วรรณกรรม สุภาษิต ข้อคิด คำคม สำนวน โวหาร งานเขียน >>
การทบทวนวรรณคดีและผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
ประโยชน์ที่ได้จากการทบทวนวรรณคดีและผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
ขั้นตอนการทบทวนเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
หลักการเลือกวรรณคดีและผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
ชนิดของเอกสารที่เกี่ยวข้อง
ข้อเสนอแนะวิธีการทบทวนเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
ชนิดของเอกสารที่เกี่ยวข้อง
ดังได้กล่าวมาแล้วว่า เอกสารที่เกี่ยวข้องมีอยู่ด้วยกันหลายรูปแบบ อาจเป็นตำรา
บทความทางวิชาการ ข้อมูลจากการรายงานของหน่วยงานราชการต่าง ๆ ข้อมูลจากการสัมภาษณ์
ตลอดจนข้อมูลอื่นใดทุกรูปแบบนั้น
เพื่อให้นักวิจัยได้ศึกษาอย่างมีระบบจึงขอสรุปเอกสารเหล่านั้นเป็นประเภท ๆ ไป
ดังนี้
1. ตำรา ( Textbooks )
ตำราเป็นแหล่งรวมองค์ความรู้ที่เราคุ้นเคยมากที่สุด ความรู้ด้านทฤษฎีทั้งหลาย
เราได้จากการศึกษาค้นคว้าตำรานี่เอง แม้ว่าความรู้ด้านทฤษฎีต่าง ๆ
เราอาจเรียนรู้จากการสอนของครูเป็นเบื้องต้นก็ตาม
แต่เราก็ยังคงศึกษาค้นคว้าความรู้ด้านทฤษฎีเหล่านั้นจากตำราเพิ่มเติมอีก
และความรู้ด้านทฤษฎีจำนวนไม่น้อยที่เราเรียนรู้โดยตรงจากการศึกษาค้นคว้าตำราด้วยตนเองเป็นเบื้องต้นเลย
แต่อย่างไรก็ตามตำรามีข้อด้อยอยู่บ้างในแง่ที่ว่า
ความรู้บางจุดอาจจะไม่ค่อยทันสมัยเพราะการเขียนตำราต้องกินเวลานาน
เมื่อพิมพ์เผยออกไปความรู้บางจุดอาจเปลี่ยนแปลงไปแล้วก็ได้
ดังนั้นผู้วิจัยจะต้องระมัดระวังในข้อด้อยนี้
ทว่าโดยภาพรวมความรู้ด้านทฤษฎีเราจะได้จากการศึกษาค้นคว้าจากตำรา
2. บทความทางวิชาการ ( Review articles )
บทความทางวิชาการเป็นแหล่งรวมองค์ความรู้คล้าย ๆ กับ ตำรา แต่ความรู้ต่าง ๆ
ในบทความทางวิชาการจะค่อนข้างทันสมัยมากกว่าตำรา
เพราะผู้เขียนบทความทางวิชาการมักจะรวบรวมความรู้จากผลการวิจัยใหม่ ๆ
ซึ่งเกี่ยวข้องกับหัวข้อบทความที่ตนเขียน
อย่างไรก็ตามบทความทางวิชาการก็มีข้อด้อยอยู่เช่นเดียวกัน กล่าวคือ
เป็นความรู้เฉพาะจุดที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อบทความนั้น ๆ เท่านั้น
ไม่ได้เป็นความรู้ที่กว้างขวางเหมือนในตำรา
ดังนั้นผู้วิจัยจึงควรเอาข้อเด่นของตำรามาใช้ผสมผสานกับข้อเด่นของบทความทางวิชาการ
โดยใช้ตำราเป็นหลักเบื้องต้น แล้วใช้บทความทางวิชาการเสริมเฉพาะจุด
3. รายงานผลการประชุม ( Proceeding reports )
รายงานผลการประชุมเป็นแหล่งรวมองค์ความรู้ที่สำคัญอีกแหล่งหนึ่ง
เป็นแหล่งรวมองค์ความรู้ที่แตกต่างจากตำรา และบทความทางวิชาการ
รายงานผลการประชุมจะพยายามรวบรวมผลการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อการประชุมไว้มากมาย
และแนวความคิดของวิทยากรที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อประชุม
แม้ว่าแนวคิดของวิทยากรจะเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล แต่โดยปกติวิทยากร
มักจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขาที่เป็นหัวข้อของการประชุม
ดังนั้นจึงสามารถนำเอาแนวคิดเหล่านั้นมาศึกษาได้นอกจากนี้ในรายงานการประชุมจะยังมีผลสรุปความคิดรวบยอดที่ได้จากการสัมมนาหรืออภิปรายในที่ประชุมจากสมาชิกของการประชุม
และในทำนองเดียวกันถึงแม้ว่าผลสรุปความคิดรวบยอดเหล่านั้นเกิดจากแนวคิดเฉพาะบุคคลของกลุ่มชนก็ตาม
แต่สมาชิกของการประชุมมักจะรวบรวมบุคคลที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับหัวข้อประชุม
ดังนั้นจึงสามารถนำเอาแนวคิดเหล่านั้นมาศึกษาได้เช่นเดียวกัน
4. ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ ( Expert s openion )
ในสังคมยังมีปัญหาอีกมากมายที่ยังไม่ได้มีการวิจัย แต่ผู้เชี่ยวชาญในปัญหา นั้น ๆ
อาจมีแนวคิดที่เกิดจากประสบการณ์สั่งสมอันยาวนานของตน
ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวข้องกับปัญหานั้น ๆ ในโอกาส ต่าง ๆ
สาระจากการให้สัมภาษณ์เหล่านั้นก็สามารถนำเอามาศึกษาได้
5. รายงานประจำปี ( Year books )
รายงานประจำปีเป็นแหล่งข้อมูลที่สรุปผลงานที่เกิดขึ้นจริงในแง่มุมต่าง ๆ ของ
องค์กรนั้น ๆ จึงเป็นเอกสารอีกสิ่งหนึ่งที่ควรนำมาศึกษา
6. รายงานผลการวิจัยที่ลงพิมพ์ในวารสารต่าง ๆ ( Scientific papers from
journals )
วารสารเป็นแหล่งรวมองค์ความรู้หลากหลายประเภท บทความทางวิชาการที่
กล่าวมาแล้วก็ได้มาจากวารสาร ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญก็อาจได้มาจากวารสาร
รายงานลักษณะอื่น ๆ ก็อาจได้มาจากวารสาร บทคัดย่อการวิจัยก็อาจได้มาจากวารสาร
และรายงานผลการวิจัยซึ่งนิยมเขียนรายงานผลอย่างสั้นก็จะลงพิมพ์ในวารสารต่าง ๆ
แต่ข้อด้อยของรายงานผลการวิจัยที่ลงพิมพ์ในวารสารต่าง ๆ ก็มีอยู่เช่นเดียวกัน
เพราะงานวิจัยนั้นอาจจะไม่ถูกต้องสมบูรณ์ก็ได้ เพราะไม่มีผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบผลงาน
ดังนั้นรายงานผลการวิจัยที่ลงพิมพ์ในวารสารต่าง ๆ นั้น
ถ้าเป็นวารสารที่ผู้วิจัยไม่แน่ใจว่าผลงานนั้นถูกต้องสมบูรณ์หรือไม่
ขอแนะนำให้สังเกตจากถ้อยแถลงของบรรณาธิการว่า ผลงานวิจัยนั้น ๆ
ได้ให้ผู้เชี่ยวชาญจำนวนไม่น้อยกว่า 2 ท่านอ่านตรวจสอบก่อนหรือไม่
ซึ่งหลังจากผู้เชี่ยวชาญอ่านตรวจสอบแล้วถ้าผู้เชี่ยวชาญเห็นว่าควรปรับปรุงแก้ไขจุดใด
เจ้าของงานวิจัยต้องปรับปรุงแก้ไขตามข้อสังเกตเหล่านั้นทั้งหมดเสียก่อนจึงจะลงพิมพ์ได้
ถ้าจากถ้อยแถลงของบรรณาธิการระบุว่าผลงานวิจัยนั้น ๆ
ได้ให้ผู้เชี่ยวชาญอ่านตรวจสอบอย่างน้อย จำนวน 2 ท่านก่อนแล้ว
ซึ่งการให้ผู้เชี่ยวชาญจำนวนไม่น้อยกว่า 2 ท่านอ่านตรวจสอบก่อนนี้เรียกว่า Peer
review ผลงานวิจัยนั้น ๆ ก็ใช้ศึกษาค้นคว้าได้
7. บทคัดย่อการวิจัยในวารสาร ( Abstract journal )
บทคัดย่อการวิจัยในวารสารก็ต้องยึดหลักเช่นเดียวกับรายงานผลการวิจัยที่ลง
พิมพ์ในวารสารต่าง ๆ ดังได้กล่าวไว้แล้ว
8. วิทยานิพนธ์ของนักศึกษา ( Student s dissertation )
วิทยานิพนธ์ของนักศึกษาเป็นเอกสารที่เชื่อถือได้อย่างแน่นอน เพราะวิทยานิพนธ์
ทุกชิ้นจะต้องมีอาจารย์ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในเรื่องนั้น ๆ เป็นผู้ควบคุมการทำวิจัย
ดังนั้นผลงานวิจัยที่เป็นวิทยานิพนธ์ของนักศึกษาจึงเขียนได้ถูกต้องและมีเหตุผล
ตลอดจนถูกต้องตามระเบียบวิธีการวิจัย ผู้วิจัยที่เพิ่งเริ่มทำวิจัยนั้น
การศึกษาค้นคว้าวิทยานิพนธ์ของนักศึกษานอกจากจะได้รับประโยชน์ทั่ว ๆ ไปแล้ว
ยังสามารถยึดวิทยานิพนธ์ของนักศึกษาเป็นต้นแบบการทำวิจัยของตนในขั้นตอนต่าง ๆ
ได้อีกด้วย
9. การสืบค้นทางคอมพิวเตอร์จากอินเตอร์เน็ต ( Internet )
ในปัจจุบันนี้การทบทวนเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องที่จะช่วยให้นักวิจัยศึกษาค้นคว้าได้กว้างขวางที่สุดและทันสมัยที่สุด
ก็คือ การสืบค้นทางคอมพิวเตอร์จากอินเตอร์เน็ต
เพราะสามารถสืบค้นได้ทั้งความรู้ด้านทฤษฎีต่าง ๆ และรายงานผลการวิจัย
โดยการสืบค้นทางคอมพิวเตอร์จากอินเตอร์เน็ตนี้
ขอแนะนำศูนย์ข้อมูลงานวิจัยที่เปิดเสรีให้บุคคลทั่วไปเข้าไปสืบค้นได้โดยไม่ต้องเสียค่าบริการ
ซึ่งมักเป็นศูนย์ข้อมูลของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ สำหรับงานวิจัยนั้น
ศูนย์ข้อมูลเหล่านี้บางแห่งอาจมีเฉพาะชื่องานวิจัยและบทคัดย่อ
และบางแห่งอาจมีรายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์
การสืบค้นทางคอมพิวเตอร์จากอินเตอร์เน็ตนั้น
ผู้วิจัยจะต้องรู้จักชื่อของหน่วยงานนั้นในระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ( The names
and Uniform Resource Locator = URL )
โดยผู้วิจัยสามารถเปิดดูได้จากหนังสือรายชื่อสมาชิกเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ( World
Wide Web Yellow Page )
ซึ่งมีลักษณะคล้ายหนังสือปกเหลืองรายชื่อผู้ใช้โทรศัพท์ของเรา ตัวอย่างเช่น
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คือ http://www. Chula. ac.th/ มหาวิทยาลัยมหิดล คือ http:
// www.mu.ac.th/ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ คือ http://www.psu.ac.th/
มหาวิทยาลัยฮาร์วาด คือ http:// www.Harvard.edu/ มหาวิทยาลัยเยล คือ http:// www.
yale.edu/ และมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด คือ http:// www.Stanford.edu/ เป็นต้น
อนึ่งการสืบค้นทางคอมพิวเตอร์จากอินเตอร์เน็ตนั้น
ดังได้กล่าวไว้แล้วว่ามิใช่สืบค้นเพียงงานวิจัยเท่านั้น
แต่ความรู้ด้านทฤษฎีทั้งหลายจะมีอยู่มากมาย
และผู้เขียนคิดว่าความรู้ด้านทฤษฎีน่าจะมีอยู่มากกว่างานวิจัย
สำหรับนักวิจัยที่ไม่ค่อยสันทัดภาษาอังกฤษก็สามารถสืบค้นได้อย่างกว้างพอสมควร
เพราะปัจจุบันมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในเมืองไทยและกระทรวงสาธารณสุข
ไดเผยทั้งองค์ความรู้ต่าง ๆ และงานวิจัยเป็นภาษาไทย การสืบค้นทางคอมพิวเตอร์
จากอินเตอร์เน็ตนี้
จะช่วยคลี่คลายปัญหาการทบทวนเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องให้นักวิจัยต่างจังหวัดได้เป้นอย่างมาก
เพราะในอดีตนักวิจัยต่างจังหวัดต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายเดินทางไปศึกษาค้นคว้าในขั้นตอนการทบทวนเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องในมหาวิทยาลัยในกรุงเทพ
หมายเหตุข้อความที่ติดต่อสื่อสารกันทางคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายอินเตอร์เน็ตเราเรียกว่าจดหมายอิเลคทรอนิคส์
ดังนั้นการสืบค้นสาระความรู้ใด ๆ ที่อาศัยข้อความต่าง ๆ เป็นแก่นสาระทางคอมพิวเตอร์
จึงถือว่า คอมพิวเตอร์เป็นเอกสารอิเลคทรอนิคส์