วรรณกรรม สุภาษิต ข้อคิด คำคม สำนวน โวหาร งานเขียน >>
พระอภัยมณี
ตอน นางเสาวคนธ์แปลงเป็นฤๅษี
หน้า 2
ฝ่ายพวกทมิฬไม่นับถือพระฤๅษี ต่างมองดูไม่เห็นมีของที่ต้องการ จึงถามกันว่าศีลที่ฤๅษีเอามาว่าจะให้นั้นไม่เห็นมี องค์ฤๅษีบอกอานิสงส์ศีลห้าว่าผู้ใดฟังทั้งหมดเมื่อตายแล้วบุญจะส่งไปสวรรค์ชั้นวิมาน ได้เสวยอาหารทิพย์ ถ้าอุตสาห์สร้างกุศลผลทานก็จะถึงนิพพานมีความสุขทุกวัน พอจบคำ พวกทมิฬ ก็หัวเราะเยาะเย้ยหยันว่าศีล มีขี้ปดหมดทั้งนั้น ลวงให้ตนเอากระบุงถุงย่ามมาใส่เป็นการล่อลวง แล้วพากันขับไล่
ขุนด่านไล่ไพร่พลที่บนป้อม
ลงพรักพร้อมนายไพร่ไล่ฤๅษี
ฝ่ายโฉมยงนงลักษณ์พระอัคคี
เห็นเสียทีถอยมาริมสายชล ฯ
พวกในสำเภาเห็นชาวด่านไล่รบมาก็ฉวยอาวุธวิ่งขึ้นบกมาช่วยรุกรบ
พวกฤๅษีชีพราหมณ์คุกคามขู่
ใครรบสู้ขืนขัดจะตัดหัว
แม้ไม่สู้กูไม่ฆ่าดอกอย่ากลัว
แล้วหามตัวนายด่านขึ้นศาลกลาง ฯ
พวกเหลือตายนายมูลหมื่นขุนนาง บ้างก็หลบหนีบ้างก็เข้ามาหาเป็นข้าไท พอจวนเย็นเห็นแต่พวกแก่เฒ่ามาขอพบพระฤๅษีอัคคี นางก็ออกไปต้อนรับ พวกเฒ่าแก่ทูลว่า เห็นทหารของท่านฆ่าตีชาวเมือง
จึงอุตสาห์มาห้ามตามขนบ
ธรรมเนียมรบเมืองได้เหมือนใจหมาย
แม้ครองแคว้นแดนด้าวเป็นเจ้านาย
คนทั้งหลายก็จะมาเป็นข้าไท
ฯลฯ
พระฤๅษีอัคคีจึงตอบว่า ที่มาหานี้นั้นดีนักให้ช่วยไปบอกว่า
ผู้ใดไม่ต่อสู้ฆ่าฟันทำอันตรายแล้ว ก็ให้กลับมาทำมาหากินตามถิ่นฐานดังเดิม
ส่วนพวกตนเมื่อพักผ่อนพอสบายแล้วก็จะลาไป
ประการหนึ่งซึ่งเราถือเป็นฤๅษี
ใครเห็นดีโดยจริงจงทิ้งไสย
มาถือพุทธสดุดีไม่มีภัย
อาวุธไม่ต้องตนเป็นมลทิน
ฯลฯ
พอเวลากลางคืนมีเด็กชายหญิงสองคน มาที่ศาลากลางบอกว่าพ่อของตนถูกฆ่า พวกตนจะขอตายตามแต่ขอพบศพบิดาก่อน พระอัคคีได้ฟังแล้วมีใจสงสารเห็นรูปร่างหน้าตาแปลกกว่าทมิฬทั้งหลาย จึงเรียกมาไต่ถามได้ความว่าเป็นบุตรของนายด่าน พี่สาวอายุสิบเอ็ด น้องชายอายุได้เจ็ดปี จึงคิดใคร่ได้เป็นลูก จึงกล่าวกับเด็กทั้งสองว่า
มาตามศพพบพ่อจะขอม้วย
เราจะช่วยชุบชีวิตเหมือนคิดหมาย
ให้พ่อฟื้นคืนรอดไม่วอดวาย
จะถือฝ่ายพุทธหรือจะดื้อดึง ฯ
เด็กทั้งสองได้ฟังจึงตอบว่า ถ้าแม้พ่อของตนฟื้นขึ้นมาได้ แม้เลือดเนื้อของตนก็จะเถือให้ได้
จะนับถือฤๅษีผู้วิเศษ
จะฟังเทศน์ถือพุทธไม่มุสา
ถ้าชุบขึ้นคืนชีวิตให้บิดา
จะเป็นข้าพระฤๅษีทั้งพี่น้อง ฯ
พระอัคคีดีใจที่จะได้ลูก จึงแก้ไขนายด่านที่ต้องศรสลบไปให้ฟื้นคืนมา นายด่านเห็นลูกทั้งสองมานั่งอยู่ด้วย ในพวกพ้องข้าศึกก็นึกสงสัย จึงเรียกลูกมาไต่ถามครั้นรู้แจ้งแล้วก็คิดคุณ หมอบคำนับพระฤๅษีที่มีน้ำใจดี ช่วยชุบชีวิตให้ตน แล้วให้คำมั่นสัญญาว่า
จะทิ้งชาติศาสนาข้างวาหุ
ขอสาธุถือศีลพระชินสีห์
อันพี่น้องสองราบุตรข้านี้
แม่ไม่มีอุปถัมภ์เหมือนกำพร้า
ถวายไว้ในพระองค์จงช่วยบวช
ให้รู้สวดศักราชพระศาสนา
ทั้งข้านี้มิได้ขัดอัธยา
พระสิทธาสั่งสอนจะผ่อนตาม ฯ
พระอัคคีรับคำนายด่านแล้ว จึงไต่ถามถึงประเทศขอบเขตคัน
นายด่านเล่าว่าเจ้าวาหุโลมราช
กษัตริย์ชาติเชื้อยักษ์มักกะสัน
เลี้ยงนกไก่ไว้กินสิ้นทั้งนั้น
สารพันสัตว์ที่มีปีกบิน
ฯลฯ
แล้วเอาขนมาทำเป็นเครื่องประดับแต่งกาย มีเครื่องยกเหมือนนก เมื่อเอามาสวมองค์ก็บินได้ไกลร้อยเส้นเศษ ได้ปราบประเทศทั้งร้อยเอ็ด มีอาณาเขตจรดเขตประเทศพราหมณ์
ข้าอยู่ด่านชานสมุทเป็นสุดถิ่น
คุมทมิฬหมื่นเศษเฝ้าเขตขัณฑ์
ขึ้นไปนี้มีเมืองเนื่องเนื่องกัน
ยี่สิบวันถึงพาราวาหุโลม


