สังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์ การเมือง เศรษฐศาสตร์ >>
ความหมายของการเมือง
ความหมายของรัฐศาสตร์
สาขาวิชาทางรัฐศาสตร์
วิวัฒนาการและวิธีการศึกษาวิชารัฐศาสตร์
สาขาวิชาทางรัฐศาสตร์
วิชารัฐศาสตร์ก็มีการแยกเป็นแขนงวิชาเฉพาะ (Specialization)
เพื่อผู้ศึกษาจะได้ทำการศึกษาให้ลึกซึ้งต่อไป ซึ่งในที่นี้จะขอแบ่งออกเป็น 6 สาขา
คือ
1. การเมืองการปกครอง (Politics and Government)
คือ การศึกษาเกี่ยวกับสถาบันทางการเมืองต่างๆ การแบ่งอำนาจระหว่างนิติบัญญัติ
บริหาร และตุลาการ ศึกษารัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่น
ซึ่งเน้นไปทางโครงร่างของการปกครอง
และยังรวมถึงความสำคัญของพรรคการเมืองที่มีบทบาทต่อรัฐ
รวมไปถึงการศึกษาประชามติและกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ ด้วย
2. ทฤษฎี / ปรัชญาทางการเมือง (Political Theory / Philosophy)
คือ การมุ่งศึกษาปรัชญาที่เกี่ยวกับการเมืองการปกครองตั้งแต่สมัยโบราณจนมาถึงปัจจุบัน ปรัชญาการเมืองเป็นเหมือนหลักการเหตุผล และความยึดมั่นของรัฐซึ่งย่อมแตกต่างกันไป การศึกษาก็เพื่อจะได้เรียนรู้เข้าใจทั้งจุดมุ่งหมาย (Ends) และวิถีทาง (Means) ของแต่ละปรัชญาดังกล่าว โดยแสวงหาเหตุและผลนำมาปฏิรูปความคิดและการปฏิบัติทางด้านการปกครอง ให้ได้รูปแบบที่ดีขึ้นจากตัวอย่างของความบกพร่องของรัฐอื่นๆ
3. การเมืองการปกครองเปรียบเทียบ (Comparative Politics)
มุ่งการศึกษาถึงการปกครองของประเทศต่างๆ หลายประเทศ
เพื่อจะเปรียบเทียบกันทางประวัติศาสตร์เป็นพื้นฐานแล้วจึงเปรียบเทียบรัฐธรรมนูญ
โครงร่างของการปกครอง และสถาบันทางการเมืองต่างๆ เช่น พรรคการเมือง สภานิติบัญญัติ
ระบบศาล เป็นต้น ลักษณะทางเศรษฐกิจและสังคม ขนบธรรมเนียมประเพณี
ตลอดจนนโยบายต่างประเทศในอดีต ก็จำเป็นต้องศึกษาเพื่อนำมาประกอบการพิจารณาด้วย
ตามปกติการศึกษาสาขานี้มักจะศึกษาเพ่งเล็งกันที่ประเทศซึ่งมีความสำคัญและมีบทบาทในวงการนานาชาติ
ทั้งในปัจจุบันและอดีต เพื่อดูลักษณะเด่นและด้อย
หรือเพื่อเอาเป็นตัวอย่างจากการปกครองแบบใดแบบหนึ่ง
ทั้งพยายามที่จะหาทฤษฎีที่ว่าทำไมรัฐต่างๆ จึงมีการปกครองที่แตกต่างกัน
และทำไมการปกครองแบบนี้เป็นผลกับรัฐนี้ และการปกครองแบบเดียวกันล้มเหลวในรัฐอื่นๆ
เป็นต้นว่า
ทำไมระบบการปกครองแบบประชาธิปไตยของประเทศอังกฤษจึงเหมาะสมกับประเทศอังกฤษ
แต่เมื่อนำมาใช้กับประเทศไทยแล้วทำให้เกิดปัญหายุ่งยากต่างๆ
การเปรียบเทียบส่วนดีส่วนเสียของการปกครองแบบต่างๆ ของรัฐแต่ละรัฐ
ก็มีวัตถุประสงค์เพื่อชักนำให้เกิดการปฏิรูปการปกครอง
โดยชี้ให้เห็นถึงจุดบกพร่องที่มีอยู่ของแต่ละรัฐอย่างชัดเจน
นำไปสู่ระบอบการปกครองที่เหมาะสมกับรัฐตน
4. กฎหมายมหาชน (Public Law)
คือ การศึกษาเกี่ยวกับรากฐานรัฐธรรมนูญของรัฐต่างๆ
ปัญหาของการกำหนดและแบ่งอำนาจปกครองประเทศ และความสัมพันธ์ระหว่างเอกชนกับรัฐ
5. ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (International Relations)
ก็คือ การติดต่อกันในระดับข้ามพรมแดน
โดยที่การศึกษานั้นจะหมายรวมถึงองค์การระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติ
องค์การสนธิสัญญาป้องกันร่วมต่างๆ องค์การข้ามชาติ องค์การภูมิภาค
ตลอดจนกฎหมายระหว่างประเทศ และพิธีทางการทูตก็เพื่อเข้าใจและเป็นวิถีทาง (Means)
ซึ่งจะช่วยในการติดต่อของรัฐต่างๆ นั่นเอง วิชานี้ต้องอาศัยความรู้ทางสาขาวิชาต่างๆ
ประกอบด้วยเป็นอย่างยิ่ง
เพราะความสัมพันธ์ระหว่างประเทศนี้ต้องอาศัยความรู้ในปัจจัยต่างๆ ได้แก่ วัฒนธรรม
ประชากร เศรษฐกิจ ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ จิตวิทยา ประกอบกันเป็นภูมิหลัง
(Background) ของประเทศนั้นๆ เพื่อเป็นประโยชน์ในการระหว่างประเทศ
ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับรัฐ
6. รัฐประศาสนศาสตร์ / บริหารรัฐกิจ (Public Administration)
คือ การศึกษาโดยตรงในการบริหารของรัฐบาล ตลอดจนการบริหารกฎหมาย การจัดการเกี่ยวกับคน เงินตรา วัตถุ บริหารรัฐกิจนับเป็นแขนงวิชาใหม่ของวิชารัฐศาสตร์ เนื่องจากการที่รัฐบาลมีขอบเขตภาระหน้าที่กว้างขวางขึ้นตามยุคสมัย ทำให้ต้องหาวิชาการบริหารงานให้มีประสิทธิภาพและรวดเร็ว จึงต้องมีวิชานี้เพื่อสนองความต้องการของยุคใหม่ วิชานี้เน้นในทางปฏิบัติให้เป็นไปตามเจตจำนงในการปกครองของรัฐ ให้เป็นไปตามจุดประสงค์และอุดมการณ์ของรัฐอย่างเป็นผลดีและมีประสิทธิภาพมากที่สุด