สังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์ การเมือง เศรษฐศาสตร์ >>
การยืนยันพรมแดนทางวัฒนธรรม
การอภิปรายก่อนหน้านี้
ในการดำรงรักษาพรมแดนชาติพันธุ์และการเปลี่ยนแปลงภายในของตัวบุคคลมีสิ่งหนึ่งที่เป็นปัญหาสำคัญมากที่ฉันได้ทิ้งเอาไว้ด้านหนึ่ง
เราได้มองเห็นความตัวอย่างที่หลากหลายว่าปัจเจกและกลุ่มขนาดเล็กทำอย่าง
เนื่องจากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและการเมืองพิเศษเฉพาะในตำแหน่ง (position)
แต่เดิมของพวกเขาและท่ามกลางการผสมผสานกลุ่ม ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงลักษณะท้องถิ่น,
แบบแผนการดำรงชีพ, การสวามิภักดิ์และรูปแบบทางการเมือง,
หรือความเป็นสมาชิกครอบครัวของพวกเขา เป็นต้น
สิ่งเหล่านี้ยังไม่ได้อธิบายว่าทำไมการเปลี่ยนดังกล่าว
จึงนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการจำแนกอัตลักษณ์ชาติพันธุ์
และได้ละทิ้งการแบ่งแยกขั้วกลุ่มชาติพันธุ์ที่ไม่เปลี่ยนแปลง
(สิ่งอื่นมากกว่าในจำนวน) โดยการเปลี่ยนแปลงภายในตัวบุคคล ในกรณีของการรับเอามา
(adoption) และการรวมเข้าที่ยังไม่สมบูรณ์อย่างที่สุด
และในกรณีปัจเจกบุคคลใดที่แยกตัวโดดเดี่ยวเข้าไปตั้งครอบครัวก่อนเหมือนกับชาวเย้า
กรณีเช่นนั้นการผสมผสานทางวัฒนธรรมที่สมบูรณ์เป็นสิ่งที่สามารถเข้าใจได้:
ที่นี่บุคคลใหม่ทุกคนไปเข้าไปจุ่มตัวในแบบแผนความสัมพันธ์และความคาดหวังของชาวเย้า
ในตัวอย่างอื่นๆ
มันยังขาดความชัดเจนว่าทำไมการเปลี่ยนแปลงอัตลักษณ์โดยรวมทั้งหมดนี้จึงเกิดขึ้น
อย่างหนึ่งที่ไม่สามารถถกเถียงได้ว่ามันทำตามจากกฏเกณฑ์ที่สามารถบอกได้ว่าเป็นสากลของการบูรณาการทางวัฒนธรรม
ดังเช่น
ปฏิบัติการของการเมืองของกลุ่มหนึ่งหรือการเข้ารับแบบแผนของมันในการปรับเปลี่ยนทางนิเวศในทางเศรษฐกิจและการดำรงชีพ
ซึ่งจำเป็นต้องรับเอารูปแบบและส่วนอื่นของมันมาด้วย ในความจริงกรณีของชาวปาทาน
(Ferdinand 1967) อภิปรายให้เห็นถึงความลวงนี้โดยตรง
ในกรณีนั้นพรมแดนของกลุ่มชาติพันธุ์ปาทานได้ตัดผ่านหน่วยทางนิเวศวิทยาและการเมือง
การใช้การบ่งชี้จำแนกตัวเองเป็นเหมือนเกณฑ์มาตรฐาน (criterion)
ในการวิพากษ์วิจารณ์อัตลักษณ์ชาติพันธุ์ ซึ่งมันจะเป็นไปได้อย่างสมบูรณ์แบบดังกล่าว
สำหรับกลุ่มชาวปาทานขนาดเล็ก
ซึ่งนำเอาพันธะข้อตกลงทางการเมืองของสมาชิกภาพในเผ่าบาลุชมาใช้
หรืออาจคาดหมายว่าการกลายเป็นคนเร่ร่อนในหมู่ชาวเฟอร์
ซึ่งนำไปสู่การเกิดขึ้นของเขตเร่รอนของชาวเฟอร์
คล้ายคลึงกับในการดำรงชีพของชาวแบ็คการ่า
แต่แตกต่างไปจากพวกเขาในคุณลักษณะทางวัฒนธรรม และในการติดป้ายฉลากชาติพันธุ์
อย่างชัดเจนแท้จริง
สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นชัดเจนในสถานการณ์ทางประวัติศาสตร์จำนวนมาก
ในหลายกรณีที่มันไม่เกิดขึ้น
เรามองเห็การจัดระเบียบและการเปิดช่องทางสะท้อนในการแบ่งจำแนกทางชาติพันธุ์
ในการสำรวจปัจจัยที่น่าเชื่อถือในความแตกต่าง
ซึ่งทำให้พวกเราพิจารณาไปที่การอธิบายเฉพาะต่อการเปลี่ยนแปลงอัตลักษณ์
ซึ่งล้ำหน้าขึ้นในตัวอย่างที่อภิปรายไปแล้ว
ในกรณีของชาวปาทานบริเวณพรมแดน
อิทธิพลและความมั่นคงปลอดภัยในสังคมที่แตกตัวและไร้บรรทัดฐานของภูมิภาคนี้
เกิดจากการกระทำที่มีมาก่อนของมนุษย์
หรือที่ถูกต้องก็จากการยอมรับนับถือที่มนุษย์ได้รับมาจากการกระทำเหล่านี้
ราวกับเป็นการตัดสินโดยยอมรับมาตรฐานของการประเมินค่า
ศูนย์กลางประชุมเพื่อแสดงคุณค่าความดีชาวปาทาน คือ สภาชนเผ่า
และเวทีที่แสดงออกถึงการเปิดยอมรับ
แต่ชาวบ้านในโกหิตานมีมาตารฐานของการดำรงชีวิตที่เปิดยอมรับ
พวกเขาสามารถจัดหาความสามารถที่เกือบจะสมบูรณ์ในการเอาชนะพวกทาสติดที่ดินของชาวปาทานที่อยู่ใกล้ชิดกัน
ขณะที่การอุปภัมภ์ของผู้นำชาวบาลุชไม่สามารถพูดได้ในสภาพชนเผ่าใดเลย
ในการดำรงรักษาอัตลักษณ์ชาวปาทานในสถานการณ์เหล่านี้
ได้แสดงตัวเองในการแข่งขันเหมือนกับคู่ต่อสู้โดยมาตรฐานคุณค่าความหมายของชาวปาทาน
อยู่ในการกล่าวโทษตัวเอง ที่นำเสนอต่อความล้มเหลวทั้งหมดในการแสดงออก อย่างไรก็ตาม
ด้วยการสมมุติเอาอัตลักษณ์โกหิตานิและบาลุช
มนุษย์อาจจะอาศัยการแสดงออกที่คล้ายคลึงกัน
ซึ่งคะแนนความสูงต่ำทั้งหมดอยู่บนมาตราส่วนที่กลายเป็นความสัมพันธ์ดังกล่าว
แรงกระตุ้นต่อความเปลี่ยนแปลงอัตลักษณ์เป็นผลพวงในการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์แวดล้อมเช่นนี้
สถานการณ์แวดล้อมที่แตกต่างกันสนับสนุนให้การแสดงออกแตกต่างกันอย่างชัดเจน
เนื่องจากอัตลักษณ์ชาติพันธุ์มีความเกี่ยวข้องกับการจัดวางมาตรฐานคุณค่าที่พิเศษเฉพาะทางวัฒนธรรม
ซึ่งมันติดตามไปกับสภาพแวดล้อมที่มีอยู่
ซึ่งอัตลักษณ์นั้นสามารถถูกทำให้เป็นจริงได้สำเร็จพอสมควร
และเกินไปกว่าข้อจำกัดที่ความสำเร็จดังกล่าวจะถูกกำจัดทิ้งไป
ฉันจะอภิปรายว่าอัตลักษณ์ชาติพันธุ์นั้น จะไม่ถูกผูกขาดเกินไปกว่าข้อจำกัดเหล่านี้
เพราะว่าความจงรักภักดี (allegiance)
ที่มีต่อมาตรฐานเชิงคุณค่าพื้นฐานจะไม่ถูกสนับสนุน ไม่ว่าที่ใดก็ตาม
การแสดงออกโดยเปรียบเทียบด้วยตัวของพวกเขาเองเป็นสิ่งที่ไม่เพียงพอทั้งสิ้น
ส่วนประกอบสองอย่างในการประเมินค่าความสำเร็จที่เกี่ยวข้องกันนี้ คือ อย่างแรก
การแสดงออกของคนอื่นๆ และอย่างที่สองการแสวงหาทางเลือกแก่ตัวเอง
ฉันไม่ได้กำลังชวนไปยังการปรับเปลี่ยนทางนิเวศวิทยา
ลักษณะทางนิเวศวิทยาที่เป็นไปได้และเหมาะสมในความสัมพันธ์ต่อสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ
ซึ่งสำคัญเพียงตราบเท่าที่พวกเขาจัดวางขอบเขตจำกัดในส่วน (terms)
ของการเอาตัวรอดทางกายภาพบริสุทธิ์ที่ถูกเสนอไม่บ่อยมากนักโดยกลุ่มชาติพันธุ์
สิ่งสำคัญ คือ กลุ่มอื่นๆปรากฎขึ้น (well) อย่างไร
ในขณะที่ใครคนหนึ่งที่ปฏิสังสรรค์กับใครอีกคนหนึ่งที่ถูกเปรียบเทียบกัน
ซึ่งรับมือต่อการแสดงกระทำ
และสิ่งที่อัตลักษณ์ทางเลือกและการจัดวางมาตราฐานที่สามารถหามาได้ยังปัจเจกบุคคล
» กลุ่มชาติพันธุ์เป็นเหมือนหน่วยที่มีวัฒนธรรมสัมพันธ์กัน
» กลุ่มชาติพันธุ์ เป็นเหมือนรูปแบบการจัดองค์กร
» ความเกี่ยวข้องของอัตลักษณ์และมาตรฐานเชิงคุณค่า
» การพึ่งพิงอาศัยกันของกลุ่มชาติพันธุ์
» ปัจจัยในการเปลี่ยนแปลงอัตลักษณ์
» อัตลักษณ์ชาติพันธุ์และคุณูปการที่ปรากฎจริง
» กลุ่มชาติพันธุ์และการจัดแบ่งช่วงชั้น
» ชนกลุ่มน้อย ผู้ถูกกีดกัน และคุณลักษณะในการจัดกลุ่มองค์กรของขอบนอก
» การติดต่อและการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรม
» ความเปลี่ยนแปลงในการจัดวางความสัมพันธ์ทางชาติพันธุ์