ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>
สาระความจริงของชีวิตตามแนวศาสนาคริสต์
ศาสนาคริสต์ (Christianity) มีพระเยซูคริสต์เป็นศาสดา อุบัติขึ้นเมื่อ พ.ศ. 543
เป็นศาสนายูดายของชนชาติยิว พระเยซู
คือผู้มาฟื้นศาสนาใหม่ตามคำทำนายในศาสนาเดิมว่าจะมีเมสสิอาร์ (Messiah)
มาอุบัติขึ้นเพื่อนำชาวยิวไปสู่ความอยู่รอด
ให้พ้นจากความทุกข์ยากและเข้าถึงอาณาจักรของพระเจ้า
ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาใหญ่ศาสนาหนึ่งมีคนนับถือมากทั่วโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในทวีปยุโรปและอเมริกา
ได้เข้ามาเผยแพร่ในประเทศไทย
ตั้งแต่รัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแห่งกรุงศรีอยุธยา
ปัจจุบันมีคริสต์ศาสนิกชนในประเทศไทยมากเป็นอันดับที่ 3
รองลงมาจากพุทธศาสนิกชนและอิสลามชนตามลำดับ
คำว่า คริสต์ (Christ) มาจากภาษากรีกว่า Christos
มีความหมายเหมือนกับภาษาฮิบรูว่า messiak แปลว่า ผู้ได้รับการเจิมด้วยน้ำมัน
หมายความว่าได้รับการเลือกสรรจากรพะเจ้า
ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาแห่งความรัก สอนให้มนุษย์ปลูกฝังความรักความเมตตาในตน
โดยมีพระเยซู องค์ศาสดาทรงปฏิบัติเป็นตัวอย่าง ด้วยเหตุนี้จึงกล่าวกันว่า
คำสอนศาสนาของพระเยซู คือปรัชญาแห่งความรัก คือเริ่มต้นจากการรักพระเจ้า
รักครอบครัว รักเพื่อนบ้าน และรักมิตรสหายของตนเหมือนกับตนเอง
ยิ่งไปกว่านั้นปรัชญาแห่งคำสอนที่สำคัญของพระเยซูอีกประการหนึ่งคือการให้อภัย
แม้ขณะที่พระองค์จะสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน
พระองค์ฏทรงขอให้พระเจ้าทรงประทานอภัยให้กับคนบาปที่ได้กระทำร้ายพระองค์ (ธนู
แก้วโอภาส : 134)
คำสอนสำคัญในศาสนาคริสต์
คำสอนของพระเยซูที่เขียนไว้ในคัมภีร์พันธสัญญาใหม่ (New Testament)
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคำสอนในระดับศีลธรรม
เป็นคำสอนที่ชักชวนให้หันมารักใครเอื้อเฟื้อเกื้อกูล และให้อภัยซึ่งกันและกัน
มีลักษณะขัดแย้งกับหลักคำสอนที่มีอยู่เดิมดังตัวอย่างเช่น
การโต้ตอบ คำสอนเดิมที่ว่า ตาต่อตา ฟันต่อฟัน พระเยซูว่าอย่าต่อสู้คนชั่ว
ถ้าผู้ใดตบแก้มขวาของท่าน จงหันแก้มซ้ายให้เขา
เรื่องการให้ทาน พระเยซูทรงสอนให้มีความรักต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยการให้ทาน
มีศรัทธาต่อพระเจ้าด้วยการภาวนา และมีการอดอาหารด้วยความเสียสละ
พระเจ้าสถิติอยู่ในที่ลับและทรงเห็นการกระทำและจิตใจของมนุษย์
หลักคำสอนสำคัญของพระเยซูส่วนใหญ่เป็นคำสอนในระดับศีลธรรมและการปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
โดยมีจุดมุ่งหมายสำคัญให้เข้าถึงพระเจ้า เคารพพระเจ้าเพื่อมีชีวิตนิรันดรกับพระเจ้า
ดังนั้นผู้เป็นคริสตศาสนิกชนจึงต้องปฏิบัติตามคำสั่งของพระเจ้าที่ทรงแสดงไว้ทั้งในพระคัมภีร์เดิมและพระคัมภีร์ใหม่
มนุษย์คือผู้ที่พระเจ้าสร้าง
ในหลักคำสอนของคริสต์ศาสนาได้กล่าวถึงธรรมชาติของมนุษย์ว่าถ้าพระเจ้าทรงติดต่อกับมนุษย์ได้
มนุษย์ก็ย่อมสามารถติดต่อกับพระเจ้าได้เช่นเดียวกัน
การติดต่อนี้เป็นการติดต่อระหว่างผู้ที่ถูกสร้างกับผู้สร้าง
มนุษย์เป็นผู้ถูกสร้างพิเศษเหนือสิ่งอื่นใดทั้งสิ้น
การที่มนุษย์สามารถติดต่อกับพระเจ้าได้นั้น ถือว่าเป็นพัฒนาการสูงสุดของมนุษย์
มนุษย์คนแรกที่พระเจ้าทรงสร้าง คือ อาดัม
พระเจ้าทรงปั้นมนุษย์ด้วยผงคลีดิน ระบายลมปราณเข้าทางจมูกมนุษย์จึงเป็นผู้มีชีวิต
(พระคริสตธรรมคัมภีร์:3) พระเจ้าทรงเห็นว่าอดัมไม่มีคู่อยู่คนเดียว จึงตรัสว่า
ไม่ควรที่ชายผู้นี้จะอยู่คนเดียวเราจะสร้างคู่อุปถัมภ์ที่สมกับเขาขึ้น
พระเจ้าจึงทรงทำให้ชายผู้นั้นหลับสนิท
ขณะที่หลับสนิทอยู่นั้นพระองค์ทรงชักกระดูกซี่โครงอันหนึ่งของเขาออกมา
แล้วทำให้เนื้อติดกันแทนกระดูกอย่างเดิมส่วนกระดูกซี่โครงที่พระเจ้าได้ทรงชักออกมานั้น
พระองค์ทรงสร้างให้เป็นผู้หญิง แล้วทรงนำมาให้ชายนั้น (พระคริสตธรรมคัมภีร์ : 4)
แล้วทรงตั้งชื่อให้ว่าเอวา
เพราะอาดัมและเอวาพากันกินผลไม้ที่พระเจ้าทรงห้ามในสวนเอเดนเพราะถูกงูหลอกให้กินว่า
เมื่อกินแล้วจะเกิดปัญญาขึ้น เมื่อทั้งสองกินเข้าไปจึงเกิดความละอายขึ้น
และเกิดความกำหนัดรักใคร่กันขึ้น จึงเกิดการสมสู่มีลูกมีหลานต่อ ๆ กันมา
มนุษย์มีชีวิตอยู่เพื่ออะไร
มนุษย์มีชีวิตอยู่เพื่อความสำเร็จ
เมื่อสำเร็จในขั้นนี้แล้วก็ต้องการความสำเร็จในขั้นตอนต่อไปอีก
ดังมีคำกล่าวกันว่าความสำเร็จก็คือความไม่สำเร็จ และความไม่สำเร็จขั้นต่อ ๆ ไปอีก
ความสำเร็จดังกล่าวนี้จะเป็นไปด้านใดก็ได้และจะต่ำสูงเพียงไรก็ได้
ขึ้นอยู่กับสภาพฐานะและโอกาสของแต่ละคน
แต่เมือกล่าวโดยสรุปและมนุษย์มีชีวิตอยู่เพื่อความสำเร็จ ต่างกันตรงที่ความพยายาม
หรือความกระตือรือร้นต่างกันมากน้อยเพียงใดเท่านั้น และความสำเร็จอันสุดท้ายคือ
อานันทสุข (ความสุขหรรษาเกิดจาก มีวิญญาณชีวิต พระเจ้าเข้ามาอยู่ด้วย)
อันเกิดจากความรักพระเจ้า และการได้รับความรักจากพระองค์ตลอดนิรันดรภาพ
พิธีกรรมในการดำเนินชีวิต
พิธีกรรมในการดำเนินชีวิต
อันเกี่ยวเนื่องกับศาสนาคริสต์เรียกว่า ศาสนกิจ คือ กิจที่จะต้องทำในศาสนา เช่น
พิธีกรรมต่าง ๆ เป็นต้น เรียกว่า ศีล มี 7 อย่าง คือ (ฟื้น ดอกบัว : 119-120)
1. ศีลล้างบาป (Baptism) เป็นพิธีที่เกิดจากจากคติที่ว่า
ทุกคนมีบาปติดตัวมาแต่กำเนิด
ตั้งแต่สมัยอาดัมกับเอวาได้ละเมิดพระบัญชาพระจ้าที่ทรงห้ามมิให้กินผลไม้ในสวยเอเดน
ดังนั้น ผู้ที่จะเข้ามานับถือศาสนาคริสต์จำต้องทำพิธีล้างบาป นิกายโปรเตสแตนท์
เรียกศีลล้างบาปว่า บัพติสม หรือศีลจุ่ม
2. ศีลกำลัง (Confirmation) เป็นพิธีรับพระจิตให้มาอยู่ในตน
พิธีนี้จะทำกับเด็กโตซึ่งรู้สึกรับผิดชอบแล้ว โดยปกติพระระดับบิชอพ (Bishop)
เท่านั้นที่จะทำพิธีนี้ได้ โดยวางมือทั้ง 2 มือลงบนศีรษะเด็ก
แล้วเจิมน้ำมันที่หน้าผากเป็นรูปกางเขน เพื่อเป็นเครื่องหมายว่า
พระจิตของพระเจ้าได้มาสถิตอยู่ในตนแล้ว
3. ศีลมหาสนิท (Communion) หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า มิสชา
เป็นพิธีที่แสดงให้เห็นว่าผู้รับศีลข้อนี้แล้วได้อยู่แนบสนิทกับพระเยซู กล่าวคือ
ชาวคริสต์จะพากันไปโบสถ์ทุกวันอาทิตย์ และเมื่อสวดมนต์เสร็จแล้ว
บาทหลวงผู้ประกอบจะแจกขนมปังและเหล้าองุ่นให้ทุกคน ได้รับขนมปังแทนเนื้อพระเยซู
และเหล้าองุ่นแทนเลือดพระเยซู
4. ศีลล้างบาป หรืออภัยบาป (Confessino)
เป็นพิธีที่ชาวคริสต์สำนึกว่าตนได้ทำบาปลงไปจะต้องไปหาบาทหลวง
เพื่อสารภาพถึงการทำความผิดนั้น และขออภัยโทษจากพระเจ้า
บาทหลวงในฐานะผู้แทนพระเจ้าจะเป็นผู้ยกบาปนั้นให้
5. ศีลสมรส (Matrimony) เป็นพิธีที่บาทหลวงเป็นผู้ประกอบ
โดยให้คู่บ่าวสาวประกาศให้คำมั่นออกมาว่าจะเป็นสามีภรรยากันไปไม่หย่าร้างตลอดชีวิต
จะนับถือพระเจ้าชั่วชีวิต
แม้มีบุตรธิดาที่จะเกิดตามมาก็จะให้เขานับถือพระเจ้าตลอดไป
6. ศีลบวช (Ordination)
พิธีนี้จะทำให้เฉพาะผู้เลื่อมใสมั่นคงและพร้อมทีจะรับใช้พระศาสนาเท่านั้น
ผู้ที่รับศีลนี้แล้วก็จะเป็นบาทหลวง
7. ศีลเจิมครั้งสุดท้าย (Holy Unction หรือ Extreme Unction)
พิธีนี้จะทำให้เฉพาะคนป่วยหนักใกล้มรณะ โดยบาทหลวงจะเจิมน้ำมันที่ตัวคนป่วย
เพื่อชำระบาปที่ยู่ให้หมดไป จะได้ไม่มีปีศาจมารบกวนในการเดินทางไปสู่โลกวิญญาณ
ศีลทั้ง 7 นี้ ถือปฏิบัติกันทั้งนิกายโรมันคาทอลิกและนิกายออธอร์ดอกซ์
ส่วนนิกายโปรเตสแตนท์นับถือเฉพาะศีลล้างบาป และศีลมหาสนิทเท่านั้น
นิกายออธอร์ดอกซ์ถึงแม้จะนับถือศีล 7 อย่างเหมือนกับนิกายโรมันคาทอลิก
แต่มีความเชื่อในเรื่องอื่น ๆ แตกต่างกัน
» กำเนิดชีวิตตามทัศนะของนักวิทยาศาสตร์
» การดำเนินชีวิตตามแนวพุทธธรรม
» สาระความจริงของชีวิตตามแนวศาสนาคริสต์
» สาระความรู้ทางแนวชีวิตตามศาสนาคริสต์
» สาระของชีวิตตามแนวศาสนาอิสลาม
» สาระความจริงของชีวิตตามแนวศาสนาพราหมณ์-ฮินดู
» สาระของชีวิตตามแนวศาสนาเต๋าและขงจื้อ
» คุณค่า เป้าหมายและความสำเร็จของชีวิต
» คุณค่า เป้าหมายและความสำเร็จของชีวิต
» การมองความจริงของชีวิตด้วยศาสนธรรม