ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>

พระวรสารแห่งชีวิต

     ชีวิตมนุษย์มีต้นกำเนิดในองค์พระผู้เป็นเจ้า ทุกชีวิตมนุษย์จึงมาจากพระเจ้าและเป็นของพระเจ้า ทุกชีวิตมนุษย์เป็นของขวัญล้ำค่าที่พระเจ้าทรงประทานให้แก่โลก

บทนำ
บทที่ 1
บทที่ 2
บทที่ 3
บทที่ 4
บทส่งท้าย

52 53 54 55 56 57 58 59 60 61 62 63 64
65 66 67 68 69 70 71 72 73 74 75 76 77

65. สำหรับการตัดสินที่ถูกต้องทางด้านศีลธรรมในเรื่องการทำการุณยฆาต (Euthanasia) นั้น ประการแรกจะต้องมีการนิยามความหมายให้ชัดเจน การทำการุณยฆาตตามความหมายเฉพาะของมันนั้นเป็นที่เข้าใจว่า หมายถึงการกระทำ หรือการละเว้นที่จะกระทำ ซึ่งโดยตัวมันเองและโดยเจตนาแล้ว เป็นสาเหตุก่อให้เกิดการตายของบุคคลมนุษย์ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อขจัดความทุกข์ทรมานให้สิ้น “คำที่นำมาใช้อ้างถึงการทำการุณยฆาตนั้น จึงพบได้จากเรื่องของเจตนาที่จะกระทำ และวิธีการที่ใช้กระทำการุณยฆาตนั้น”

การทำการุณยฆาตจะต้องได้รับการแยกแยะจากการตัดสินใจยกเลิกวิธีที่เรียกกันว่า “การรักษาทางการแพทย์แบบก้าวหน้า” (aggressive medical treatment) กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือเป็นขั้นตอนการรักษาทางการแพทย์ที่ไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์จริงของผู้ป่วยนั้นอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเพราะว่า ขั้นตอนการรักษานั้นในตอนนี้ไม่อาจได้รับผลตามที่คาดหวังไว้ หรือเป็นเพราะว่าขั้นตอนเหล่านั้นก่อให้เกิดภาระหนักต่อผู้ป่วยและต่อครอบครัวของผู้ป่วยนั้น ในสถานการณ์เช่นนี้ เมื่อผู้ป่วยนั้นใกล้จะตายเต็มทีแล้ว และไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ในมโนธรรมของเรา เราก็สามารถ “ปฏิเสธการรักษาในรูปแบบต่างๆ ที่อาจจะช่วยให้ชีวิตนั้นยืดยาวออกไปแบบไม่แน่นอน และเป็นภาระหนักมากขึ้นนั้นได้ ตราบใดที่การให้การดูแลรักษาแบบปกติต่อผู้ป่วยในกรณีเหมือนกันนี้ยังคงมีอยู่ต่อไปไม่ถูกระงับ”แน่นอนมีกฎข้อบังคับทางศีลธรรมให้เราต้องดูแลรักษาตัวเอง และต้องยอมให้ตัวเองได้รับการดูแลรักษาด้วยเช่นกัน แต่หน้าที่นี้ก็จะต้องคำนึงถึงสภาพแวดล้อมตามที่เป็นจริงต่างๆ นั้นด้วย จำเป็นต้องกำหนดไว้ให้ชัดเจนว่า วิธีการรักษาที่มีอยู่นั้นเหมาะสมจริงๆ หรือไม่ที่จะช่วยให้ผู้ป่วยมีสภาพดีขึ้น การละเว้นไม่ใช้วิธีการพิเศษหรือวิธีการที่ไม่เหมาะสมกับสภาพของผู้ป่วยนั้น ไม่ถือว่าเป็นเรื่องการฆ่าตัวตาย หรือเป็นเรื่องการทำการุณยฆาต แต่ถือว่าเป็นการแสดงออกถึงการยอมรับสภาวะแท้จริงของมนุษย์ยามที่ต้องเผชิญกับความตาย

ในวงการแพทย์สมัยใหม่ มีการให้ความสนใจกันมากขึ้นต่อสิ่งที่เรียกกันว่า “วิธีรักษาด้วยการใช้ยาบรรเทาความเจ็บปวด” (methods of palliative care) ซึ่งหาวิธีทำให้ผู้ป่วยสามารถรับทนความทุกข์ทรมานนั้นได้ในช่วงเจ็บปวดขั้นสุดท้าย และเพื่อให้แน่ใจได้ว่าผู้ป่วยนั้นได้รับกำลังสนับสนุนช่วยให้สู้ทนกับความรู้สึกเจ็บปวดทรมานของตนได้ หนึ่งในหลายคำถามซึ่งเกิดขึ้นมาในบริบทที่ว่านี้ก็คือ คำถามที่ว่า เป็นสิ่งถูกต้องหรือไม่ที่จะใช้ยาระงับปวด (painkillers) และยาระงับประสาท (sedatives) หลากหลายชนิด เพื่อช่วยผ่อนคลายบรรเทาความเจ็บปวดทรมานของผู้ป่วย ในเมื่อวิธีการทำเช่นนี้เป็นการเสี่ยงทำให้ชีวิตของเขาสั้นเข้า ในขณะเดียวกันก็ต้องขอชมผู้ป่วยที่เต็มใจยอมรับความเจ็บปวดทรมานโดยไม่ยอมให้ใช้วิธีรักษาแบบใช้ยาระงับความเจ็บปวด ทั้งนี้เพื่อเขาจะยังคงรู้สึกตัวได้เต็มที่ และถ้าเขาเป็นผู้มีความเชื่อก็เพื่อเขาจะได้ร่วมส่วนในพระมหาทรมานของพระคริสตเจ้าโดย รู้ตัวเต็มที่ได้ ซึ่งการกระทำ “แบบวีรบุรุษ” เช่นนี้ก็ไม่สามารถถือว่าเป็นหน้าที่ของผู้ป่วยทุกคนได้ สมเด็จพระสันตะปาปา ปีโอ ที่ 12 ทรงกล่าวยืนยันว่าเป็นสิ่งที่ทำได้ที่จะใช้สารเสพติดช่วยบรรเทาความเจ็บปวดทรมาน แม้เมื่อจะมีผลทำให้ผู้ป่วยมีสติรู้ตัวน้อยลง และอาจทำให้ชีวิตสั้นลงได้ “ถ้าหากว่าไม่มีวิธีการอื่นใดอีกแล้ว และในสถานการณ์ที่เป็นอยู่นั้น ถ้าการใช้วิธีนี้มิได้ขัดขวางผู้ป่วยมิให้กระทำตามหน้าที่ทางด้านศาสนาและหน้าที่ทางด้านศีลธรรมของตน” ในกรณีเช่นนี้มิใช่เพื่อต้องการหรือแสวงหาความตาย ถึงแม้ว่าเพราะแรงจูงใจอันสมเหตุสมผล เขาอาจเสี่ยงที่จะตายได้ก็ตาม นั่นคือมีแต่ความปรารถนาที่จะลดความเจ็บปวดให้ได้ผลโดยวิธีใช้ยาระงับปวดตามที่ทางการแพทย์จัดการให้นั้นก็เช่นเดียวกัน “เป็นสิ่งไม่ถูกต้องที่จะทำให้ผู้ป่วยที่กำลังจะตายนั้นหมดความรู้สึกตัวโดยไม่มีเหตุผลอันจำเป็นจริงๆ”80 นั่นคือในขณะที่เขากำลังจะตายนั้น เขาควรจะสามารถทำหน้าที่ทางด้านศีลธรรมต่อครอบครัวของตนได้ และเหนืออื่นใดเขาควรจะต้องสามารถเตรียมตัวพบกับองค์พระเจ้านั้นแน่ๆ ได้อย่างรู้ตัวเต็มที่ด้วย

เมื่อพิจารณาแยกแยะเช่นนี้แล้ว เพื่อให้ประสานสอดคล้องกับอำนาจสั่งสอนของพระสันตะปาปาองค์ก่อนๆ ของพระเจ้า และด้วยความสัมพันธ์เป็นหนึ่งเดียวกับบรรดาพระสังฆราชแห่งพระศาสนจักรคาทอลิก ข้าพเจ้าขอประกาศยืนยันว่า การทำ การุณยฆาตเป็นการทำผิดหนักต่อบทบัญญัติของพระเจ้า เพราะการกระทำเช่นนี้เป็นการฆ่าชีวิตมนุษย์ตามอำเภอใจของตนและเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ทางด้านศีลธรรม กฎธรรมชาติและพระวาจาของพระเจ้าที่มีเขียนไว้นั้น เป็นพื้นฐานของข้อความเชื่อนี้ ที่ส่งผ่านมาทางธรรมประเพณีของพระศาสนจักร และได้รับการสอนจากอำนาจสั่งสอนของพระศาสนจักรท้องถิ่นและจากอำนาจสั่งสอนของพระศาสนจักรสากลด้วย

การกระทำเช่นนี้รวมถึงการมีความประสงค์ร้ายที่มุ่งจะกระทำอัตวินิบาตกรรม หรือการฆ่าคนตายด้วย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์แวดล้อมต่างๆ ด้วย

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย