ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>
ชีวิตมนุษย์มีต้นกำเนิดในองค์พระผู้เป็นเจ้า ทุกชีวิตมนุษย์จึงมาจากพระเจ้าและเป็นของพระเจ้า ทุกชีวิตมนุษย์เป็นของขวัญล้ำค่าที่พระเจ้าทรงประทานให้แก่โลก
บทนำ
บทที่ 1
บทที่ 2
บทที่ 3
บทที่ 4
บทส่งท้าย
52
53 54 55
56 57 58
59 60 61
62 63 64
65 66 67
68 69 70
71 72 73
74 75 76
77
67. ที่แตกต่างมากจากวิถีทางที่ว่ามานี้
ก็คือวิถีทางแห่งความรักและความเมตตาแท้จริงที่มวลมนุษย์ต่างก็ใฝ่ฝันหาและเป็นวิถีทางที่ความเชื่อในพระคริสตเจ้า
องค์พระผู้ไถ่กู้มนุษย์ ผู้สิ้นพระชนม์และกลับคืนพระชนมชีพ
ทรงทอแสงสว่างใหม่มาบนวิถีทางนี้
คำร้องขอที่มาจากใจมนุษย์เมื่อต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมานและความตาย เป็นต้น
เมื่อต้องถูกประจญให้ยอมแพ้แบบท้อแท้สิ้นหวังนั้น
ก่อนใดหมดเป็นการร้องขอความเป็นเพื่อน
ความเห็นอกเห็นใจและการสนับสนุนช่วยเหลือในยามที่เขาทุกข์ยากลำบากเป็นการร้องขอความช่วยเหลือให้เขายังมีความหวังอยู่
ในเมื่อความหวังแบบมนุษย์นั้นหายไปสิ้นแล้ว ดังเช่นที่สภาพระสังคายนาวาติกัน ที่ 2
เตือนเราไว้ว่า ในการเผชิญกับความตาย
ปัญหาเรื่องความเป็นอยู่ของมนุษย์ก็กลายเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง และถึงกระนั้น
มนุษย์ก็ทำตามการหยั่งรู้ภายในหัวใจของตน
เมื่อเขารู้สึกรังเกียจและยอมรับไม่ได้ว่าตัวตนของเขาจะต้องเสื่อมสลายไปสิ้นและดับสูญไปทั้งหมดตลอดไป
มนุษย์จึงแข็งข้อต่อสู้กับความตาย
เพราะเขาทนไม่ได้ที่เชื้อชีวิตนิรันดรภายในตัวเขานั้นจะต้องถูกลดลงเป็นเพียงแค่สสารวัตถุเท่านั้น
การรู้สึกชิงชังโดยธรรมชาติต่อความตาย
และการที่เพิ่งเริ่มมีความหวังในชีวิตอมตะนิรันดรนั้นได้รับการส่องสว่างและผลสมบูรณ์ได้ด้วยความเชื่อแบบคริสตชน
ซึ่งให้ทั้งสัญญาและให้การมีส่วนร่วมในชัยชนะของพระคริสตเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ
กล่าวคือ ชัยชนะของพระองค์ผู้ทรงช่วยมนุษย์ให้เป็นอิสระจากความตายอันเป็น
ค่าตอบแทนที่ได้จากบาป (รม 6:23)
โดยทางการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ที่นำความรอดมาให้มนุษย์ และพระองค์ทรงประทานพระจิต
ผู้เป็นคำมั่นสัญญาแห่งการกลับคืนพระชนมชีพ และชีวิตให้แก่มนุษย์ (เทียบ รม 8:11)
ความแน่ใจถึงชีวิตอมตะนิรันดรในภายภาคหน้า
และความหวังในการกลับคืนชีพที่สัญญาไว้นั้น
ช่วยสาดแสงใหม่ลงสู่ธรรมล้ำลึกเรื่องความทุกข์และความตาย
และช่วยเติมเต็มผู้มีความเชื่อด้วยสมรรถภาพพิเศษที่จะไว้วางใจเต็มเปี่ยมในแผนการของพระเจ้า
ท่านอัครสาวกเปาโลกล่าวถึงความใหม่ที่ว่านี้
โดยพูดถึงเรื่องการเป็นของพระเจ้าโดยสิ้นเชิง
พระองค์ผู้ทรงรับเอาสภาพแบบมนุษย์ทุกอย่าง
ไม่มีพวกเราคนใดที่มีชีวิตอยู่เพื่อตนเอง และไม่มีผู้ใดตายเพื่อตนเอง
ถ้าเรามีชีวิตอยู่ ก็มีชีวิตอยู่เพื่อ พระเจ้า ถ้าเราตายเราก็ตายเพื่อพระเจ้า
ดังนั้นไม่ว่าเรามีชีวิตอยู่หรือตายเราก็เป็นของพระเจ้า (รม 14:7-8)
การตายเพื่อพระเจ้า
หมายถึงการรับเอาประสบการณ์ความตายของตนเป็นการแสดงถึงการนอบน้อมเชื่อฟังสูงสุดต่อพระบิดา
(เทียบ ฟป 2:8) โดยพร้อมเสมอที่จะพบกับความตายใน เวลานั้น
ที่พระเจ้าทรงพอพระทัยเลือกให้ (เทียบ ยน 13:1) ซึ่งหมายความถึงเพียงว่า
เมื่อถึงเวลาแห่งการเดินทางจาริกไปบนโลกนี้สิ้นสุดลงแล้วเท่านั้น
การมีชีวิตอยู่เพื่อพระเจ้าหมายความด้วยว่า
เป็นการรับรู้ว่าความทุกข์ในขณะที่เป็นความชั่วร้ายและการทดลองในตัวมันเองก็สามารถกลายมาเป็นบ่อเกิดแห่งความดีได้
มันเป็นเช่นนี้ได้ถ้าหากได้มีประสบการณ์จากการได้รับของประทานอันล้ำค่าจากพระเจ้าและจากการตัดสินใจเลือกแบบอิสระของตนเองเพื่อความรัก
และพร้อมกับความรักนี้
โดยการมีส่วนร่วมในความทุกข์ทรมานของพระคริสตเจ้าผู้ทรงถูกตรึงกางเขนนั้น
เช่นนี้เองผู้ที่เจริญชีวิต ความทุกข์ของตนอยู่ในพระเจ้า
ก็เจริญเติบโตเป็นเหมือนพระองค์มากยิ่งขึ้น (เทียบ ฟป 3:10 ; 1 ปต 2:21)
และสัมพันธ์ใกล้ชิดยิ่งขึ้นกับงานไถ่กู้ของพระองค์ เพื่อประโยชน์ของพระศาสนจักร
และมนุษยชาติด้วย87 นี่เป็นประสบการณ์ของท่านนักบุญเปาโล
ซึ่งมนุษย์ทุกคนที่ทุกข์ทรมานก็ย่อมรู้สึกบรรเทาใจขึ้นมาบ้างที่ท่าน กล่าวว่า
ข้าพเจ้ายินดีที่ได้รับทุกข์ทรมานเพื่อท่านทั้งหลาย
ความทรมานของพระคริสตเจ้ายังขาดสิ่งใด
ข้าพเจ้าก็เสริมให้สมบูรณ์ด้วยการทรมานในกายของพระองค์คือพระศาสนจักร (คส 1:24)
เราต้องเชื่อฟังพระเจ้ายิ่งกว่าเชื่อฟังมนุษย์
(กจ 5:29) : กฎหมายบ้านเมืองกับกฎศีลธรรม