วรรณกรรม สุภาษิต ข้อคิด คำคม สำนวน โวหาร งานเขียน >>
พระอภัยมณี
ตอน พระอภัยตีเมืองใหม่
หน้า 4
กษัตริย์ทั้งสององค์ได้ฟังจึงบอกว่าเป็นด่วนได้และทำการเกินกำลัง และกล่าวถึงองค์ละเวงว่า
เพราะนางนี้มีคุณการุญราษฎร์
ยังไม่ขาดชันษาถึงอาสัญ
ถือดวงตราราหูคู่ชีวัน
ประกอบกันจึงได้ปลอดรอดภัยพาล
ฯลฯ
แล้วดูหน้าบุตรเจ้าฝรั่งกับบุตรเจ้าแขก ล้วนแรกรุ่นคราวโอรส จึงไต่ถาม แต่ทั้งสองคนไม่ยอมตอบ จึงสั่งให้ขังเอาไว้ก่อน และดูแลให้ดี ถ้าบิดามาง้อขอโอรสก็จะปล่อยให้ไปด้วยปรานี
ให้ความเห็นว่าจะยกทัพเอาเมืองนั้น การสู้รบกับสตรีนั้นร้ายกว่าสู้เสือ ถ้าไปรบแล้วพบผู้หญิงชาวสิงหลขออย่าให้ทำเป็นมิตรด้วย พิสมัยจะทำให้เสียการ ถ้าใครพบเห็นให้ฆ่าเสียทันที
พระอภัยให้สัญญาว่าได้รู้ท่วงทีมาแล้วจะไม่เป็นอย่างนั้นอีก แล้วบอกว่าจะยกพลขึ้นบกในวันนี้ เข้าระดมตีเมืองใหม่แล้วเอาไฟเผา แล้วสั่งให้พลรบเตรียมสมทบไว้
ฝ่ายองค์ละเวงวัณฬาคิดขยาดข้าศึกที่ฮึกหาญ จากการที่เข้ามาจู่โจม แล้วจับแม่ทัพไป คิดถึงเรื่องที่เรียนมาในคัมภีร์ แล้วคิดได้ถึงอุบายของบาทหลวง
พอคิดได้ในอุบายพระบาทหลวง
ให้ล่อลวงล้างศึกอย่านึกหนี
อันกลหมูสู้เสือนั้นเหลือดี
ไม่ต่อตีต้อนส่งเข้ากรงตรึง
จากนั้นได้ปรึกษาพวกข้าเฝ้าว่าจะใช้กลศึกเข้าต่อสู้ให้แพ้ชนะกัน
ด้วยเห็นว่าข้าศึกมาฮึกโหม
จะจู่โจมจุดไฟเข้าไล่จับ
เหมือนไฟป่ามาใกล้จุดไฟรับ
จึงจะดับเพลิงได้ดังใจนึก
ให้ทำกลไกขังข้าศึกให้ไฟไหม้ตาย โดยใช้วิธีการเขาเผาเรา เราเผาเขาบ้าง พวกขุนนางก็ไปจัดการตามที่ตรัสสั่ง
ฝ่ายเมืองผลึกพอตกค่ำลงก็ให้ยิงปืนเป็นสัญญา สานนอ่านมนต์เรียกลมให้พัดเข้าตลิ่งทางฝั่งสิงหล แล้วเคลื่อนเรือรบเข้าฝั่งพร้อมทั้งยิงปืนหน้าเรือนำเข้าไป
ฝ่ายฝรั่งตั้งรับอยู่ชายตลิ่งก็ยิงปืนต่อสู้ พอเรือเสยเกยตลิ่ง กำลังพลจากเรือก็ถือคบไฟวิ่งขึ้นจากเรือไปไล่ฟันแทงทหารฝรั่งโดยไม่ใช้ปืนยิง
วิเชียร โมรา และสานน ต่างยกพลขึ้นบกทั้งหกทัพ พวกทหารลังกาคอยรบล่อให้ฝ่ายพระอภัยตามไปติดกำแพง พาไปถึงข้างเขาเพื่อคอยเผาทัพเรือ
พามาถึงต้นทางไปข้างเขา
จะคอยเผาทัพเรือเหมือนเสือแฝง
ฝ่ายพวกพลบนหอรบจุดคบแดง
ต่างต่อแย้งยิงสู้ดูศักดา ฯ
หน่อนรินทร์สินสมุทรไม่หยุดยั้ง
กับไพร่พรั่งพรูพร้อมเข้าป้อมขวา
ต่างเผ่นโผนโยนโซ่สวนเสมา
โยทะกาเกี่ยวปราการขึ้นราญรอน
ฝรั่งแทงแย้งฟันกันหน้าที่
ออกต่อตีต้านรับสลับสลอน
เอาไฟฟาดสาดน้ำมันเป็นควันร้อน
บ้างปอกปอนป่วยกายบ้างวายชนม์
ฯลฯ
ฝ่ายเมืองผลึกวกเข้าไปบนป้อม เป็นรูปนั่งหน้าพลับพลาเหมือนองค์ละเวง ก็เข้าไปจับกลเก้าอี้ก็ตกในกรง ตกลงไปด้วยดิ้นไม่หลุด
ฝ่ายพราหมณ์สามคนเห็นรูปนางนั่งนึกว่าเป็นนายพล โมราถึงรถทรงก็เข้ารวมจับคนบนรถก็ตกลงไปติดในกรง พวกฝรั่งลังกาก็ล้อมจับไพร่พลเมืองผลึกด้วยตรีนายติดรถหมดทุกคน
ทัพฝรั่งทั้งสิบสองกองสมทบ
ตีตลบไล่ล้างมากลางหน
ฝ่ายเสือป่าฝรั่งริมฝั่งชล
เห็นทัพบนบกตื่นเสียงครื้นครึก
บ้างจุดคบครบมือถือลงน้ำ
เที่ยวเผาลำเรือเหล่าชาวผลึก
ฯลฯ
พระอภัยเห็นศึกกลับโอบล้อมหลังก็ตกใจ จึงทรงเป่าปี่ห้ามปรามณรงค์
วิเวกหวีดกรีดเสียงสำเนียงสนั่น
คนขยันยืนขึงตลึงหลง
ให้หวิววาบซาบทรวงต่างง่วงงง
ลึมณรงค์รบสู้เงี่ยหูฟัง
พระโหยหวนครวญเพลงวังเวงจิต
ให้คนคิดถึงถิ่นถวิลหวัง
ว่าจากเรือนเหมือนนกมาจากรัง
อยู่ข้างหลังก็จะแลชะแง้คอย
ถึงยามค่ำร่ำฆ้องจะร้องไห้ ร่ำ
พิไรรัญจวนหวนละห้อย
โอ้ยามดึกดาวเคลื่อนเดือนก็คล้อย
น้ำค้างย้อยเย็นฉ่ำอยู่วังเวง
ฯลฯ
เมื่อได้ยินเสียงปี่พระอภัย พวกไพร่พลก็พากันหลับไป


