ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>
การมองความจริงของชีวิตด้วยศาสนธรรม
ความจริงตามแนวพุทธศาสนา
ความจริงของชีวิตตามแนวอริยสัจ
- ความจริงโดยการสมมติ (สมมติสัจจะ)
- ความจริงที่แท้จริง (ปรมัตถสัจจะ)
อริยสัจ คือ ความจริงอันประเสริฐของพระอริยเจ้ามี 4 ประการ
1.
ทุกข์สัจ (Suffering)
- นิพัทธทุกข์ คือทุกข์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำ
- พยาธิทุกข์ คือ
ทุกข์ที่เกิดจากความป่วยไข้
- สภาวทุกข์ คือ ทุกข์เกิดจากสภาพการณ์ต่าง ๆ
- สันตาปทุกข์
คือทุกข์ที่เกิดจากความเร่าร้อนภายใน เช่น ราคะ
- ปกิณณกทุกข์ คือ ทุกข์เล็กๆ น้อย ๆ เช่น ความโศรกเศร้า
- อาชีวทุกข์ คือ
ทุกข์เกิดจากการทำมาหากิน
- วิบากทุกข์ คือทุกข์เกิดจากผลแห่งกรรมชั่ว
- สหคตทุกข์ คือ
ทุกข์ไปตามหรือทุกข์ติดตาม เช่น ทุกขลาภ
- วิวาทมูลทุกข์ คือทุกข์เกิดจากการถกเถียงโต้แย้ง
- ทุกข์ขันธ์
คือทุกข์เกิดขึ้นเพราะมีขันธ์ 5
2. ทุกขสมุทัยสัจ (The cause of suffering)
-กามตัณหา
คือความอยากในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ฯ
-ภวตัณหา คือความอยากเป็นอย่างนั้นอยากเป็นอย่างนี้
-วิภวตัณหา คือ
ความอยากไม่เป็นหรืออยากไม่ให้เป็นอย่างที่มันเป็นอยู่ อยากให้มันผ่านพ้นไป
3. ทุกขนิโรธสัจ (The Cessation of Suffering) คือความดับทุกข์
ได้แก่ดับตัณหาทั้ง 3 ข้างต้น เช่น
- วิราคะ คือสิ้นความกำหนัด
- วิมุตติ คือหลุดพ้น
- วิโมกข์
คือหลุดพ้น
- พุทธ คือตรัสรู้ , รู้แจ้ง
- อรหันต์ คือสิ้นกิเลส ห่างไกลกิเลส
- นิพพาน คือกิเลสสิ้น
- อนัตตา คือไม่มีตัวตน
4.
ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา (The way to the cessation of suffering)
คือทางนำไปสู่ความดับทุกข์ บางทีเรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา หรือการใช้ทางสายกลาง
ได้แก่อริยมรรค มีองค์ 8 เรียกตามภาษาวิชาการว่า อัฏฐังคิกมรรค
ลักษณะของชีวิต 3 ประการ (ไตรลักษณ์)
ไตรลักษณ์ หรือ
สามัญญลักษณะ (ลักษณะที่เสมอเหมือนกันของสิ่งทั้งหลายทั้งปวง) มี 3 อย่างคือ
อนิจจตา (ความไม่เที่ยง) ทุกขตา (ความทุกข์) อนัตตา (ความไม่มีตัวตน) แบ่งได้
ดังนี้
อนิจจลักษณะ 10 ประการ
- ชีวิตไม่เที่ยง
(เกิดเป็นเบื้องต้นและการตายเบื้องปลาย)
- ชีวิตย่อมหวั่นไหว ด้วยพยาธิ ชรา มรณะ และโลกธรรม
- ชีวิตย่อมพังทลาย
พังด้วยพยาธิ ชรา มรณะ
- ชีวิตย่อมแตกสลาย ด้วยการกระทำตนเอง คนอื่น
- ชีวิตได้ชื่อว่าไม่คงทน
มีปกติตกไปได้ทุกรุ่นทุกวัน
- ชีวิตได้ชื่อว่าแปรปรวนไปเป็นธรรมดา คือชราและมรณะ
-
ชีวิตชื่อว่าไม่มีแก่สาร เป็นสิ่งอ่อนแอ เหมือนไม้กระพี้
- ชีวิตได้ชื่อเสื่อม เพราะปราศจากความเจริญ/ความเสื่อม
-
ชีวิตได้ชื่อว่ามีความตายเป็นธรรมดา มีเกิด แก่ เจ็บ ฯ
- ชีวิตได้ชื่อว่าเป็นสังขตะ คือเป็นเหตุปัจจัยปรุงแต่ขึ้น
ทุกข์ลักษณะ 25 ประการ
- ชื่อว่าเป็นทุกข์ - ชื่อว่าเป็นอุบาทว์
- ชื่อว่าเป็นภัย -
ชื่อว่าอุปสรรค
- ชื่อว่าไม่มีที่ต้านทาน - ชื่อว่าไม่มีกำบัง
- ชื่อว่าไม่มีที่พึ่ง -
ชื่อว่าเป็นจัญไร
- ชื่อว่ามีชาติ - ชื่อว่ามีชรา
- ชื่อว่าเป็นอาทีนพ -
ชื่อว่ามีความเศร้าหมอง
- ชื่อว่าเป็นผู้ฆ่า - ชื่อว่าเป็นรากเง่าแห่งความลำบาก
- ชื่อว่าเป็นโรค -
ชื่อว่าเป็นฝี
- ชื่อว่าเป็นลูกศร - ชื่อว่าเป็นของชั่ว
- ชื่อว่าอาพาธ -
ชื่อว่ามีความคร่ำครวญ
- ชื่อว่ามีความคับแค้นใจ ชื่อว่าเป็นไปกับอาสวะ(กิเลส)
-
ชื่อว่าเป็นเหยื่อของมาร - ชื่อว่าเป็นมีความเศร้าหมอง
อนัตตลักษณะ 5 ประการ
- ชื่อว่าเป็นฝ่ายอื่น ๆ (ปรปักษ์)
- ชื่อว่าว่าง จากความยั่งยืน ความงามและความสุข
- ชื่อว่าเปล่า
เพราะเป็นความว่างนั่นเอง
- ชื่อว่าสูญ เพราะว่างจากเจ้าของผู้ครอง ผู้สร้าง ฯ
- ชื่อว่ามิใช่ตน
เพราะตนเองก็มิได้เป็นเจ้าของ
สิ่งที่ปิดบังไม่ให้เห็นไตรลักษณ์
1.
สันตติปิดบังอนิจจลักษณะ (สันตติ = ความต่อเนื่อง)
2. อิริยาบถปิดบังทุกขลักษณะ (อิริยาบถ =การเคลื่อนไหว)
3. ฆนะปิดบังอนัตตา
(ฆน = ก้อนหรือการรวมกลุ่ม)
- อนัตตา แปลว่า สภาพที่หาความเป็นตัวตนแท้จริงไม่ได้
- โลกธรรม มี 8 คือ ลาภ เสื่อมลาภ, ยศ เสื่อมยศ, สรรเสริญ , นินทา, สุข ทุกข์,
สายโซ่แห่งการเกิดและดับของความทุกข์และความสุข
1.
ปฏิจจสมุปบาทคือการเกิดขึ้นเพราะอาศัยกันหรือธรรมที่อาศัยกันและกันเกิดเพราะการอาศัยกัน
2. หัวข้อแห่งปฏิจจสมุปบาท มี 12 ข้อ คือสายเกิด/สายดับ
3. ปฏิจจสมุปบาท
เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ปัจจยาการ/อิทัปปัจจยตา (ความมีสิ่งนี้สิ่งนี้จึงมี)
สายเกิด มีวัฏจักรดังนี้
1. อวิชชา สังขาร
2. วิญญาณ
3. นามรูป
5. สฬายตนะ
6. ผัสสะ
7. เวทนา
8. ตัณหา
9.
อุปทาน
10.ภพ
11.ชาติ
12. ชรา มรณะ
- อวิชชา คือความไม่รู้
- สังขาร คือสภาพการปรุงแต่ง แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ
สังขาร 3 ได้แก่
- กายสังขาร คือความจงใจทางกาย หรือ กายสัญเจตนา
- วจีสังขาร คือความจงใจทางวาจา หรือ วจีสัญเจตนา
- มโนสังขาร
คือความจงใจทางใจ หรือมโนสัญเจตนา
อภิสังขาร 3 (เจตนาที่เป็นตัวการในการทำกรรม)
- ปุญญาภิสังขาร
คือ สภาพปรุงแต่งกรรมฝ่ายดี
- อปุญญาภิสังขาร คือ สภาพปรุงแต่งกรรมฝ่ายชั่ว
- อเนญชาภิสังขาร คือ
สภาพปรุงแต่งภพอันมั่นคง
วิญญาณ คือความรู้แจ้งทางอารมณ์ มี 6 ได้แก่
- จักขุวิญญาณ
คือ ทางตา
- โสตวิญญาณ คือ ทางหู
- ฆานวิญญาณ คือ ทางจมูก
- ชิวหาวิญญาณ คือ
ทางลิ้น
- กายวิญญาณ คือ ทางกาย
- มโนวิญญาณ คือ ทางใจ
นามรูป แบ่งเป็น
2 คือ
- นาม ได้แก่ เวทนา สัญญา เจตนา ผัสสะและมนสิการ จัดเป็นจิต เรียกว่า นามขันธ์
- รูป ได้แก่ รูปขันธ์ ประกอบด้วยมหาภูตรูป 4 อย่างคือ ดิน น้ำ ลม ไฟ และอุปาทายรูป 24 อย่าง
สฬายตนะ คือ ที่เชื่อมต่อให้เกิดความรู้ ได้แก่ อายตนะภายใน 6 อย่างคือ
- จักขุ คือ ตา
- โสตะ คือ หู
- ฆานะ คือ จมูก
- ชิวหา คือ
ลิ้น
- กายะ คือ กาย
- มโน คือ ใจ
ผัสสะ
คือสิ่งที่มากระทบหรือประจวบกันระหว่างอายตนะภายใน(ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ) กับ
อายตนะภายนอก (รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส และธัมมารมณ์)
เวทนา คือความเสวยทางอารมณ์ แบ่งเป็น 3 อย่างคือ
- สุขเวทนา
คือ ความรู้สึกชอบ
- ทุขเวทนา คือความรู้สึกชัง
- อทุกขมสุขเวทนา คือความรู้สึกเฉย ๆ
ตัณหา คือความทะยานอยาก ได้แก่
- กามตัณหา คือความอยากในกาม
- ภวตัณหา คืออยากในภพ
- วิภวตัณหา
คือความอยากพ้นจากภพใดภพหนึ่ง
อุปทาน คือความยึดมั่น แบ่งเป็น 4 คือ
- กามุปาทาน
คือความยึดมั่นในกามคือรูป เสียง กลิ่น ฯ
- ทิฏฐปาทาน คือความยึดมั่นในลัทธิหรือคำสอน
- สีลพัตตุปาทาน
คือความยึดมั่นในศีลและพรต
- อัตตวาทุปาทาน คือความยึดมั่นในว่าตน (อัตตา)
ภพ
คือภาวะแห่งชีวิต แบ่งเป็น 3 คือ
- กามภพ คือภพของสัตว์ผู้เสวยกามคุณ
- รูปภพ คือภพของสัตว์ผู้เข้าถึงรูปฌาน
คือพรหม 16 ชั้น
- อรูปภพ คือภพของสัตว์ผู้เข้าถึงอรูปฌานคืออรูปพรหม 4
ชาติ
คือความเกิด
ชรามรณะ คือความแก่และความตาย
-
ชราคือความเสื่อมแห่งอายุหรือหง่อมแห่งอินทรีย์
- มรณะ คือความสลายไปแห่งขันธ์หรืออินทรีย์
กิเลส คือสาเหตุผลักดันให้คิดปรุงแต่งกระทำการต่าง ๆ เรียกว่า กิเลสวัฏฏ์
กรรม คือการกระทำ หรือปรุงแต่งชีวิต ให้เป็นไปต่าง ๆ เรียกว่า กรรมวัฏฏ์
วิบาก คือผลแห่งการปรุงแต่งของกรรมและปัจจัยเสริมสร้างกิเลส เรียกว่า
วิปากวัฏฏ์
- วิบาก คือผลแห่งการปรุงแต่งของกรรมและปัจจัยเสริมสร้างกิเลส เรียกว่า วิปากวัฏฏ์
- วิบาก คือผลแห่งการป** วิบาก คือผลแห่งการปรุงแต่งของกรรมและปัจจัยเสริมสร้างกิเลส เรียกว่า วิปากวัฏฏ์
- วิบาก คือผลแวิธีแก้ปัญหาชีวิตโดยใช้หลักศาสนธรรม
โลกธรรม 8 ประการคือ
1. มีลาภ
2. เสื่อมลาภ
3. มียศ
4.
เสื่อมยศ
5. นินทา
6. สรรเสริญ
7. สุข
8. ทุกข์
แห่งการปรุงแต่งของกรรมและปัจจัยเสริมสร้างกิเลส เรียกว่า วิปากวัฏฏ์
มองความจริงของชีวิตด้วยหลักคริสตธรรม
1.
ศาสนาคริสต์เป็นเทวนิยม พระเจ้าองค์เดียวชื่อพระยะโฮวาห์
2. พระยะโฮวาห์มีกายทิพย์จึงมองไม่เห็นมี 3 ลักษณะคือ พระบิดา พระบุตร
และพระจิต เป็นองค์ เดียวเรียกว่า ตรีเอกานุภาพ
3. พระยะโฮวาห์ ทรงเป็นพระบิดาแห่งความรัก
4. พระยะโฮวาห์ เป็นผู้สร้าง
รักษาและทำลายโลก
5. อาดัมเป็นมนุษยชาติคนแรกที่ทำความชั่ว
บาปจึงถือกำเนิดติดตัวมาถึงมนุษย์ทั้งมวล
หลักความเชื่อสูงสุดของศาสนาคริสต์ 3 อย่างคือ
1. พระเจ้า
คือพระบิดาเป็นผู้ยิ่งใหญ่มาก ทั้งเป็นผู้สร้าง ผู้รักษา และเป็นผู้ทำลายโลก
2. พระเยซู คือพระบุตรของพระเจ้าที่ทรงส่งมาเพื่อไถ่บาปให้แก่มนุษย์
บางทีเรียกว่า พระมหาไถ่ คือนำบาปออกจากมนุษย์
3. พระจิต หมายถึงดวงวิญญาณที่บริสุทธิ์ที่มีอยู่ในโลก
ซึ่งหมายถึงความดีนั่นเอง
» กำเนิดชีวิตตามทัศนะของนักวิทยาศาสตร์
» การดำเนินชีวิตตามแนวพุทธธรรม
» สาระความจริงของชีวิตตามแนวศาสนาคริสต์
» สาระความรู้ทางแนวชีวิตตามศาสนาคริสต์
» สาระของชีวิตตามแนวศาสนาอิสลาม
» สาระความจริงของชีวิตตามแนวศาสนาพราหมณ์-ฮินดู
» สาระของชีวิตตามแนวศาสนาเต๋าและขงจื้อ
» คุณค่า เป้าหมายและความสำเร็จของชีวิต
» คุณค่า เป้าหมายและความสำเร็จของชีวิต
» การมองความจริงของชีวิตด้วยศาสนธรรม