ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>
ชีวิตมนุษย์มีต้นกำเนิดในองค์พระผู้เป็นเจ้า ทุกชีวิตมนุษย์จึงมาจากพระเจ้าและเป็นของพระเจ้า ทุกชีวิตมนุษย์เป็นของขวัญล้ำค่าที่พระเจ้าทรงประทานให้แก่โลก
บทนำ
บทที่ 1
บทที่ 2
บทที่ 3
บทที่ 4
บทส่งท้าย
52
53 54 55
56 57 58
59 60 61
62 63 64
65 66 67
68 69 70
71 72 73
74 75 76
77
71. ดังนั้น จึงเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน
เพื่ออนาคตของสังคมและเพื่อการพัฒนาให้ได้ประชาธิปไตยที่ดีที่จะต้องค้นหาคุณค่าทางศีลธรรมสำคัญๆ
ภายในตัวมนุษย์ขึ้นมาใหม่ ซึ่งเป็นคุณค่าที่ออกมาจากสัจธรรมของตัวมนุษย์เอง
แสดงออกและพิทักษ์รักษาศักดิ์ศรีของบุคคลมนุษย์ด้วย
เป็นคุณค่าที่ไม่มีมนุษย์ผู้ใดไม่มีผู้คนส่วนใหญ่ใดๆ
และไม่มีรัฐใดจะสามารถสร้างขึ้นมาได้ ปรับปรุงแก้ไขหรือทำลายมันได้เลย
แต่ต้องเป็นคุณค่าที่จะต้องยอมรับรู้ ให้ความเคารพ และส่งเสริมเท่านั้น
ผลที่ตามมาก็คือ
จำเป็นที่จะต้องรื้อฟื้นสารัตถะพื้นฐานของการมีวิสัยทัศน์ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างกฎหมายบ้านเมืองกับกฎศีลธรรมขึ้นมาใหม่
ซึ่งพระศาสนจักรก็ได้นำเสนอในเรื่องนี้
แต่ก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของมรดกตกทอดของธรรมประเพณี
ยิ่งใหญ่ทางด้านกฎหมายของมนุษยชาติด้วย
แน่นอนทีเดียวที่จุดมุ่งหมายของกฎหมายบ้านเมืองนั้นย่อมแตกต่าง
และอยู่ในวงจำกัดกว่ากฎศีลธรรม แต่ทว่า ในมิติด้านชีวิตมนุษย์แล้ว
กฎหมายบ้านเมืองนั้นไม่อาจเข้ามาแทนที่มโนธรรมได้
และมิอาจออกกฎเกณฑ์เกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ที่อยู่ นอกเหนืออำนาจของมันได้
ซึ่งได้แก่การให้ประกันเรื่องความดีโดยรวมของผู้คนทั้งหลายโดยการรับรู้และปกป้องสิทธิพื้นฐานต่างๆ
ของมนุษย์ และการส่งเสริมสันติภาพและศีลธรรมของสาธารณชน จุดมุ่งหมายจริงๆ
ของกฎหมายบ้านเมืองก็คือ
เพื่อให้ประกันการอยู่ร่วมกันทางสังคมอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยภายใต้ความยุติธรรมที่แท้จริง
เพื่อว่าทุกคน จะได้มีชีวิตที่สงบสุขราบรื่นเป็นชีวิตที่มีเกียรติ
ด้วยความเคารพพระเจ้า (1 ทธ 2:2)
ด้วยเหตุผลนี้เองที่กฎหมายบ้านเมืองจะต้องทำให้สมาชิกทั้งหลายของสังคมแน่ใจได้ว่า
พวกเขาให้ความเคารพต่อสิทธิพื้นฐานต่างๆ อันเป็นสิ่งที่มีอยู่ภายในตัวมนุษย์
เป็นสิทธิที่กฎหมายด้านบวกจะต้องรับรู้และให้ประกันสิทธิเหล่านั้น
สิทธิแรกสุดในบรรดาสิทธิเหล่านั้นก็คือสิทธิที่จะมีชีวิตอยู่อันมิอาจถูกล่วงละเมิดได้ของมนุษย์บริสุทธิ์ทุกคน
ในขณะที่อำนาจฝ่ายบ้านเมืองบางครั้งสามารถเลือกที่จะไม่ขัดขวางบางสิ่งบางอย่างซึ่ง-ถ้าหากถูกขัดขวาง-อาจจะก่อให้เกิดผลอันตรายร้ายแรงยิ่งขึ้น
อำนาจฝ่ายบ้านเมืองนั้นไม่สามารถแอบอ้างที่จะออกกฎหมายให้เป็นสิทธิของปัจเจกบุคคล-ถึงแม้ว่าคนเหล่านั้นจะเป็นคนส่วนใหญ่ของสังคมก็ตาม-ที่จะกระทำผิดล่วงละเมิดต่อบุคคลอื่น
ที่มีสาเหตุมาจากการไม่ให้ความเคารพต่อสิทธิพื้นฐานที่จะมีชีวิตอยู่นั้นได้
การยอมรับเอาการทำแท้งหรือยอมรับการทำการุณยฆาตให้เป็นสิ่งถูกต้องตามกฎหมาย
ก็ไม่มีวันที่จะอ้างได้ว่ามีพื้นฐานอยู่บนการให้ความเคารพต่อมโนธรรมของผู้อื่นได้
ทั้งนี้ก็เพราะว่าสังคมนั้นมีสิทธิและมีหน้าที่ที่จะต้องปกป้องตัวเองให้พ้นจากการกระทำสิ่งผิด
ซึ่งสามารถเกิดขึ้นมาได้โดยการอ้างถึงมโนธรรม
และแอบแฝงมาภายใต้ข้ออ้างที่ว่าเพื่ออิสรภาพ ในพระสมณสาร สันติสุขในโลก (Pacem in
Terris) ของพระสันตะปาปา ยอห์น ที่ 23 พระองค์ทรงชี้ให้เห็นว่า
เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปในสมัยนี้ว่า
ความดีส่วนรวมนั้นได้รับการพิทักษ์ดูแลได้ดีที่สุด
ก็ต่อเมื่อสิทธิและหน้าที่ของบุคคลมนุษย์ได้รับการประกันไว้
อำนาจทางฝ่ายบ้านเมืองต้องให้ความสนใจหลักที่จะต้องทำให้แน่ใจว่าสิทธิเหล่านี้ได้รับการรับรู้
เคารพ ร่วมมือ ปกป้องและส่งเสริม และต้องให้แน่ใจว่า
มนุษย์แต่ละคนสามารถทำหน้าที่ของตนได้ง่ายขึ้นด้วย เพราะว่า
พิทักษ์รักษาสิทธิอันมิอาจถูกล่วงละเมิดได้ของบุคคลมนุษย์
และการช่วยให้เขาทำหน้าที่ของตนได้เต็มที่
ถือเป็นหน้าที่หลักของอำนาจทางฝ่ายบ้านเมือง
รัฐบาลใดก็ตามที่ปฏิเสธไม่ยอมรับสิทธิความเป็นมนุษย์
หรือกระทำล่วงละเมิดสิทธิเหล่านั้นของมนุษย์ก็กระทำผิดพลาดมิใช่เพียงในเรื่องการทำหน้าที่ของตนเท่านั้น
แต่การออกกฎหมายต่างๆ
ของรัฐบาลนั้นก็ไม่มีอำนาจผูกมัดบังคับให้เป็นไปตามกฎหมายด้วย