ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>
ชีวิตมนุษย์มีต้นกำเนิดในองค์พระผู้เป็นเจ้า ทุกชีวิตมนุษย์จึงมาจากพระเจ้าและเป็นของพระเจ้า ทุกชีวิตมนุษย์เป็นของขวัญล้ำค่าที่พระเจ้าทรงประทานให้แก่โลก
บทนำ
บทที่ 1
บทที่ 2
บทที่ 3
บทที่ 4
บทส่งท้าย
52
53 54 55
56 57 58
59 60 61
62 63 64
65 66 67
68 69 70
71 72 73
74 75 76
77
52. ชายคนหนึ่งมาเฝ้าพระองค์ทูลถามว่า
พระอาจารย์ข้าพเจ้าต้องทำความดีอะไร เพื่อจะมีชีวิตนิรันดร (มธ 19:16)
พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า ถ้าท่านอยากเข้าสู่ชีวิตนิรันดร
ก็จงปฏิบัติตามบทบัญญัติเถิด; (มธ 19:17) พระอาจารย์เจ้ากำลังตรัสชีวิตนิรันดร
นั่นคือ การมีส่วนร่วมในชีวิตของพระเจ้า
ชีวิตนี้จะได้มาก็โดยการปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระเจ้า รวมทั้งบทบัญญัติ
อย่าฆ่าคน ด้วยนี่เป็นกฎเกณฑ์ข้อแรกที่พระเยซูเจ้าทรงอ้างมาจาก
บทบัญญัติสิบประการ (Decalogue) ให้ชายหนุ่มผู้นั้นซึ่งก็ถามพระองค์ต่อว่า
เขาจะต้องปฏิบัติตามกฎบัญญัติข้อใด พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า อย่าฆ่าคน
อย่าล่วงประเวณี อย่าลักขโมย... (มธ 19:18)
บทบัญญัติของพระเจ้าไม่เคยแยกจากความรักขอพระองค์เลย
กล่าวคือบทบัญญัติเป็นของประทานเพื่อมุ่งให้มนุษย์เจริญเติบโตและมีความปิติสุข
เมื่อเป็นเช่นนี้
บทบัญญัติก็ชี้ให้เห็นมิติสำคัญอันจำเป็นต้องมีอยู่เพื่อพระวรสารได้กลายเป็น
ข่าวดี ได้จริงๆ คือเป็นข่าวที่นำความปิติยินดีมาสู่มนุษย์ พระวรสารแห่งชีวิตเป็น
ทั้งของประทานยิ่งใหญ่จากพระเจ้า และเป็นภารกิจโดยตรงของมวลมนุษย์
พระวรสารแห่งชีวิตก่อให้เกิดความรู้สึกประทับใจและขอบคุณขึ้นในบุคคลมนุษย์ที่ได้รับพระพรแห่งการมีอิสรภาพและเรียกร้องให้มนุษย์ต้อนรับ
รักษาและชื่นชมยกย่องพระวรสารนี้ด้วยจิตสำนึกแห่งความรับผิดชอบด้วย
ในการมอบชีวิตให้มนุษย์
พระเจ้าทรงเรียกร้องให้มนุษย์รักเคารพและส่งเสริมชีวิตของประทานนี้จึงกลายเป็นบทบัญญัติ
และบทบัญญัติก็เป็นของประทานจากพระเจ้านั่นเอง
ในฐานะที่มนุษย์เป็นภาพลักษณ์ของพระเจ้า
องค์พระผู้สร้างจึงปรารถนาให้มนุษย์เป็นเจ้านายและผู้ปกครองเหนือสรรพสิ่ง
ท่านนักบุญเกรกอรี่แห่งนิสซา เขียนไว้ว่า
พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้สามารถปฏิบัติตามบทบาทของตนในฐานะราชา
แห่งโลกนี้...มนุษย์ถูกสร้างขึ้นมาตามภาพลักษณ์ของพระเจ้าผู้ทรงปกครองจักรวาล
ทุกสิ่งทุกอย่างชี้แสดงว่านับแต่แรกเริ่มธรรมชาติมนุษย์ถูกทำเครื่องหมายด้วยการเป็นราชาไว้แล้ว...มนุษย์เป็นราชา
มนุษย์ที่ถูกสร้างมาให้เป็นนายปกครองโลก
ก็ได้รับมอบความคล้ายคลึงกับพระราชาแห่งโลกจักรวาลนั้น
มนุษย์เป็นภาพลักษณ์ที่มีชีวิตผู้มีส่วนร่วมโดยศักดิ์ศรีเฉพาะของมนุษย์เองกับความสมบูรณ์ของต้นฉบับองค์พระเจ้านั้นเนื่องจากมนุษย์ถูกเรียกให้กำเนิดลูกหลานทวีจำนวนขึ้นเพื่อครอบครองแผ่นดิน
และปกครองสรรพสิ่งสร้างที่ด้อยกว่าตน (เทียบ ปฐก 1:28)
มนุษย์จึงเป็นเจ้านายและผู้ปกครองมิใช่เพียงเหนือสิ่งต่างๆ เท่านั้น
แต่โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาเป็นนายเหนือตนเองด้วย และในความหมายหนึ่ง
เขาก็เป็นนายเหนือชีวิตที่เขาได้รับมา
และเหนือชีวิตที่เขาส่งผ่านไปโดยทางการให้กำเนิดบุตร
ที่เขากระทำด้วยความรักเคารพต่อแผนการของพระเจ้านั้น อย่างไรก็ตาม
การเป็นเจ้านายของมนุษย์ก็มิใช่อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แต่เป็นเรื่องของการดำเนินการ
(ministerial) นั่นคือ
เป็นภาพสะท้อนแท้จริงถึงการเป็นเจ้านายโดยเฉพาะและไม่มีขอบเขตขององค์พระเจ้า
ฉะนั้นมนุษย์จึงต้องใช้ความเป็นเจ้านายนี้ด้วยความปรีชาฉลาดและความรักโดย
ร่วมส่วนในพระปรีชาญาณและความรักของพระเจ้า
และสิ่งนี้เกิดขึ้นมาได้โดยการนอบน้อมตามบทบัญญัติอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าเท่านั้น
กล่าวคือโดยการนอบน้อมเชื่อฟังด้วยใจอิสระและยินดีของตน (เทียบ สดด 119)
อันเกิดขึ้นมาและได้รับการเสริมส่งจากการที่มนุษย์ตระหนักว่ากฎเกณฑ์ของพระเจ้านั้นเป็นของประทานแห่งพระพรที่พระเจ้าทรงมอบให้มนุษย์
เพื่อความดีของมนุษย์เอง
เพื่อมนุษย์จะได้รักษาศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของตนและมุ่งสู่ความสุขของชีวิต
ในเรื่องเกี่ยวกับสิ่งต่างๆเป็นต้นในเรื่องชีวิตมนุษย์มิใช่เป็นนายผู้มีสิทธิเด็ดขาด
และมิใช่เป็นผู้ตัดสินสุดท้าย แต่มนุษย์เป็นเพียง
ผู้ดำเนินการตามแผนการของพระเจ้า มากกว่า
และนี่ก็เป็นความยิ่งใหญ่อันมิอาจเปรียบเทียบได้ของมนุษย์เอง
ชีวิตที่พระเจ้าทรงมอบไว้ให้มนุษย์เป็นสมบัติที่มนุษย์จะต้องไม่ใช้ไปอย่างสุรุ่ยสุร่าย
ดังเช่นเงินตะลันต์นั้น ซึ่งต้องรู้จักใช้จ่ายอย่างดี
มนุษย์จะต้องรายงานให้เจ้านายของตนทราบบัญชีใช้จ่ายของตนนั้นด้วย (เทียบ มธ
25:14-30 ; ลก 19 :12-27)
ถ้าผู้ใดหลั่งโลหิตของมนุษย์ คือปลิดชีวิตของเขา
เราจะมาทวงชีวิตของเขาด้วย (ปฐก 9:5) :
ชีวิตมนุษย์นั้นศักดิ์สิทธิ์
และล่วงละเมิดมิได้