สังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์ การเมือง เศรษฐศาสตร์ >>
ระบบสังคมแบบพหุ-ชาติพันธุ์
แนวทางนี้เป็นสิ่งที่เฟอร์นิวัลล์ (1944)
ดังที่อธิบายในการวิเคราะห์พหุสังคมว่า
สังคมพหุ-ชาติพันธุ์บูรณาการรวมกันในพื้นที่ตลาด
และภายใต้การควบคุมของระบบรัฐที่ปกครองโดยกลุ่มชาติพันธุ์หนึ่ง
แต่ได้เหลือบริเวณกว้างใหญ่ของความแตกต่างหลากหลายทางวัฒนธรรมในศาสนาความเชื่อและพื้นที่ส่วนตัวภายในกลุ่มของการกระทำ
สิ่งที่นักมานุษยวิทยารุ่นต่อมาไม่ตระหนักพอ คือ
ความหลากหลายที่เป็นไปได้ในส่วนของการเชื่อมต่อกับการแบ่งแยกออก
และความหลากหลายของระบบพหุ-ชาติพันธุ์ที่นำมาซึ่งสิ่งเหล่านี้
เรารู้จักในบางส่วนของระบบการค้าขายของชาวเมลานีเซียน
ในฐานะส่วนร่วมในอาณาบริเวณที่มีชื่อเสียงอย่างสูงของระบบเศรษฐกิจ
และแม้กระทั่งในบางธรรมเนียมปฏิบัติ (etiquette)
และการกำหนดเกณฑ์ควบคุมดูแลสถานการณ์การแลกเปลี่ยนกับการแยกมันจากการกระทำอื่นๆ
เรามีข้อมูลอยู่บนระบบพหุ-ศูนย์กลางทางวัฒนธรรมต่างๆ นานาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
(อภิปรายด้านล่าง, Izikowitz หน้า 135)
รวมเข้ากันทั้งในอาณาเขตอำนาจการค้าขายที่ลือชื่อและในโครงสร้างทางการเมืองกึ่งศักดินา
ในบางท้องที่ของเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ (S.W. Asia)
ได้แสดงรูปลักษณะพื้นฐานอยู่บนสิ่งที่มากกว่าการเปลี่ยนเป็นเงินตราเศรษฐกิจตลาดโดยสิ้นเชิง
ขณะที่การบูรณาการทางการเมืองเป็นพหุ-ศูนย์กลางในคุณลักษณะพิเศษ
นั่นเป็นด้วยพิธีกรรมและความร่วมมือที่ได้รับผลดีกับการบูรณาการทางการเมืองของระบบวรรณะในอินเดียที่ถูกนำมาพิจารณา
ไม่ว่าที่ใดก็ตาม
บางทีอาจเพียงแค่เครือญาติและชีวิตภายในครัวเรือนยังคงเป็นเหมือนกับส่วนที่กีดขวางยับยั้งและเหมือนกับบ่อเกิดความแตกต่างหลากหลายทางวัฒนธรรม
ไม่มีอะไรที่สามารถได้รับเปรียบโดยรวมเอาระบบที่แตกต่างๆเหล่านี้ภายใต้ป้ายฉลากที่กำกวมยิ่งขึ้นของ
พหุ สังคม
ด้วยเหตุที่การศึกษาความหลากหลายของโครงสร้างสามารถไหลถ่ายเทแจกจ่ายอย่างยิ่งใหญ่ของแสงบนรูปลักษณะทางสังคมและวัฒนธรรม
สิ่งที่สามารถถูกอ้างถึงราวกับการเชื่อมต่อและการแบ่งแยก
ตั้งอยู่บนระดับมหภาคที่สอดคล้องเหมือนกับการจัดวาง (set)
ที่เป็นระเบียบแบบแผนของบทบาทหน้าที่บังคับจำกัดบนระดับจุลภาค
ส่วนรวมในระบบเหล่านี้ทั้งหมด
เป็นเกณฑ์พื้นฐานว่าอัตลักษณ์ชาติพันธุ์ที่สำคัญชุดหนึ่งของการบังคับจำกัดตั้งอยู่บนกลุ่มประเภทของบทบาทหน้าที่
ซึ่งปัจเจกบุคคลได้รับอนุญาตให้แสดง/เล่น (play) และมีหุ้นส่วน
ซึ่งเขาอาจจะเลือกไปยังประเภทที่แตกต่างในการติดต่อค้าขาย
กล่าวอีกอย่างได้ว่า เป็นการอ้างถึงเหมือนกับเป็นสถานะตำแหน่งหนึ่ง
ซึ่งอัตลักษณ์ชาติพันธุ์เป็นสิ่งพิเศษเกินธรรมดากับสถานะตำแหน่งอื่นๆ มากที่สุด
และยินยอมอนุมัติให้บ่งชี้จำแนกการรวมตัวของสถานะตำแหน่งหรือบุคคลิกลักษณะทางสังคมต่างๆ
ซึ่งปัจเจกบุคคลกับอัตลักษณ์นั้นอาจจะสมมุติขึ้นมา ในประเด็นนี้
อัตลักษณ์ชาติพันธุ์จึงเป็นเหมือนกับเพศและช่วงชั้น
ในสิ่งที่มันจำกัดให้ผู้ดำรงตำแหน่งอยู่ในการกระทำของเขาทั้งหมด
และไม่เพียงในการบ่งชี้เฉพาะบางสถานการณ์ทางสังคมเท่านั้น
อย่างหนึ่งที่อาจจะกล่าวว่ามันเป็น คำสั่งที่จำเป็น (Imperative)
ในสิ่งที่มันไม่สามารถถูกเพิกเฉย และถูกจัดวางแยกออกอย่างชั่วคราว
โดยการบ่งชี้จำแนกอื่นของสถานการณ์ การบังคับจำกัดพฤติกรรมของตัวบุคคล
ซึ่งผุดออกจากอัตลักษณ์ชาติพันธุ์ของเขานั้น มีแนวโน้มที่จะเป็นจริงสมบูรณ์
และในสังคมพหุ-ชาติพันธุ์ที่สลับซับซ้อน ซึ่งครอบคลุมกว้างขวางทั้งหมดทั้งสิ้น
และเป็นส่วนประกอบทางศีลธรรมกับแบบแผนทางสังคม
ซึ่งถูกทำให้ขัดขวางการเปลี่ยนแปลงได้มากขึ้น
โดยอยู่ร่วมกันในแม่แบบกลุ่มก้อนที่ตายตัว ราวกับคุณลักษณะพิเศษของอัตลักษณ์โดดๆ
อย่างหนึ่ง
» กลุ่มชาติพันธุ์เป็นเหมือนหน่วยที่มีวัฒนธรรมสัมพันธ์กัน
» กลุ่มชาติพันธุ์ เป็นเหมือนรูปแบบการจัดองค์กร
» ความเกี่ยวข้องของอัตลักษณ์และมาตรฐานเชิงคุณค่า
» การพึ่งพิงอาศัยกันของกลุ่มชาติพันธุ์
» ปัจจัยในการเปลี่ยนแปลงอัตลักษณ์
» อัตลักษณ์ชาติพันธุ์และคุณูปการที่ปรากฎจริง
» กลุ่มชาติพันธุ์และการจัดแบ่งช่วงชั้น
» ชนกลุ่มน้อย ผู้ถูกกีดกัน และคุณลักษณะในการจัดกลุ่มองค์กรของขอบนอก
» การติดต่อและการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรม
» ความเปลี่ยนแปลงในการจัดวางความสัมพันธ์ทางชาติพันธุ์