วรรณกรรม สุภาษิต ข้อคิด คำคม สำนวน โวหาร งานเขียน >>
พระอภัยมณี
ตอน นางสุวรรณมาลีมีสารตัดพ้อ
เจ้าพราหมณ์ทั้งสามทัพมารอรับแล้ว ทูลเชิญพระมเหสีขึ้นพลับพลาโถงท้องพระโรงริมกรุงลังกา พระมเหสีจึงตรัสปรึกษาพระพี่เลี้ยงว่า จะพูดจาคิดอ่านประการใด
เจ้าพราหมณ์พร้อมน้อมนอบตอบสนอง
แล้วแต่ต้องพระปัญญาอัชฌาสัย
ด้วยเผ่าพงศ์วงศ์วานการข้างใน
อันพวกไพร่พรั่นพระราชอาชญา
พระมเหสีจึงเขียนสารขึ้นสี่ฉบับ ถึงพระภัสดา องค์ละเวง พระอนุชา และพระโอรส
เลือกแต่งนางช่างพูดเป็นทูตถือ
นำหนังสือศุภสารไปขานไข
มีเครื่องยศงดงามตามข้างใน
พวกสาวใช้เชิญตามให้งามยศ ฯ
พระอภัยทราบเรื่องว่า พระมเหสีกับโอรสและบุตรี เสด็จมาถึงลังกาแล้ว แต่งสารมาก็ปรึกษากับน้องกับโอรส รวมทั้งองค์วัณฬา แล้วขอให้พระอนุชาออกไปช่วยห้ามปรามให้ยกทัพกลับไป ศรีสุวรรณทูลบ่ายเบี่ยงเกี่ยงให้ไปพูดจา ก็บ่ายเบี่ยงบอกไม่สบาย พระอภัยได้ฟังกับพระน้องบ่ายเบี่ยง บอกไม่สบายพระองค์จึงทำเป็นประชวรบ้าง นางวัณฬาเห็นดังนั้น จึงตัดพ้อต่อว่าด้วยประการต่าง ๆ
เป็นอันขาดชาตินี้ถึงชีวิต
ไม่ขอคิดสักเท่าซีกกระผีกผม
แต่เจ็บใจได้ทะนงเพราะหลงลม
นางซบก้มพักตราโศกาลัย ฯ
พระอภัยปลอบประโลมองค์ละเวงด้วยประการต่าง ๆ ชี้ให้นางเห็นว่าพระองค์ได้ทำอย่างเต็มที่แล้ว
จึงสู้นิ่งชิงชังไม่ฟังสาร
เพราะขี้คร้านพบปะสละหนี
ยังโกรธเกรี้ยวเคี่ยวเข็ญไม่เห็นดี
จะให้พี่คิดอ่านประการใด ฯ
องค์ละเวงให้คนไปรับสารตามคำสั่งพระอภัย เถ้าแก่เรียกข้าหลวงออกไปรับสาร
เห็นรถทรงราชสารทหารแห่
อยู่เซ็งแซ่ซ้ายขวาทั้งหน้าหลัง
จึงบอกทูตพูดเสียงสำเนียงดัง
มีรับสั่งให้มาถามตามโบราณ
ว่าสารามาเดี๋ยวนี้กี่ฉบับ
โปรดให้รับไปปราสาทราชฐาน
ท่านอยู่ทิมริมวังคอยฟังการ
ส่งแต่สารมาให้เราจะเอาไป ฯ
ฝ่ายนารีที่เป็นทูตเห็นพูดผิด
จึงแกล้งคิดเอาให้เก้อเออไฉน
ส่วนสารเจ้าเราแห่มาแต่ไกล
ตามวิสัยกษัตราทุกธานี
ควรหรือใช้ให้ขี้ข้าออกมารับ
ไม่มีเครื่องสำหรับรับสารศรี
ไม่ยำเยงเกรงอาญาฝ่าธุลี
หรือชั่วดีที่ว่าได้ไว้ในมือ
ฯลฯ
ไม่แห่รับนับถือหนังสือสาร
ราชการกูเป็นสูญจะทูลเฉลย
หยิบหนังสือเอาไปกูไม่เคย
อย่าช้าเลยไปแถลงให้แจ้งความ ฯ
นางฝรั่งเถ้าแก่ได้ฟังก็โกรธ จึงกลับเข้าวังไปทูลความแก่องค์ละเวง นางจึงตรัสสั่งให้ขรัวนายจัดการให้ชอบที
จัดพานทองรองสารใส่คานหาม
ให้สมตามยศพระมเหสี
ไม่เคยแห่แต่โบราณสารสตรี
แม้นมันมิให้รับขับมันไป
ฯลฯ
แล้วเลือกเหล่าสาวสำอางที่คางเพชร
ไปแก้เผ็ดนางพวกทูตพูดจองหอง
ให้โขลนหามคานแห่มาแซ่ซ้อง
ครั้งถึงร้องเรียกทูตพูดสำทับ
ฯลฯ
ทั้งสองฝ่ายประคารมกันหลายประการ เพื่อเกียรติยศของเจ้านายตน ในที่สุดก็ตกลงกันได้
แล้วเชิญสารใส่พานทองประคองตั้ง
พวกฝรั่งบังคมก้มเกศา
รับขึ้นวางกลางวอแล้วรอรา
ต่างตอบว่าฝรั่งนี้ยังมีอาย
แล้วทั้งสองฝ่ายก็ประคารมกันอีก เพื่อปกป้องเจ้านายของตน ฝ่ายเมืองผลึกจึงว่า
ใครชิงชู้สู้ตามไม่ขามเข็ด
คงแก้เผ็ดมันให้สาเลือดตาไหล
ถึงเสียทองเท่าตัวเสียหัวไป
แต่มิให้เสียผัวสู้ตัวตาย
แล้วเถ้าแก่นางฝรั่งก็เชิญสารกลับเข้าไปในวังเข้าเฝ้าองค์ละเวงทูลความให้ทรงทราบทุกประการ นางหยิบสารบนพานให้โอรสกับอนุชากับองค์พระอภัย ส่วนสารที่มีถึงนางนั้นยังไม่อ่าน พระอภัยทรงอ่านสารที่มีมาถึงพระองค์ มีความว่าพระมเหสีได้คอยองค์กษัตริย์มาเจ็ดปีแล้ว เหตุใดพระองค์จึงยังไม่กลับ
พระศาสนาสามัญในวันนี้
ก็ไม่มีใครบำรุงให้รุ่งเรือง
พฤฒามาตย์ราษฎรเดือดร้อนสิ้น
อกแผ่นดินจะเป็นบ้าฟ้าจะเหลือง
ฯลฯ
แม้ชีวีมีอยู่เป็นผู้หญิง
สุดจะทิ้งทูลเกศพระเชษฐา
ถ้าตัวตายหมายจะฝังไว้ลังกา
แม้เมตตาแล้วจงกลับกองทัพไป ฯ
พระอภัยอ่านสารแล้วก็เกิดการพะว้าพะวัง ยังไม่รู้ที่จะทำประการใด
ฝ่ายศรีสุวรรณอ่านสารมีความว่าไม่ควรที่จะมาหลงอยู่ที่นี่ ไม่คิดสงสารนางเกษราเลยหรือไร เมื่อแรกก็หมายจะมาช่วยพระเชษฐา แล้วยังให้พระนัดดามาหลงใหลนางฝรั่งอีก แล้วถามว่า
จะอยู่จริงทิ้งเพศประเทศถิ่น
ไม่ถือศีลเสียแล้วหรือมาถือไสย
ขอทราบความตามประสงค์จำนงใน
จะบอกไปรมจักรนัครา ฯ
พอจบคำรำลึกนึกขึ้นได้
ตกพระทัยกลัวจะขาดพระศาสนา
นึกประเดี๋ยวเฉียวฉุนด้วยคุณยา
รักรำภาพูดแก้ที่แผลเป็น
แล้วบอกว่าพี่สะใภ้นี้ขี้หึง นางรำภาก็ว่านางคงจะข่มขู่ให้ช้ำระกำตรม ศรีสุวรรณก็ตอบว่าจะไม่ยอมให้มาข่มชาวลังกา
ฝ่ายคลี่สารออกอ่านมีความว่า พระแม่ตั้งแต่คอยหาอยู่ จึงพาน้องน้อยทั้งสองติดตามมาด้วย หมายว่าจะได้พบกัน
เห็นแต่พ่อหน่อนาถแล้วชาตินี้
จะเผาผีมารดาเมื่ออาสัญ
จะปลูกฝังตั้งจิตคิดทุกวัน
ให้สืบพันธุ์พงศ์กษัตริย์สวัสดี
ฯลฯ