ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>

พระวรสารแห่งชีวิต

    ชีวิตมนุษย์มีต้นกำเนิดในองค์พระผู้เป็นเจ้า ทุกชีวิตมนุษย์จึงมาจากพระเจ้าและเป็นของพระเจ้า ทุกชีวิตมนุษย์เป็นของขวัญล้ำค่าที่พระเจ้าทรงประทานให้แก่โลก

บทนำ
บทที่ 1
บทที่ 2
บทที่ 3
บทที่ 4
บทส่งท้าย

52 53 54 55 56 57 58 59 60 61 62 63 64
65 66 67 68 69 70 71 72 73 74 75 76 77

63. การประเมินศีลธรรมในเรื่องการทำแท้งนี้จะต้องนำไปประยุกต์ใช้กับรูปแบบต่างๆ ที่เมื่อเร็วๆ นี้เข้ามาแทรกแซงยุ่งเกี่ยวกับเรื่องตัวอ่อนมนุษย์ ซึ่งก็เกี่ยวพันอย่างหลีกเลี่ยงมิได้กับการฆ่าตัวอ่อนมนุษย์เหล่านั้นด้วย แม้ว่าจะถูนำมาใช้ด้วยเหตุผลที่ถูกต้องตามกฎหมายก็ตาม นี่คือกรณีเรื่องการทำการทดลองตัวอ่อนมนุษย์ ซึ่งแพร่กระจายยิ่งขึ้นในแวดวงการศึกษาค้นคว้าทางด้านชีวแพทย์ศาสตร์ (biomedical research) และเป็นสิ่งที่ได้รับอนุญาตให้ทำได้โดยถูกต้องตามกฎหมายในบางประเทศ ถึงแม้ว่า “เราจะต้องถือว่าเป็นกระบวนการที่ถูกต้องทำได้ที่จะดำเนินการในเรื่องตัวอ่อนมนุษย์ ที่มีการให้ความเคารพต่อชีวิตและอัตลักษณ์ (integrity) ของตัวอ่อนมนุษย์และไม่ถึงกับต้องเสี่ยงแบบไม่สมควรที่จะทำลายตัวอ่อนมนุษย์นั้น แต่มุ่งเพื่อให้การรักษา เพื่อการปรับปรุงสภาวะสุขภาพของตัวอ่อนมนุษย์หรือเพื่อช่วยให้ตัวอ่อนมนุษย์นั้นรอดชีวิตอยู่ได้เป็นสำคัญก็ตาม” ถึงกระนั้น ก็จำเป็นต้องกล่าวยืนยันไว้ว่า การใช้ตัวอ่อนมนุษย์หรือทารกในครรภ์มารดา (human embryos or fetuses) เป็นวัสดุสำหรับการทดลองนั้นเป็นการกระทำผิดหนัก(crime) ล่วงละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของบุคคลผู้นั้น ที่เขามีสิทธิจะได้รับความเคารพเช่นที่เด็กที่เกิดมาแล้วคนหนึ่งสมควรได้รับความเคารพนั้นเท่าๆ กับบุคคลมนุษย์ทุกคน การประณามทางศีลธรรมเช่นนี้ยังถือด้วยว่าขั้นตอนต่างๆ ที่กระทำผิดต่อตัวอ่อนมนุษย์และทารกที่มีชีวิตอยู่ในครรภ์มารดาที่บางครั้ง “ถูกผลิตขึ้นมา” เป็นพิเศษเพื่อจุดมุ่งหมายนี้โดยการผสมเทียมในหลอดแก้ว (in vitro fertilization)-ถูกนำมาใช้เป็น “วัสดุทางชีววิทยา” หรือไม่ก็ถูกใช้เป็นตัวจัดการให้มีอวัยวะหรือชิ้นส่วนร่างกายที่จะนำไปใช้ปลูกถ่าย (for tramsplants) ในการรักษาโรคบางอย่าง การฆ่ามนุษย์ผู้บริสุทธิ์เช่นนี้ แม้ว่าจะกระทำเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่มนุษย์ผู้อื่นก็ตาม ก็เป็นการกระทำที่ไม่อาจยอมรับได้เลย

เราต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อการประเมินผลศีลธรรมในเรื่องการใช้เทคนิคต่างๆ ตรวจสอบการตั้งครรภ์ของมารดาก่อนคลอด ซึ่งช่วยให้มีการตรวจสอบแต่เนิ่นๆ ดูสิ่งผิดปกติที่อาจเป็นไปได้ในตัวทารกที่ยังไม่เกิดมานั้นในเรื่องความซับซ้อนของเทคนิคต่างๆ เหล่านี้ การตัดสินทางด้านศีลธรรมที่ถูกต้องและเป็นระบบนั้นถือเป็นสิ่งจำเป็น เมื่อเทคนิคเหล่านั้นไม่เป็นเรื่องการเสี่ยงอันไม่เหมาะสมกับชีวิตของทารกและมารดา และมุ่งทุกวิถีทางที่เป็นไปได้ที่จะให้การบำบัดรักษาแต่เนิ่นๆ หรือแม้แต่มุ่งแสดงความชื่นชอบอย่างสงบยอมรับทารกที่ยังไม่เกิดมาตามที่ทราบผล นั้น เทคนิคเหล่านี้ถือเป็นสิ่งที่ถูกต้องทำได้ทางศีลธรรม แต่เนื่องจากศักยภาพที่จะทำการบำบัดรักษาทารกก่อนเกิดมานั้น ยังมีขีดจำกัดอยู่มากในปัจจุบัน บางครั้งจึงเกิดขึ้นว่าเทคนิคเหล่านี้กลับถูกนำไปใช้ด้วยจุดประสงค์ทางด้านพันธุศาสตร์ที่ยอมรับเอาการทำแท้งแบบที่คัดเลือกแล้ว (selective abortion) เพื่อกันมิให้ทารกที่มีความผิดปกติด้านต่างๆ นั้นถือกำเนิดมา ทัศนคติเช่นนี้เป็นสิ่งที่น่าละอายและน่าชิงชังเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าเป็นทัศนคติที่นำมาใช้วัดคุณค่าชีวิตมนุษย์ด้วยมาตรการเพียงว่ามนุษย์ผู้นั้นมีร่างกาย “เป็นปกติ” สมบูรณ์ครบถ้วนหรือไม่เท่านั้น จึงเปิดโอกาสให้การฆ่าทารกและการทำการุณยฆาตเป็นสิ่งที่ทำได้ตามกฎหมาย

ถึงกระนั้น การที่พี่น้องชาย-หญิงของเรายอมรับทุกข์ทรมานจากความพิการร้ายแรงของตนดำเนินชีวิตอยู่ด้วยความกล้าหาญอย่างสงบนั้น เมื่อพวกเราได้เห็นถึงการยอมรับและความรัก ก็ช่วยเป็นสักขีพยานเด่นชัดชี้ให้เห็นถึงสิ่งที่ให้คุณค่าแท้แก่ชีวิต และแม้พวกเขาจะตกอยู่ในสภาวะอันยากลำบากสักเพียงไรก็ตาม การเป็นสักขีพยานนี้ก็ทำให้ความทุกข์นั้นกลับเป็นสิ่งล้ำค่ายิ่งสำหรับพวกเขาเองและสำหรับคนอื่นๆ ด้วยพระศาสนจักรอยู่ใกล้ชิดคู่สามีภรรยา ที่แม้จะตกอยู่ในความเศร้าและความทุกข์ ก็ยังเต็มใจยอมรับบุตรที่พิการของตนไว้ พระศาสนจักรรู้สึกขอบคุณครอบครัวเหล่านั้นที่รับเอาเด็กๆ ที่ถูกพ่อแม่ทอดทิ้งเพราะพวกเขาพิการหรือเจ็บป่วยมาดูแลเอาใจใส่แทน

“เราแต่ผู้เดียว คือผู้นำทั้งความตายและชีวิตมาให้ได้”
(ฉธบ 32:39) : สภาพอันน่าสลดใจของการทำการุณยฆาต

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย