วรรณกรรม สุภาษิต ข้อคิด คำคม สำนวน โวหาร งานเขียน >>
พระอภัยมณี
ตอน พระอภัยมณีทำผูกคอตายได้นางละเวง
หน้า 3
ฝ่ายฝรั่งทูตก็ทูลความเป็นมาว่าเดิมทีก็หวังว่าจะฆ่า แต่ครั้นพามาถึงเขาเจ้าประจัญ เทพเจ้าก็ได้พาสองกษัตริย์มาส่งถึงในวังเมืองลังกา ให้ทั้งสองรักใคร่เป็นไมตรี ชาวกรุงลังกาพร้อมใจกันให้อภิเษกแล้วทูลให้ดูลายพระหัตถ์ที่เขียนมาตลอดทั้งตราราหูคู่นคร
พระอนุชาจำลายพระหัตถ์ได้ จึงแกล้งว่าแม้ว่าเป็นจริงดังที่เล่ามาก็จะขอเข้าเฝ้าพระเชษฐาในวันนี้ ถ้าไม่ได้เข้าเฝ้าฝรั่งราชทูตก็พูดปด จะเข้าตีกรุงลังกาตามที่กำหนดนัดกันในวันนี้
ฝรั่งราชทูตได้ฟังจึงรับคำแล้วทูลลากลับมาทูลแถลงแก่บุตรีเลี้ยงว่าพระอนุชาเห็นจะไม่ฟังหนังสือที่ถือไป ถ้าไม่พบองค์พระเชษฐา ก็จะทำสงคราม
ฝ่ายนางยุพาผกากำชับนายทหารว่าเมื่อมาเฝ้าให้วางอาวุธก่อนแล้วให้นั่งที่ตึกฝังคนตายข้างฝ่ายขวาใส่ประแจแม่เหล็กแล้วเรียกไพร่พลให้ล้อมไว้ จากนั้นจึงไปเฝ้าสองกษัตริย์ ทูลความว่าพระน้องไม่กลับแต่จะเข้าเฝ้าพระเชษฐา
พระอภัยได้ฟังก็คั่งแค้นว่าครั้งนี้เห็นจะขาดญาติวงศ์คงจะฆ่าฟันให้บรรลัย แล้วถามนางกษัตริย์ว่าเมื่อเขามาแล้วจะออกไปหรือจะให้ทำสงคราม
องค์ละเวงเกรงจะรีบรุกรบเอากรุงลังกา จึงวอนว่าเป็นอารี ไม่ต้องการฆ่าตีพี่น้อง เชิญเสด็จพระอภัยขึ้นพลับพลาหน้าหอรบให้มาพูดจากัน ถ้าดื้อดึงจึงคิดอ่านปราบปรามตามทำนอง
พระอภัยได้ฟังก็ชมว่านางมีความอารี ส่วนญาติของพระองค์ไม่ดีเอง ครั้งนี้ถ้าเขาไม่เกรงก็อย่าอาลัย จะจับมาผ่าทรวงเอาดวงจิตมาดูว่าเห็นเป็นไฉน
ฝ่ายศรีสุวรรณปรึกษาพราหมณ์สามพี่น้องว่าจะบ่ายเบี่ยงแก้ไขไฉนดี เมื่อเราไปเฝ้า พระเชษฐาก็จะห้ามทัพ ครั้นจะละพระองค์ไว้กับข้าศึกก็เห็นจะไม่รอดชีวิต ครั้นจะอยู่ก็ดูเหมือนเป็นขบถ
ฝ่ายทูลว่าเราอ้างเอาพระอัยกากับพระอัยกีให้มีสารให้รีบไปหา ถ้าไม่ไป
ความผิดจะอยู่ที่พระบิดา ศรีสุวรรณเห็นด้วยจึงแต่งสารไปถวายพระอภัย
ให้พราหมณ์สามคนอยู่รักษาค่ายพร้อมที่จะยกโยธาไปช่วยให้ทันการ
พระอนุชากับเข้าเมืองไปเฝ้าพระอภัย
ฝ่ายฝรั่งลังกาให้ม้าใช้ไปห้ามให้หยุดประทับอยู่ตรงพลับพลา
ศรีสุวรรณร้องบอกให้เปิดประตูเมืองเพื่อไปเฝ้า
ฝ่ายฝรั่งลังกาบอกว่าตนถือกำหนดกฎหมาย
แม้จะเฝ้าข้างในได้แต่นาย
ไพร่ทั้งหลายนั้นให้อยู่นอก
ตามเยี่ยงอย่างต้องวางสรรพาวุธ
บริสุทธิ์จึงเข้าเฝ้าเจ้ากรุงศรี
พระอนุชาว่าเอ็งห้ามปรามทั้งนี้
ชอบแต่ที่ข้าบาทราชการ
กูเป็นพระอนุชานรารักษ์
ประเสริฐศักดิ์กษัตรามหาศาล
ย่อมทรงรถคชบาทราชยาน
มีทหารแห่เข้าไปถึงในวัง
ต่อจวนใกล้ได้เห็นองค์พระทรงยศ
จึงจะลดลงอย่างที่ปางหลัง
นี่เหตุใดจึงมาห้ามตามลำพัง
จะให้ยั้งหยุดช้าหรือว่าไร ฯ
ฝรั่งว่ามาทางต่างประเทศ
จะเข้าเขตราชวังยังไม่ได้
จะบอกกล่าวท้าวนางทูลข้างใน
ต่อโปรดให้เข้าเฝ้าจึงเข้ามา
ฯลฯ
ขุนนางไปบอกบุตรเลี้ยงแล้วสองนางจึงไปทูลพระชนนี องค์ละเวงได้ฟังก็หวั่นใจ จึงไปทูลพระอภัยให้ไปประทับบนพลับพลา แต่งองค์เป็นเจ้าลังกาถือตราราหู ตัวนางขอเป็นเหล่านางเถ้าแก่ไปช่วยดูแล เมื่อพระอภัยขึ้นประทับบนพลับพลา แล้วทอดพระเนตรเห็นลูกรักกับพระน้อง
จึงตรัสสั่งนางยุพาให้หาทัพ
นางน้อมรับพจนาอัชฌาสัย
จึงโบกธงส่งภาษาให้ม้าใช้
ไปบอกให้นายเข้ามาเฝ้าพลัน ฯ
ฝ่ายม้าใช้ไปแถลงให้แจ้งอรรถ
สองกษัตริย์เคลื่อนพหลพลขันธ์
มาปักธงตรงพลับพลาพร้อมหน้ากัน
ศรีสุวรรณพิศดูภูวนัย
ฯลฯ
เห็นแต่งองค์อย่างฝรั่งครั้นจะบังคมก็สงสัย ส่วนแค้นใจนักแกล้งทำเป็นไม่รู้จัก เมินหน้าไปพระอภัยเห็นดังนั้นก็พิโรธ ตรัสคาดโทษน้องรักกับโอรสว่า ไม่วันทาพระองค์
ศรีสุวรรณจึงทูลแจ้งแถลงไขว่า การที่ไม่ถวายบังคลนั้น เนื่องจากถือสารการแผ่นดินของปิ่นกษัตริย์เมืองรัตนา ให้ตนถือมาถึงองค์พระอภัย กับราชมัลมนตรีทั้งสี่นาย
ขอพระองค์จงรับราชสาร
ตามโบราณอย่าให้ช้ำระส่ำระสาย
แล้วตัวข้าสามนต์พลนิกาย
จะถวายวันทาฝ่าธุลี ฯ
ฯลฯ
พระอภัยได้สดับก็ได้คิด ที่พระองค์หลงผิดพี่น้องพลอยหมองศรี สงสารพระชนกชนนีต้องมีสารมาแจ้งการ
จึงลดองค์ลงจากเก้าอี้อาสน์
น้อมคำนับอภิวาทราชสาร
ให้เสนาอารักษ์พนักงาน
เชิญมาอ่านที่ตรงหน้าพลับพลาชัย
สารสมเด็จปิตุราชมาตุรงค์
สองพระองค์ทรงภพสบสมัย
แสนคนึงถึงโอรสยศไกร
พระอภัยมณีศรีโสภา
ฯลฯ
แม้มิมาครั้งนี้เป็นที่สุด
เป็นขาดบุตรบิดาจนอาสัญ
พอจบสารคลานก้มบังคมคัล
ศรีสุวรรณอัญชลีพระพี่ยา ฯ


