วรรณกรรม สุภาษิต ข้อคิด คำคม สำนวน โวหาร งานเขียน >>

วิวัฒนาการร้อยกรองไทย

ร้อยกรองสมัยกรุงศรีอยุธยา

การปรากฏของร้อยกรองสมัยกรุงศรีอยุธยา

ร้อยกรองสมัยนี้จะปรากฏในวรรณคดีเป็นส่วนมาก แต่สูญไปบ้างในระหว่างสงครามก็ได้ ซึ่งยังพอมีหลักฐานในการร้อยกรองในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็น 2 ระยะ ได้แก่

  1. สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น(พ.ศ.1893 – 2171) ปรากฏร้อยกรอง ดังนี้
    ลิลิต คือ บทร้อยกรองที่ใช้โคลงและร่ายแต่งปะปนกัน เช่น ลิลิตโองการแช่งน้ำ ลิลิตยวนพ่าย
    โคลง นิยมแต่งเป็นโคลงดั้น เช่น ลิลิตยวนพ่าย มหาชาติคำหลวง ส่วนโคลงสุภาพมีในมหาชาติคำหลวงและลิลิตพระลอ
    ฉันท์ ปะปนในมหาชาติคำหลวงหลายบท
    กาพย์ เช่นเดียวกับฉันท์
  2. สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย(พ.ศ.2171 – 2310) ปรากฏร้อยกรองทุกประเภท ดังนี้
    โคลง นิยมมากในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เช่น โคลงพาลีสอนน้อง
    โคลงทศรถสอนพระราม กาพย์ห่อโคลงของพระศรีมโหสถ
    ฉันท์ ใช้เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนาหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ได้แก่ สมุทรโฆษคำฉันท์ อนิรุทธ์คำฉันท์ คำฉันท์ดุษฎีสังเวยกล่อมช้าง เป็นต้น
    กาพย์ นอกจากนิยมแต่งกับฉันท์แล้ว ยังนิยมแต่งเป็นกาพย์ห่อโคลง กาพย์เห่เรือ ซึ่งเป็นลักษณะของการแต่งโคลงปนกาพย์ ปรากฏในกาพย์ห่อโคลงเรื่องต่างๆ กาพย์ห่อโคลงประพาสทองแดง กาพย์เห่เรือเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร เป็นต้น
    กลอน ปรากฏในรูปของกลอนเพลงยาวต่างๆ เช่น เพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยา เพลงยาวเจ้าฟ้ากุ้ง บทละครครั้งกรุงเก่า เป็นต้น
    ร่ายและลิลิต มีแต่คำประพันธ์ประเภทร่ายยาว ที่ปรากฏในนันโทปนันทสูตรคำหลวงและร่ายโบราณในพระมาลัยคำหลวงเท่านั้น
    กลบท ในกลบทสิริวิบุลกิติ์และจินดามณี

รูปแบบ

มิได้เคร่งครัดในฉันทลักษณ์เท่าใดนัก แต่จะเน้นจังหวะและเสียงเป็นสำคัญ
จึงต้องสังเกตจากสำนวนและการแบ่งวรรคตอน เช่น
นกหกต่างรวงรัง และประนังบังเหิรโหย
พากันกระสันโบย บัตรเรียกมารังเรียง
(สมุทรโฆษคำฉันท์)

จะเห็นได้ว่าในคำบังคับของฉันท์นั้น กวีถือเสียงเป็นสำคัญ จึงต้องสังเกตโดยมิได้คำนึงถึงรูปฉันทลักษณ์เท่าใดนัก แต่ทั้งนี้คำที่อยู่ในลหุจะอ่านเป็นเสียงเบาทั้งสิ้น


ประเภทของร้อยกรอง
ร้อยกรองสมัยสุโขทัย
ร้อยกรองสมัยกรุงศรีอยุธยา
ร้อยกรองสมัยกรุงธนบุรีและรัตนโกสินทร์ตอนต้น
การพัฒนาการร้อยกรองไทยในปัจจุบัน
 

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย