ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>
ชีวิตมนุษย์มีต้นกำเนิดในองค์พระผู้เป็นเจ้า ทุกชีวิตมนุษย์จึงมาจากพระเจ้าและเป็นของพระเจ้า ทุกชีวิตมนุษย์เป็นของขวัญล้ำค่าที่พระเจ้าทรงประทานให้แก่โลก
บทนำ
บทที่ 1
บทที่ 2
บทที่ 3
บทที่ 4
บทส่งท้าย
29
30
31 32 33
34 35 36
37 38 39
40
41 42 43
44 45 46
47 48 49
50 51
50.
จากการที่เราได้พิจารณาทบทวนสารของคริสตชนเรื่องชีวิตมนุษย์ในบทนี้มาถึงตอนท้ายแล้ว
ข้าพเจ้าใคร่ขอพักสักครู่เพื่อรำพึงร่วมกับพวกท่านถึงผู้ที่ถูกแทงผู้นั้นและเป็นผู้ที่ดึงดูดมนุษย์ทุกคนเข้ามาหาพระองค์
(เทียบ ยน 19:73 ; 12:32) เมื่อมองดู ภาพนั้น บนไม้กางเขน (เทียบ ลก 23:48)
เราจะได้พบความสมบูรณ์และการเผยแสดงครบถ้วนถึงพระวรสารแห่งชีวิตทั้งครบได้ในพระสิริรุ่งโรจน์แห่งไม้กางเขนนั้น
ในบ่ายวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์นั้นเอง
ทั่วแผ่นดินมืดมิดไป...เพราะดวงอาทิตย์มืดลง ม่านในพระวิหารฉีกขาดตรงกลาง (ลก
23:44,45) นี่เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกถึง
การแปรปรวนที่เกิดขึ้นในโลกและพลังขัดแย้งกันระหว่างความดีกับความชั่ว
ระหว่างชีวิตกับความตาย ในปัจจุบัน
เราก็ยังพบตัวเราเองอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งอันน่าหวาดหวั่นนี้ระหว่าง
วัฒนธรรมแห่งชีวิต กับ วัฒนธรรมแห่งความตาย ด้วยเช่นกัน
แต่ความมืดก็ไม่อาจมีชัยเหนือพระสิริรุ่งโรจน์ของไม้กางเขนนั้นได้ ตรงกันข้าม
ไม้กางเขนนั้นกลับส่องแสงสุกใสกว่าเดิม
และเผยแสดงให้เห็นว่ากางเขนนั้นเป็นศูนย์กลาง
เป็นความหมายและเป็นจุดหมายของประวัติศาสตร์และของมนุษย์ทุกชีวิตด้วย
พระเยซูเจ้าทรงถูกตรึงบนไม้กางเขน และทรงถูกยกขึ้นเหนือพื้นโลก
พระองค์ทรงสัมผัสกับช่วงเวลาแห่ง การไร้ซึ่งอำนาจทั้งสิ้น
และชีวิตของพระองค์ดูเหมือนจะถูกศัตรูของพระองค์เย้ยหยัน
และตกอยู่ในเงื้อมมือของผู้ประหารชีวิตพระองค์ นั่นคือ
พระองค์ทรงถูกหัวเราะเยาะถูกเยาะเย้ยถากถาง และถูกสบประมาทต่างๆ นานา (เทียบ มก
15:24-36) ถึงกระนั้นในท่ามกลางสิ่งเหล่านี้
นายร้อยโรมันผู้นั้นพอเห็นพระองค์สิ้นพระชนม์ ก็ถึงกับกล่าวออกมาว่า
ชายคนนี้เป็นบุตรของพระเจ้าแน่ทีเดียว (มก 15:39)
ในขณะที่พระองค์ทรงไร้ซึ่งพลังอย่างที่สุด ทรงอ่อนแออย่างที่สุดนี้เอง
ที่พระบุตรพระเจ้าทรงได้การเผยแสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ใด
นั่นคือบนไม้กางเขน พระสิริของพระองค์ปรากฏแจ้ง
โดยการสิ้นพระชนม์ของพระองค์
พระเยซูเจ้าทรงทอแสงให้ความหมายแก่ชีวิตและความตายของมนุษย์ทุกคน ก่อนจะสิ้นพระชนม์
พระเยซูทรงอธิษฐานวอนขอพระบิดาโปรดทรงอภัยแก่ผู้ประหารพระองค์ (เทียบ ลก 23:34)
และทรงตรัสตอบผู้ร้ายคนนั้นที่ทูลขอให้พระองค์โปรดระลึกถึงเขาด้วย
เมื่อเสด็จสู่พระอาณาจักรของพระองค์ว่า เราบอกความจริงกับท่านว่า
วันนี้ท่านจะอยู่กับเราในสวรรค์ (ลก 23:43) หลังจากพระองค์สิ้นพระชนม์
คูหาที่ฝังศพเปิดออกร่างของผู้ศักดิ์สิทธิ์หลายร่างที่ล่วงลับไปแล้ว กลับคืนชีพ
(มธ 27:52) งานช่วยให้รอดของพระเยซูนี้นำชีวิตและการกลับคืนชีพมาให้มนุษย์
ตลอดพระชนม์ชีพบนโลกนี้ของพระองค์
พระเยซูเจ้าทรงประทานความรอดนี้ให้มนุษย์โดยทรงรักษาผู้คนให้หายและทรงทำแต่ความดี
(เทียบ กจ 10:38) แต่การอัศจรรย์ต่างๆ การรักษาโรค
และแม้กระทั่งการที่พระองค์ทรงปลุกคนตายให้ฟื้นคืนชีพนั้น
เป็นเพียงเครื่องหมายบ่งบอกถึงการช่วยให้รอดอีกอย่างหนึ่งของพระองค์
เป็นการช่วยให้รอดโดยการให้อภัยบาป กล่าวคือ
เป็นการช่วยมนุษย์ให้หลุดพ้นเป็นอิสระจากการเจ็บป่วยใหญ่สุดของตน
และช่วยเขาให้ฟื้นคืนชีพมาสู่ชีวิตพระเจ้านั่นเอง
บนไม้กางเขน การอัศจรรย์ของรูปงูที่โมเสสยกขึ้นในถิ่นทุรกันดาร (ยน
3:14-15 ; เทียบ กดว 21:8-9) ก็ได้รับการรื้อฟื้นขึ้นใหม่
และนำไปสู่ความสมบูรณ์ครบถ้วนในยุคนี้เช่นกัน จากการมองดูผู้ที่ถูกแทงผู้นั้น
มนุษย์ทุกคนที่ชีวิตของตนถูกภัยคุกคามอยู่นี้
ก็เกิดมีความหวังแน่นอนที่จะได้พบอิสรภาพและการไถ่กู้นั้น (ยน 19:30) หลังจากนั้น
ทหารโรมันคนหนึ่ง ใช้หอกแทงด้านข้างพระวรกายของพระองค์
โลหิตและน้ำก็ไหลออกมาทันที (ยน 19:34)
บัดนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างก็มาถึงซึ่งความสมบูรณ์ครบถ้วนแล้ว การมอบ
จิตของพระองค์บ่งถึงการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเจ้า
เป็นการตายเหมือนการตายของมนุษย์คนอื่นๆ ทุกคน แต่ก็เป็นการตายที่บ่งความหมายถึง
การมอบพระจิต ที่พระเยซูได้ทรงใช้ไถ่ถอนเรามนุษย์จากความตายนั้น
และเปิดทางชีวิตใหม่ให้แก่เราด้วย
นี่คือชีวิตของพระเจ้าที่ทรงร่วมแบ่งปันให้มนุษย์เป็นชีวิตที่โดยทางศีลศักดิ์สิทธิ์ของพระศาสนจักร
ซึ่งมีน้ำและพระโลหิตที่ไหลจากพระสีข้างของพระคริสตเจ้าเป็นสัญลักษณ์
ยังถูกมอบให้แก่บรรดาบุตรของพระเจ้าเรื่อยมา
ทำให้พวกเขาเป็นประชากรแห่งพันธสัญญาใหม่จากไม้กางเขนนั้นซึ่งเป็นบ่อเกิดแห่งชีวิต
ประชากรแห่งชีวิต ก็ถือกำเนิดมาและทวียิ่งขึ้น
การพิศเพ่งรำพึงถึงไม้กางเขนช่วยนำเราเข้าถึงแก่นแท้ (หัวใจ)
ของทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น เมื่อพระเยซูเสด็จมาในโลก พระองค์ทรงตรัสว่า พระเจ้าข้า
ข้าพเจ้ามาเพื่อปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระองค์