วรรณกรรม สุภาษิต ข้อคิด คำคม สำนวน โวหาร งานเขียน

หลักการเขียนเรียงความ

ลักษณะของย่อหน้าที่ดี

  1. มีเอกภาพ มีใจความสำคัญเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น กำหนดจุดมุ่งหมายเป็นประโยคใจความสำคัญเนื้อหาสาระของข้อความที่นำมาเขียนขยายนั้นต้องมีใจความเป็นเรื่องเดียวกันกับประโยคใจความสำคัญ
  2. มีความสมบูรณ์ ส่วนต่างๆ ประสานเข้าหากันไม่มีส่วนใดขาดตกบกพร่อง ต้องเขียนอย่างมีจุดมุ่งหมาย มีเนื้อหาสาระ มีรายละเอียด ส่วนขยายที่ชัดเจนไม่ออกนอกเรื่องได้เนื้อความบริบูรณ์
  3. มีสัมพันธภาพ ข้อความหรือประโยคแต่ละประโยคที่เรียงต่อกันนั้นมีความเกี่ยวเนื่องติดต่อเป็นเรื่องเดียวกัน จัดลำดับความคิดให้เป็นประโยคต่อเนื่องกันด้วยเนื้อหา โดยอาจจัดลำดับความคิดตามเวลา (เหตุการณ์ก่อนหลัง) ตามพื้นที่ (ใกล้ไปหาไกล/ข้างบนไปหาข้างล่าง/ซ้ายไปขวา/เหนือไปหาใต้) จากคำถามไปสู่คำตอบ (คำถามไว้เป็นประโยคแรกแล้วจัดหาประโยคขยายตามลำดับเพื่อให้ได้คำตอบเป็นผลลัพธ์ตอนท้ายของย่อหน้า) จากรายละเอียดไปสู่ข้อสรุป (หรือจากข้อสรุปไปสู่รายละเอียด) และจากเหตุไปสู่ผล
  4. มีสารัตถภาพ ย้ำเน้นใจความสำคัญเพื่อให้ผู้อ่านทราบเจตนาโดยอาจวางตำแหน่งประโยคใจความสำคัญในตอนต้นหรือตอนท้ายของย่อหน้า การย้ำเน้นด้วยคำวลีหรือประโยคซ้ำๆ กันบ่อยๆ ภายในย่อหน้า (ทำให้ผู้อ่านเข้าใจถึงจุดมุ่งหมายหรือความคิดสำคัญที่ผู้เขียนต้องการสื่อสารถึงผู้อ่าน) รวมถึงการย้ำเน้นอย่างมีสัดส่วน
  5. ใช้คำเชื่อมได้อย่างเหมาะสม (คำสันธานหรือวลี) ทำให้ข้อความสละสลวย ไม่ใช้ซ้ำซาก ใช้ภาษาถูกต้องตามแบบแผน ใช้ภาษาระดับเดียวกัน ไม่ใช้สำนวนภาษาต่างประเทศ อ่านแล้วไม่ติดขัดเหมือนได้อ่านเรียงความสั้นๆ หนึ่งเรื่อง

  การเขียนประโยคใจความสำคัญเป็นย่อหน้า

  1. ให้คำจำกัดความ อธิบายคำหรือวลีให้ผู้อ่านเข้าใจ
  2. ให้รายละเอียด เพื่อให้ได้ย่อหน้าที่เนื้อหาสาระมีความสมบูรณ์
  3. ยกตัวอย่าง ทำให้เข้าใจความคิดสำคัญหรือประโยคใจความสำคัญได้ชัดเจนแจ่มแจ้ง
  4. เปรียบเทียบ การเปรียบเทียบสิ่งใดสิ่งหนึ่งกับอีกสิ่งหนึ่ง หรืออาจจะเป็นในลักษณะอุปมาโวหารหรือยกเป็นอุทาหรณ์
  5. แสดงเหตุและผล เหมาะสำหรับงานเขียนที่ต้องการวิเคราะห์วิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็น

การเขียนคำนำ เนื้อเรื่อง และสรุป

  1. คำนำ เป็นส่วนแรกของงานเขียนที่จะสร้างความน่าสนใจ ดึงดูดและท้าทายให้ผู้อ่านอยากรู้อยากอ่านข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นต่างๆ ที่ผู้เขียนรวบรวมมาเสนอในเนื้อเรื่อง เพราะคำนำที่ดีจะทำให้ผู้อ่านทราบได้ตั้งแต่ต้นว่ากำลังจะได้อ่านเกี่ยวกับอะไร ต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษในการเขียนคำนำให้เหมาะสมกับกลุ่มผู้อ่าน สอดคล้องกับจุดประสงค์ในการเขียนและการเสนอเนื้อเรื่อง ประกอบกับการใช้ศิลปะการเขียนเฉพาะตน
  2. เนื้อเรื่อง เป็นส่วนที่ยาวที่สุดของงานเขียน เนื่องจากเป็นส่วนที่รวบความคิดและข้อมูลทั้งหมดที่ผู้เขียนค้นคว้ารวบรวมมาเสนออย่างมีระเบียบ มีระบบ และเป็นขั้นตอน ทำให้ผู้อ่านรับรู้และเข้าใจสาระสำคัญทั้งหมดได้อย่างแจ่มแจ้ง กอปรไปด้วยเหตุผลและข้อเท็จจริงที่เชื่อมโยงกันตลอด
    - รวบรวมข้อมูล ความคิด ประสบการณ์ ข้อเท็จจริง
    - วางโครงเรื่องให้สอดคล้องกับประเด็นที่จะนำเสนอ
    - นำหัวข้อต่างๆ มาเขียนขยายความให้เป็นย่อหน้าที่ดี
    - มีประเด็นมากพอให้ผู้อ่านสนใจ
    - ต้องใช้ท่วงทำนองการเขียนให้สอดคล้องกับลักษณะเนื้อหา ตรงตามวัยความสนใจของผู้อ่าน
  3. การสรุป เป็นการบอกให้ผู้อ่านทราบว่าข้อมูลทั้งหมดที่เสนอมาได้จบลงแล้ว (ในย่อหน้าที่ผ่านมา) จะเป็นช่วยย้ำให้ผู้อ่านทราบว่างานเขียนที่ได้อ่านมีจุดมุ่งหมายอย่างไร ได้ข้อคิดหรือแนวทางอะไรเพิ่มเติมจากการอ่านครั้งนี้บ้างที่สำคัญคือการสรุปจะต้องมีความสอดคล้องกับเนื้อเรื่องตรงตามจุดประสงค์ของผู้เขียนจึงจะทำให้ผู้อ่านเกิดความประทับใจ

กลวิธี: แสดงความเห็นของผู้เขียน (เห็นด้วย ขัดแย้ง เสนอแนะ ชักชวน ฯลฯ) / สดุดีเกียรติคุณ คุณประโยชน์ / คำถามที่ชวนให้ผู้อ่านคิดหาคำตอบหรือตอบคำถามที่ตั้งไว้ในคำนำ / กล่าวถึงข้อดี ข้อบกพร่อง หรือเสนอแนะให้เห็นประโยชน์ / ให้กำลังใจแก่ผู้อ่าน / สาระสำคัญที่ต้องการให้ผู้อ่านทราบ / บทกลอน คำคมสุภาษิต ข้อความ หรือคำพูดของบุคคลสำคัญ

ตัดตอนและสรุปจาก:
ราตรี ธันวารชร, “การเขียนย่อหน้า” และ เจียรนัย ศิริสวัสดิ์, “การเขียนคำนำ เนื้อเรื่อง และสรุป” ใน คณาจารย์ภาควิชาภาษาไทย คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, การใช้ภาษาไทย 1. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2543. หน้า 80-92 และ 105-112

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย