วรรณกรรม สุภาษิต ข้อคิด คำคม สำนวน โวหาร งานเขียน >>
พระอภัยมณี
ตอน สังฆราชบาทหลวงเผาเมืองลังกา
หน้า 2
พระมังคลาได้ฟังแล้วจึงว่าศึกเห็นฮึกเหิม และยังจะเพิ่มเติมมาล้อมหน้าหลัง คิดแล้วให้ขยาดหวาดระวัง พอพระสังฆราชมาหาก็อุ่นอารมณ์ แล้วขอให้ช่วยคิดอ่าการศึกให้ด้วย สังฆราชจึงท้าวความเดิมว่าตนไม่รู้ว่าพระมังคลาไปจับวงศ์พงศาเขามาไว้ จึงเกิดศึกใหญ่ขึ้น
จะต้องสู้ดูสักครั้งเหมือนสั่งศึก
ถ้าสมนึกก็จะเตียนที่เสี้ยนหนาม
จงหาคนปลอมพงศ์รูปวงศ์วาน
มาสอนความมารยาให้พาที
ฯลฯ
จะได้เอาไปลวงองค์ละเวงและข้างพระอภัยมณี ให้ฝ่ายข้าศึกมีความฉงน มีชื่อว่า กลกัน พระมังคลาเห็นว่ากลวิธีดังกล่าวจะปราบข้าศึกได้ จึงให้พระอนุชากับพระนัดดาไปดำเนินการ โดยหาคนจากสามเมืองทั้งคนหนุ่มสาวมาปลอมแปลงตน
แล้วซ่อนไว้ให้คนปรนนิบัติ
ตรวจเตรียมจัดแจงรับที่ขับขัน
เที่ยวซุ่มพลกลซบทำครบครัน
เป็นหลายชั้นกันศึกตรองตรึกการ ฯ
ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาราช
ยังซ่อนแปลงแต่งปราสาทราชฐาน
จึงเกณฑ์พลคนหมื่นพื้นชำนาญ
จะไปด่านได้สมทบรบโอรส
ฯลฯ
ท้าวทศวงศ์ก็เสด็จไปด้วยกันทั้งหมด
ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงเร่งทหาร
เข้าดงดานเดินทางหว่างสิงขร
พอถึงเขาเจ้าประจัญตะวันรอน
ให้หยุดหย่อนโยธาหน้ากำแพง
ฯลฯ
ฝ่ายฝรั่งสังฆราชได้สั่งให้ลูกศิษย์ฝ่ายทหารเอารูปแปลงของพระอภัย ศรีสุวรรณ สุดสาคร เสาวคนธ์ มาผูกมัดห้อยแขวนไว้แล้วส่งเสียงร้องครวญคราง เมื่อบรรดาเผ่าพงศ์วงศ์กษัตริย์ออกไปดูเห็นเข้าก็เข้าใจว่าเป็นองค์จริงก็ตกใจจนเป็นลมล้มไปทั้งหมด เมื่อฟื้นขึ้นแล้วองค์สุวรรณมาลีคิดจะปลงพระชนม์พระองค์ แต่องค์วัณฬาห้ามไว้แล้วบอกว่าจะถอยทัพกลับไปตามฝ่ายพระมังคลาต้องการ
คอยดูที่ดีกว่าอย่าช้านัก
สงสารองค์ทรงศักดิ์จะตักษัย
แม้วันนี้ชีวันไม่บรรลัย
คิดแก้ไขให้พระองค์คงชีวา ฯ
แล้วองค์ละเวงจึงร้องบอกคนในด่านให้ไปบอกสังฆราชกับพระมังคลาว่าอย่าเพิ่งฆ่าพระอภัยและญาติวงศ์ แล้วพระนางจะยกกองทัพกลับไป แต่ถ้ายังขืนให้ฆ่าแล้ว
ไม่งดอยู่กูจะกลับสัประยุทธ
กว่าจะสุดสิ้นชาติเหมือนมาดหมาย
แล้วถอยทัพขับพหลพลนิกาย
ไปอยู่ชายทุ่งกว้างหว่างกำแพง ฯ
ฝ่ายบาทหลวงลวงลองพวกกองทัพ
เห็นถอยกลับกลัวสิ้นไม่กินแหนง
จึงสั่งให้ไพร่พลพาคนแปลง
ไปจัดแจงหน้าเขาเจ้าประจัญ
ฯลฯ