วรรณกรรม สุภาษิต ข้อคิด คำคม สำนวน โวหาร งานเขียน >>
พระอภัยมณี
ตอน พระอภัยมณีโดยสารเรืออุศเรน
หน้า 2
ดูโน่นแน่แม่อรุณรัศมี
ตรงมือชี้ดาวเต่านั่นดาวไก่
โน่นดาวธงตรงหน้าอาชาไนย
ดาวลูกไก่เคียงอยู่เป็นคู่กัน
องค์อรุณทูลถามพระเจ้าป้า
ที่ตรงหน้าดาวไถชื่อไรนั่น
นางบอกว่าดาวธงอยู่ตรงนั้น
ที่เคียงกันเป็นระนาวชื่อดาวโลง
แม้นดาวกามาใกล้ในมนุษย์
จะม้วยมุดมรณาเป็นห่าโหง
ดาวดวงลำสำเภามีเสากระโดง
สายระโยงระยางหางเสือยาว
นั้นแน่แม่ดูดาวจระเข้
ศีรษะเร่หกหางขึ้นกลางหาว
ดาวนิดทิศพายัพดูวับวาว
เขาเรียกดาวยอดมหาจุฬามณี
โน่นดาวคันชั่งช่วงดวงสว่าง
ที่พราวพร่างพรายงามดาวหามผี
หน่อนรินทร์สินสมุทรกับบุตรี
เฝ้าเซ้าซี้ซักถามตามสงกา
พระชนนีชี้แจงให้แจ้งจิต
อยู่ตามทิศทั่วไปในเวหา
ฯลฯ
กำปั่นของพระศรีสุวรรณซึ่งเป็นกองหลังได้แล่นมาถึงชวากปากน้ำสำปะหลัง ไม่เข้าฝั่งคัดทางไปข้างขวา ได้เห็นสำเภาของชาวลังกาอยู่แต่ไกล กองนำลำทรงของสั่งให้จุดฟืนไฟ เมื่อกำปั่นลำทรงของศรีสุวรรณขึ้นมาทันจึงกล่าวว่า
เขาแล่นมาถ้าเราแล่นไปมั่ง
จะคับคั่งเคืองใจไม่พอที่
ทอดสมอรอเรียงอยู่เพียงนี้
ดูท่วงทีท่าทางเป็นอย่างไร
แล้วยิงปืนปากปลาสัญญาหยุด
อุตลุดหลีกกันเสียงหวั่นไหว
ทอดสมอรอหมดแล้วลดใบ
กำปั่นใหญ่อยู่กลางขวางคงคา ฯ
ฝ่ายกองทัพอุศเรนเห็นกำปั่นจอดเรียงรายอยู่ข้างหน้า จึงยิงปืนเป็นสัญญา จะรอราหน้าหลังตั้งกระบวน แลเห็นกำปั่นใหญ่ เห็นว่าจะจาบจ้วงไปนั้นไม่ควร ถ้าเกิดรบกันจะอับจน ด้วยเห็นผิดเพศพาณิชก็คิดสงสัยว่า จะเป็นโจรสลัดมาเที่ยวปล้นเรือพวกพ่อค้า หรือว่าเป็นกษัตริย์ เมื่อรู้ว่าเป็นอะไรแล้วก็จะได้เป็นไมตรี แล้วให้นายทหารลงเรือเร็วไปยังทัพใหญ่ของอีกฝ่ายหนึ่ง บอกว่าตนเป็นทูตมาถามว่า นายเรือเป็นกษัตริย์หรือว่าเป็นนายพานิช จึงถามว่า ผู้ใดใช้มา นายของท่านมีนามใด นายทหารที่เป็นทูตมาก็แจ้งว่า นายของตนเป็นราชโอรสเจ้าชาวลังกามีนามว่า อุศเรน มาแต่งงานกับราชธิดาเจ้าเมืองผลึก แต่เจ้าเมืองผลึกกับพระธิดาหายไป จึงเที่ยวตามหาในท้องทะเล เมื่อมาพบพวกพระองค์ก็สงสัย จึงหยุดยั้งขบวนเรือไว้แล้วใช้ให้ตนมาถาม
ทราบความแล้วก็รู้ว่าลูกเจ้าลังกา จะมาแต่งงานกับมารดาของตนก็โกรธ จึงบอกไปว่าเจ้ากรุงผลึกไม่ได้คิดจะผูกรักสมัครสมานด้วย จึงได้ยกพระธิดาให้พระบิดาของตน ขณะนี้มารดาของตนก็อยู่กับตน ให้กลับไปบอกเจ้านายของทูตว่า อย่าคิดติดตามพระธิดาอีก ถ้ารักตัวกลัวตายก็ให้กลับลังกาเสีย
ฝ่ายฝรั่งนายทหารที่เป็นทูตก็ลากลับไป ก็ไปหาแม่เลี้ยง เล่าความให้ฟัง นางได้ฟังแล้วก็ตกใจ บอกว่าความฉาวแล้วคราวนี้
เมื่อปกปิดมิให้ผู้ใดแจ้ง
มาพรายแพร่งเสียเพราะพ่อไม่พอที่
จะนิ่งไว้ในอุราว่าไม่ดี
ความเช่นนี้หรือไปเล่าให้เขาฟัง
เขารู้แน่ว่าแม่ยังเป็นสาว
จะว่ากล่าวลวนลามถึงความหลัง
ถ้าทราบถึงพระเจ้าอาก็น่าชัง
ด้วยปิดบังมิได้บอกออกให้รู้
ถึงกระไรให้พบกับปิตุเรศ
พระโปรดเกศก็จะได้ไม่อดสู
นี่พ่อมาบอกให้อ้ายศัตรู
มันล่วงรู้ความลับน่าอับอาย
ฯลฯ
ได้ฟังแล้ว จึงพูดบ่ายเบี่ยงว่า เขาจะพาแม่ไปแต่งงาน ตนจึงเดือดดาลและว่าไปให้สาใจ แล้วได้พูดเป็นเชิงน้อยใจ นางสุวรรณมาลีจึงแกล้งพูดลองใจว่า จะไปอยู่กับลูกเจ้าลังกา ก็พูดค่อนว่าเหน็บแนม ในที่สุดนางสุวรรณมาลีก็ชวน ออกมานั่งบัลลังก์นอก อันเป็นที่ออกว่าการ พอพระอามาถึง นางก็เชิญให้นั่งบัลลังก์รัตน์