ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>

พระวรสารแห่งชีวิต

    ชีวิตมนุษย์มีต้นกำเนิดในองค์พระผู้เป็นเจ้า ทุกชีวิตมนุษย์จึงมาจากพระเจ้าและเป็นของพระเจ้า ทุกชีวิตมนุษย์เป็นของขวัญล้ำค่าที่พระเจ้าทรงประทานให้แก่โลก

บทนำ
บทที่ 1
บทที่ 2
บทที่ 3
บทที่ 4
บทส่งท้าย

52 53 54 55 56 57 58 59 60 61 62 63 64
65 66 67 68 69 70 71 72 73 74 75 76 77

61. หนังสือพระคัมภีร์ไม่เคยมีกล่าวถึงปัญหาเรื่องการจงใจทำแท้ง(deliberate abortion) จึงไม่มีการกล่าวประณามเรื่องนี้โดยตรงเป็นการเฉพาะ แต่ก็มีการแสดงถึงการให้ความเคารพอย่างมากต่อทารกที่อยู่ในครรภ์มารดา จนถึงกับมีการเรียกร้องตามหลักเหตุผลตามมาว่าให้บทบัญญัติ “อย่าฆ่าคน” นี้ ครอบคลุมไปถึงทารกที่ยังไม่เกิดมานั้นด้วย

ชีวิตมนุษย์นั้นศักดิ์สิทธิ์และมิอาจถูกล่วงละเมิดได้ ณ ทุกขณะจิตของการเป็นอยู่ รวมถึงขั้นตอนระยะแรกก่อนที่ชีวิตนั้นถือกำเนิดมาด้วย มนุษย์ทุกคนจากครรภ์มารดานั้นเป็นของของพระเจ้า ผู้ทรงแสวงหาและรู้จักเขา ทรงสร้างเขาขึ้นมาและทรงถักทอเขาด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เอง ทรงจ้องมองดูเขายังเป็นตัวอ่อนกระจิดริดที่ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง และทรงเห็นภาพความเป็นมนุษย์ผู้ใหญ่แห่งอนาคตของเขา ซึ่งวันเวลาของเขาก็ถูกนับไว้แล้ว และกระแสเรียกของเขาก็ถูกบันทึกไว้แล้วใน “หนังสือแห่งชีวิต” (เทียบ สดด 139:1, 13-16) แม้เมื่อเขายังอยู่ในครรภ์มารดา ดังที่มียืนยันอยู่ในพระคัมภีร์มากมายหลายตอน มนุษย์ก็เป็นสมบัติส่วนบุคคลแห่งการเอาพระทัยใส่ด้วยความรักดุจบิดาของพระเจ้า

ธรรมประเพณีคริสตชน ดังคำแถลงการณ์ที่ออกมาโดยพระสมณกระทรวงเพื่อข้อความเชื่อได้บ่งชี้ไว้นั้น61 ก็ชัดเจนและเห็นพ้องต้องกัน นับแต่แรกเริ่มจนมาถึงยุคปัจจุบันของเรานี้ ในการชี้แจงถึงเรื่องการทำแท้งว่าเป็นการทำผิดกฎศีลธรรมในข้อหนัก นับตั้งแต่พวกคริสตชนกลุ่มแรกทำการติดต่อกับโลกกรีก โรมัน ซึ่งมีการทำแท้งและการฆ่าเด็กแพร่กระจายอยู่ทั่วไปนั้น พวกคริสตชนก็ต่อต้านอย่างถึงรากถึงโคนกับประเพณีที่ปฏิบัติกันอยู่ทั่วไปในสมัยนั้น ดังที่แสดงให้เห็นในหนังสือดีดาเคที่กล่าวถึงมาข้างต้นแล้ว ในหมู่นักเขียนของพระศาสนจักรกรีก อาเธนาโกราสบันทึกไว้ว่า พวกคริสตชนถือว่าหญิงที่ใช้ยาช่วยทำแท้งบุตรนั้นเป็นฆาตกร เพราะว่าเด็กนั้นแม้จะยังเป็นทารกอยู่ในครรภ์มารดาก็ตาม “ก็อยู่ภายใต้การปกป้องคุ้มครองแห่งพระญาณเอื้ออาทรของพระเจ้าแล้ว” ในหมู่นักเขียนลาติน แตร์ตลเลียนยืนยันว่า “การกีดกันผู้ใดไม่ให้เกิดมาก็ถือว่าเป็นการฆ่าคนก่อนแล้วจึงเป็นสิ่งแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้นว่า เขาฆ่าวิญญาณนั้นที่เกิดมาแล้วหรือว่าฆ่าเขาเมื่อตอนถือกำเนิดออกมา เขาผู้ที่จะเป็นมนุษย์ในวันหนึ่งข้างหน้า ก็เป็นมนุษย์เรียบร้อยแล้ว” ตลอดประวัติศาสตร์ของศาสนาคริสต์กว่าสองพันปี ข้อความเชื่อเดียวกันนี้ก็ได้รับการสั่งสอนเรื่อยมาโดยบรรดาปิตาจารย์ พระสงฆ์ผู้อภิบาลและนักปราชญ์ทั้งหลายของพระศาสนจักร แม้แต่การถกเถียงกันทางวิทยาศาสตร์และทางปรัชญาในเรื่องเวลาอันแน่นอนที่วิญญาณเข้ามาผสานกับร่างกาย ก็หาได้ทำให้เกิดการลังเลที่จะกล่าวประณามการทำแท้งไม่

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย