ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>
พระวรสาร 4 คัมภีร์ (The Gospels)
หลักคำสอนของศาสนาคริสต์
คัมภีร์ไบเบิล
ภาคพันธสัญญาเดิม
พระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่
หลักคำสอนของศาสนาคริสต์
บรรดาคำสอนทั้งหลายของพระเยซูนั้นเทศนาบนภูเขา (Sermon on the Mount)
เป็นคำสอนที่จัดเป็นระบบมากที่สุด
และแสดงให้เห็นถึงจุดประสงค์ของพระเยซูที่ต้องการปฏิรูปชีวิตมนุษย์ไปสู่หนทางที่ถูกต้อง
อีกทั้งเป็นหลักจริยธรรมที่พระองค์ทรงมอบให้แก่มนุษย์ทุกคนได้ปฏิบัติเพื่อความสุขในโลกนี้และโลกหน้า
ซึ่งควรแก่การศึกษา
โดยตัดมาบางข้อพอเป็นสังเขปและจัดเรียงหัวข้อตามที่ปรากฏอยู่ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ใหม่
โดยเรียงตามลำดับดังนี้ คือ
1. ผู้เป็นสุข หรือบรมสุข 8 ประการ
คำสอนนี้มีลักษณะส่งเสริมการให้กำลังใจแก่คนทุกคน
เพื่อให้พวกเขาสามารถเผชิญหน้ากับปัญหาได้อย่างไม่หวั่นไหว
แม้นว่าตนเองจะรู้สึกว่ามีความบกพร่องไม่ดีพอ เป็นคนมีทุกข์โศกเศร้า
เป็นคนจิตอ่อนโยน เป็นคนรักความถูกต้องเที่ยงธรรม เป็นคนจิตใจบริสุทธิ์
และเป็นคนที่ถูกกลั่นแกล้งข่มเหง
บุคคลเหล่านี้ย่อมได้รับอนุญาตจากพระเจ้าให้อยู่ในอาณาจักรสวรรค์
พวกเขาไม่จำเป็นต้องยินดียินร้ายต่อคำนินทาว่าร้ายของผู้อื่น
และไม่ต้องหวั่นเกรงต่อการข่มเหงของผู้ข่มเหงเหล่านั้น
2. เกลือแห่งแผ่นดินโลก
คำสอนนี้ต้องการให้มนุษย์ดำรงรักษาความดีงามเหมือนเกลือรักษาความเค็ม
เพราะถ้าทิ้งความดีไปแล้วก็ไม่ต่างไปจากเกลือที่หมดรสเค็ม
ประโยชน์ที่จะพึงมีก็หมดไม่ หาคุณค่าใดไม่ได้เลย
3. ความสว่างของโลก
คำสอนนี้เป็นการส่งเสริมและให้กำลังใจแก่ผู้ทำความดีและปฏิบัติตามธรรมบัญญัติอย่างมั่นคง
ความดีที่เขาทำไว้จะมีผลต่อโลกและผู้อื่น
เป็นผลให้ผู้ที่เห็นความดีนั้นสรรเสริญพระเป็นเจ้าผู้เป็นพระบิดา
เปรียบเหมือนกับลูกที่ดีบิดาย่อมได้รับการยกย่อง เพราะความดีของลูก
4. พระธรรมบัญญัติใหม่ (The New Testament)
คำสอนนี้แสดงให้เห็นถึงเจตจำนงค์ของพระเยซูที่มุ่งชี้แจงให้บุคคลทั้งหลาย
ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า การเผยแพร่ศาสนาที่ได้ดำเนินอยู่นั้น
มิได้เป็นไปเพื่อการล้มล้างหรือยกเลิก
พระบัญญัติเดิมที่ชาวยิวได้นับถือสืบกันมาหากแต่ว่าเป็นการปฏิรูปคำสอนเดิมให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
5. ความโกรธ
คำสอนได้สะท้อนถึงข้อห้ามในพระธรรมบัญญัติเดิมที่ว่า อย่าฆ่าคน
แต่พระเยซูได้มาขยายคำสอนนี้ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
โดยชี้ให้ทุกคนพึงระวังในด้านจิตใจด้วยมิใช่ระวังแต่ทางกายเพียงทางเดียว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งความโกรธซึ่งเป็นอารมณ์ความรู้สึกอย่างหนึ่งที่ให้ผลในทางกาย
การฆ่ายากที่จะเกิดขึ้นได้ถ้าไม่มีความโกรธ
ความโกรธจึงเป็นอารมณ์ความรู้สึกที่ทุกคนต้องระวังอย่าให้เกิดขึ้นได้
ความในใจที่มีอยู่จะต้องปลดเปลื้องให้หมด
อย่าได้ติดค้างไว้เพราะสิ่งเหล่านี้เมื่อทับถมมากเข้าจะมีผลทางกาย
ในที่สุดทำให้เกิดการเข่นฆ่าทำลายล้างซึ่งกันและกัน
6. การล่วงประเวณี
คำสอนได้แสดงให้เห็นถึง
การปฏิรูปทางความคิดแต่เดิมที่มุ่งหมายเฉพาะการล่วงประเวณีที่เกิดขึ้นทางกายแต่พระเยซูได้สอนให้ลึกซึ้งไปกว่านี้
โดยเตือนให้ทุกคนระวังการล่วงประเวณีทางใจ ซึ่งเกิดจากความพอใจในทางจิตวิญญาณ
ดังนั้นถ้าร่างกายเราส่วนใดส่วนหนึ่งทำผิด ทำบาป ควรทำลายส่วนนั้นทิ้งเสีย
เพราะถึงจะเสียอวัยวะไปก็ดีกว่าตัวเราจะต้องลงนรก
7. การหย่าร้าง
คำสอนนี้แสดงให้เห็นถึงโลกทัศน์อันยาวไกลของพระเยซูที่เห็นว่า
แต่เดิมมาที่มีการอนุญาตให้บุคคลทั้งหลายหย่ากันอย่างง่าย
เพียงแค่ทำหนังสือหย่ากันก็เป็นการเพียงพอแล้วนั้น
เท่ากับเปิดโอกาสให้บุคคลไม่เกรงกลัวต่อบาป
การแต่งงานก็จะเกิดขึ้นเพราะความพอใจแต่ขาดความรับผิดชอบและการหย่าร้างก็จะมีมากขึ้น
จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีผู้ชี้นำและทำความเข้าใจในเรื่องนี้ก่อนที่สังคมจะเต็มไปด้วยคนทำชั่วเพราะความไม่รู้จริง
8. การสบถสาบาน
คำสอนนี้ได้ทำให้เห็นว่า
ให้บุคคลยึดถือสัจจะและความจริงใจอย่างมั่นคง
โดยไม่จำเป็นต้องไปอ้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือสิ่งอื่น ๆ
เพื่อเป็นหลักประกันคำพูดของตนเอง
คนที่มีจิตใจมั่นคงในคำสอนของศาสนาย่อมไม่กล่าวคำเท็จ
และมีความเชื่อมั่นในตนเองทำทุกอย่างด้วยความซื่อสัตย์
9. การตอบแทน
คำสอนนี้ได้แสดงให้เห็นว่าพระเยซูไม่ต้องการให้บุคคลทั้งหลายมีจิตใจอาฆาตแค้นต่อกัน
คำสอนในตอนนี้ทำให้นึกถึงการละอัตตาในพุทธศาสนา ตราบใดที่คนเรายังมีความ
ยึดมั่นถือมั่นในตัวตนของตนอยู่ก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรเพื่อผู้อื่นและพระเจ้าได้
10. รักศัตรู
คำสอนนี้สะท้อนให้เห็นถึงหลักแห่งความเมตตากรุณาต่อสัตว์โลกทั้งหลาย
แม้แต่ศัตรูผู้ที่คิดร้าย
บุคคลนั้นได้ชื่อว่ามนุษย์ที่สมบูรณ์เพราะสามารถต้านทานกิเลสในจิตใจได้
11. การทำทาน
คำสอนนี้ได้แสดงให้เห็นว่า
พระเยซูต้องการให้บุคคลทำดีจนเคยชินเป็นนิสัย
มากกว่าที่จะทำบุญเพื่อหวังบำเหน็จรางวัล
เพราะความดีที่แท้จริงคือการเป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ
12. การอธิษฐาน
คำสอนนี้แสดงให้เห็นว่าการสวดมนต์อธิษฐานด้วยความเคารพอย่างแท้จริงนั้น
ต้องไม่อวดตัวว่าเป็นผู้เคร่งศาสนาและเป็นผู้มีศีลมีสัตย์
ผู้ปฏิบัติต่อศาสนาด้วยความเคารพอย่างจริงใจ
13. การถืออดอาหาร
คำสอนนี้ สะท้อนให้บุคคลปฏิบัติทางศาสนาด้วยความเชื่อมั่น
การถืออดอาหารเป็นการปฏิบัติทางศาสนาที่ทุกคนควรเต็มใจทำ แต่ไม่ใช่จำใจทำ
เพราะนั่นไม่ใช่ความดีที่แท้จริง
14. ทรัพย์สมบัติในสวรรค์
คำสอนนี้
ทำให้เกิดแนวคิดในเรื่องการทำจิตให้หมดความยึดถือในทรัพย์สมบัติ ภายนอกกาย
แต่ความดียิ่งทำมากเท่าใดสวรรค์ย่อมเป็นที่ไปสำหรับบุคคลนั้น
15. ประทีปของร่างกาย
คำสอนนี้ทำให้เราคิดได้ว่าความสว่างในจิตใจนั้นเกิดจากมุมมองอันถูกต้องถ้าดวงตา
สามารถหยั่งเห็นสัจธรรมของชีวิตได้ การดำเนินชีวิตย่อมเป็นไปตามปกติ
16. พระเจ้าและเงินทอง
คำสอนนี้สะท้อนแนวคิดที่ว่า
คนเราไม่สามารถยึดถือเงินตราหรือพระเจ้าเป็น ที่พึ่งอาศัย โดยพร้อมกันทั้งสองอย่าง
แต่จะต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งด้วยความรักและสัตย์ซื่ออย่างหมดหัวใจ
และจะต้องหมิ่นประมาทอีกฝ่ายหนึ่ง เพราะนายทั้งสองนี้เป็นปฏิปักษ์ต่อกัน
17. ความกระวนกระวาย
คำสอนนี้ทำให้เห็นว่า
มนุษย์รักและศรัทธาในพระเจ้าก็ควรจะวางใจเชื่อ พระองค์
ให้คำนึงถึงแต่ปัจจุบันเท่านั้น และทำดีให้ถึงที่สุดของความดีนั้น
18. การกล่าวโทษผู้อื่น
คำสอนนี้ทำให้เกิดความคิดที่ว่า "บุคคลหว่านพืชเช่นใด ย่อมได้ผล
อย่างนั้น" เรากล่าวโทษผู้อื่นอย่างไร และเราก็จะถูกกล่าวโทษเช่นนั้นบ้าง
คนส่วนมากไม่ใคร่มอง ตนเอง แต่มักเพ่งโทษของผู้อื่น
จึงมองไม่เห็นความชั่วของตนทำให้เป็นผู้ที่โลกทัศน์มืดมัวและปัญญามืดบอด
19. ขอหาเคาะ
คำสอนนี้ได้แสดงให้เห็นว่าพระเจ้า
ย่อมมีน้ำพระทัยเมตตาแก่ผู้ทุกข์ยากที่ร้องขอความช่วยเหลือพระเจ้าย่อมไม่ทอดทิ้ง
พระองค์ดีต่อพวกเขาอย่างไร พวกเขาก็ควรที่จะดำเนินตามรอยพระองค์
ด้วยการปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างที่ปรารถนาจะให้ผู้อื่นปฏิบัติ เช่นนั้นต่อพวกเขา
20. ประตูคับแคบ
คำสอนนี้เป็นการเตือนสติบุคคลให้ดำรงตนอยู่ในความไม่ประมาทคนส่วนมากชอบความง่าย
ความสะดวกสบาย จึงพลาดต่อการทำผิดทำชั่ว จิตที่ชอบความสะดวกสบาย
จึงมีคนน้อยมากที่จะยอมประพฤติปฏิบัติความดีงามและยอมต้านกระแสความต้องการของโลก
คนส่วนมากเลือกประตูกว้างซึ่งเป็นทางที่สะดวกกว่าประตูที่คับแคบเช่นเดียวกับคนส่วนมากเลือกที่จะทำชั่วมากกว่าที่จะทำความดีเพราะการทำดีนั้นยากลำบาก
ต้องใช้ความอดทนและความพยายามอย่างสูง
21. รู้จักต้นไม้ด้วยผลของมัน
คำสอนนี้เป็นการเตือนใจบุคคลให้รู้จักเฟ้นบูชาบุคคลที่ควรบูชา
ไม่ศรัทธา เพียงเพราะเห็นว่ามีท่าทีน่าเลื่อมใส
แต่ให้ดูผลงานของบุคคลที่บอกถึงคุณค่าที่แท้จริงของเขา
22. เราไม่เคยรู้จักเจ้าเลย
คำสอนนี้ได้แสดงให้เห็นว่าบุคคลที่เอ่ยเรียกพระเจ้าบ่อยครั้ง
ไม่ได้หมายความว่าจะได้สิทธิอยู่ในอาณาจักรสวรรค์
เพราะปากที่เคยพร่ำถึงอยู่เสมอแต่ไม่เคยปฏิบัติตามคำสอนของพระเจ้าก็ไม่ได้ชื่อว่าเป็นคนดีที่แท้จริง
และเป็นคนที่พระเจ้าไม่เคยรู้จัก
23. รากฐานสองชนิด
คำสอนนี้เป็นตอนสุดท้ายที่ย้ำเตือนให้บุคคลทั้งหลาย
นำคำสอนที่กล่าวมาทั้งหมดตั้งแต่ต้นไปปฏิบัติซึ่งจะเกิดผลดีแก่เขาทั้งโลกนี้และโลกหน้า
อีกทั้งเป็นการเตือนสติบุคคลให้ดำเนินชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท
หลักคำสอนสำคัญอื่น ๆ
1. บาปกำเนิด คือ บาปที่ติดตัวมนุษย์มาตั้งแต่เกิด
2. ตรีเอกภาพ คือ พระเจ้าสูงสุดพระองค์เดียว แต่มี 3 สถานะ คือ พระบิดา พระบุตร
และพระจิต
3. ความรัก เป็นกฎทองคำของศาสนาคริสต์ กล่าวว่า "จงรักพระเจ้าสุดใจ
สุดความคิดสุดกำลัง" และ "จงรักเพื่อนบ้านเหมือนเจ้ารักตัวเอง"
4. อาณาจักรพระเจ้า คือ สภาวะจิตใจที่บริสุทธิ์