขึ้นแดงร่า
เอาไม้ชัยพฤกษ์พระยายา
ปักเป็นขาพาดกันกุมารวาง
ยันต์นารายณ์แผลงฤทธิ์ปิดศรีษะ
เอายันต์ราชะปะพื้นล่าง
ยันต์นารายณ์ฉีกอกปกปิดกลาง
ลงยันต์นางพระธรณีที่พื้นดิน
เอาไม้รักปักเสาขึ้นสี่ทิศ
ยันต์ปิดปักธงวงสายสิญจน์
ลงเพดานยันต์สังวาลอัมมรินทร์
ก็พร้อมสิ้นในตำราถูกท่าทาง
เอาไม้มะริดกันเกราเถากันภัย
ก่อชุดจุดไฟใส่พื้นล่าง
ตั้งจิตสนิทดีไว้ที่ทาง
ภาวนานั่งย่างกุมารทอง"
หมื่นหาญและนางสีจันทร์เห็นลูกสาวถูกฆ่าเลือดนองอยู่ก็รู้ว่าขุนแผนชิงลูบคม ก็เกณฑ์บ่าวไพร่ให้ไปตามจับขุนแผนมาให้ได้ พวกบ่าวไพร่ตามรอยเลือดไปถึงวิหารวัดใต้ แอบดูที่รูกุญแจเห็นขุนแผนนั่งอยู่ก็พังประตูเข้าไป ฝ่ายขุนแผนไม่สะทกสะท้าน กลับนั่งอ่านมนต์ปลุกลูกอยู่ จนผีลูกลุกขึ้นพูดได้ ขุนแผนจึงร่ายมนต์กำบังตัวแล้วขึ้นขี่คอกุมารทอง และบอกให้กุมารทองช่วยตนให้พ้นภัยด้วย กุมารทองก็พาพ่อออกทางรูกุญแจหนีไปได้ โดยที่พวกหมื่นหาญไม่เห็นตัว เมื่อออกมาแล้วจึงได้คลายมนต์ยืนจูงผีกุมารทองอยู่ พวกทหารและบ่าวไพร่ก็จะเข้าต่อสู้กับขุนแผน ขุนแผนก็ร้องบอกว่า ต้องการฆ่าแต่หมื่นหาญ หมื่นหาญโกรธมาก ชี้หน้าด่าว่าขุนแผนเป็นคนเนรคุณ จะไม่ยอมไว้ชีวิตอีก
ขุนแผนโกรธบอกว่า โทษของหมื่นหาญกลับไม่พูด ที่ได้คบคิดกับลูกวางยาพิษ เพราะเหตุนี้จึงทำให้ต้องฆ่านางบัวคลี่ และหมื่นหาญก็จะต้องตายด้วย แล้วก็ถือกริชตรงไปหาหมื่นหาญ หมื่นหาญเข้าต่อสู้แต่เพลี้ยงพล้ำ จึงขอชีวิต
ฝ่ายขุนแผนเห็นดังนั้นก็กล่าวสำทับว่า โทษของหมื่นหาญนั้นสมควรตาย หากตนไม่คิดว่าเคยมีบุญคุณได้เลี้ยงดูมา ทั้งนางสีจันทร์ได้ให้เสื้อผ้าและเงินทอง นับว่าเป็นบุญคุณ ครั้งนี้จึงจะยกโทษให้ แล้วก็ขึ้นขี่คอโหงพรายกำบังกายกลับไปบ้านกาญจนบุรี หมื่นหาญนั้นเมื่อเห็นฤทธิ์ขุนแผนแล้ว ก็เห็นว่าที่ตนมีวิชาดีนั้นยังไม่ได้เสี้ยวของขุนแผนทำให้แค้นใจ และอับอายบ่าวไพร่ที่ตนพ่ายแพ้ขุนแผน จึงบอกให้บ่าวไพร่กลับไปบ้าน แล้วช่วยกันต่อโลงใส่ศพนางบัวคลี่ไปฝัง