สังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์ การเมือง เศรษฐศาสตร์ >>
ผลเสียของ FTA ไทย-สหรัฐฯ
ประเด็นสำคัญที่ได้มีการถกเถียงกันมากที่สุด ในเรื่อง FTAไทย-สหรัฐฯ คือผลกระทบต่อการค้าและอุตสาหกรรมของไทย ซึ่งอาจแยกเป็นข้อ ๆ ได้ดังนี้
การค้าสินค้า
ประเทศไทยเป็นประเทศคู่ค้าอันดับ 18 ของสหรัฐฯ
และเป็นตลาดส่งออกสินค้าเกษตร อันดับ 16 ฝ่ายสหรัฐฯหวังว่า FTA
จะขยายการส่งออกของสหรัฐฯในไทย โดยการให้ฝ่ายไทยลดภาษีสินค้าต่าง ๆ ลง
รวมทั้งการลดอุปสรรคทางการค้าที่มิใช่ภาษีด้วย ซึ่งจากตัวเลขของรัฐบาลสหรัฐฯระบุว่า
สินค้าเกษตรของสหรัฐฯเจอปัญหาภาษีนำเข้าจากไทยซึ่งมีอัตราเฉลี่ย 35% นอกจากนี้
ไทยยังมีภาษี นำเข้าที่สูงในเรื่องของยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ด้วย
ซึ่งมีอัตราสูงถึง 80% ดังนั้น การมี FTA กับสหรัฐฯ
จะส่งผลกระทบในทางลบต่อตลาดสินค้าเกษตรของไทยและอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย
การจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ
การทำ FTA กับสหรัฐฯนั้น
สหรัฐฯต้องการทำแบบเดียวกับสิงค์โปร์คือ ต้องเปิดเสรีทุกสาขา
สำหรับในด้านการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ
สหรัฐฯต้องการให้ฝ่ายไทยมีมาตรการในการสร้างความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้าง
และต้องมีการปฏิบัติที่มีลักษณะไม่กีดกันบริษัทต่างชาติ โดยเฉพาะบริษัทของสหรัฐฯ
ทรัพย์สินทางปัญญา
ผลเสียอีกประการหนึ่งจากการทำ FTA กับสหรัฐฯ
คือเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งขณะนี้ฝ่ายไทยถูกจัดขึ้นบัญชีอยู่ในประเภท priority
watch list หรือประเทศที่ต้องเฝ้าติดตามเป็นพิเศษ ตามมาตรา 301 ของกฎหมายสหรัฐฯ
โดยทางฝ่ายสหรัฐฯได้อ้างว่า ในปีหนึ่ง ๆ
บริษัทสหรัฐฯสูญเสียรายได้ไปหลายร้อยล้านเหรียญอันเกิดจากการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในรูปแบบต่าง
ๆ ข้อเรียกร้องของสหรัฐฯนั้นมีอยู่มากมายหลายประการ อาทิ
การที่ฝ่ายไทยจะต้องปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการ IPR Action Plan
ซึ่งฝ่ายไทยได้ลงนามกับสหรัฐฯไปตั้งแต่ปี 1998
สหรัฐฯพยายามจะกดดันให้ไทยยอมรับข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ ในลักษณะที่สิงค์โปร์ยอมรับ
นอกจากนี้ สหรัฐฯจะให้ไทยแก้กฎหมายลิขสิทธิ์ซึ่งจะให้การปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาจาก 50 ปีเป็น 70 ปี และแก้กฎหมายลิขสิทธิ์ให้ครอบคลุมถึงทรัพย์สินทางปัญญาในรูปของสื่ออิเลคโทรนิคต่าง ๆ ทั้งในรูปแบบ soft ware และแผ่นดิสก์ต่าง ๆ
สหรัฐฯยังกดดันไทยในเรื่องของสิทธิบัตรยา ซึ่งเรื่องนี้เป็นประเด็นใหญ่ที่เป็นชนวนก่อให้เกิดการประท้วงการประชุมที่เชียงใหม่ เพราะได้มีการเข้าใจกันอย่างกว้างขวางว่า ต่อไปยาสามัญจะไม่ได้รับอนุญาต และไทยจะต้องซื้อยาในราคาแพงจากบริษัทยาของสหรัฐฯ ไทยยังถูกสหรัฐฯกดดันที่ต้องเข้าร่วมเป็นภาคีของข้อตกลงปารีส สนธิสัญญาด้านสิทธิบัตร รวมทั้งพิธีศาลมาดริดด้วย ดังนั้น จึงอาจสรุปได้ว่า FTA ไทย-สหรัฐฯ จะทำให้ไทยจะต้องปรับเปลี่ยนกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญาหลายเรื่อง
สำหรับในแง่ของผู้ชุมนุมประท้วงก็พยายามที่จะให้ฝ่ายไทยยกเลิกการประชุม FTA กับสหรัฐฯ เพราะเห็นว่าไทยจะเสียเปรียบในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา แต่สำหรับในแง่มุมของสหรัฐฯนั้น เรื่องทรัพย์สินทางปัญญาถือเป็นเรื่องหลักและเรื่องใหญ่ ในอดีตไม่ปรากฏว่ามีประเทศใดที่ลงนาม FTA กับสหรัฐฯ ที่จะไม่ยอมรับเงื่อนไขเกี่ยวกับสิทธิบัตรยา
การค้าภาคบริการ
สาขาอีกสาขาหนึ่งที่ไทยดูจะเสียเปรียบสหรัฐฯเป็นอย่างมาก
คือด้านการค้าภาคบริการซึ่งครอบคลุมหลายเรื่องทั้งเรื่องการเงิน การธนาคาร
การประกันภัย การโทรคมนาคม การค้าปลีก เป็นต้น
ซึ่งส่วนใหญ่บริษัทของไทยเสียเปรียบสหรัฐฯแทบทั้งสิ้น โดยเฉพาะที่น่าเป็นห่วงมากคือ
ในสาขาด้านการเงิน ได้มีกระแสออกมาเรียกร้องว่า การเปิดเสรีภาคการเงินให้กับสหรัฐฯ
จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อธนาคารและสถาบันทางการเงินของไทย นอกจากนี้
ยังมีประเด็นในเรื่องของการเปิดเสรีทางด้านโทรคมนาคมซึ่งเป็นเรื่องใหญ่อีกเรื่องหนึ่งด้วย
ด้านการลงทุน
สำหรับทางฝ่ายสหรัฐฯนั้น มองว่า FTA ไทย-สหรัฐฯ
จะปกป้องคุ้มครองผลประโยชน์ด้าน การลงทุนของสหรัฐฯในไทย การลงทุนของสหรัฐฯในไทย
ในปัจจุบันมีมูลค่าประมาณ 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ท่าทีของสหรัฐฯในเรื่องนี้คือการที่จะใช้ FTA
คงสถานะของสหรัฐฯภายใต้สนธิสัญญาความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับสหรัฐฯ
ซึ่งได้ให้สิทธิแก่บริษัทในสหรัฐฯ เทียบเท่ากับบริษัทของไทยในการลงทุนในไทย
ปัจจุบันมีบริษัทสหรัฐฯกว่า 1,000 บริษัท ได้ใช้สิทธิดังกล่าวในการทำธุรกิจในไทย
นอกจากนี้ สหรัฐฯยังจะกดดันไทยให้แก้ไขอุปสรรคต่าง ๆ ที่สหรัฐฯมองว่า เป็นอุปสรรคต่อนักลงทุนสหรัฐฯในไทย อย่างไรก็ตาม สำหรับท่าทีของไทยนั้น ต้องการที่จะให้มีการแก้ไขหรือยกเลิกสนธิสัญญากับสหรัฐฯ โดยฝ่ายไทยอ้างว่า สนธิสัญญาดังกล่าวขัดต่อหลัก MFN ของ WTO นอกจากนั้น ฝ่ายไทยยังถูกกดดันจากประเทศอื่น ๆ ที่มาลงทุนในไทยที่อยากจะมีสิทธิเหมือนเช่นบริษัทสหรัฐฯ
มาตรฐานแรงงานและสิ่งแวดล้อม
ประเด็นเรื่องมาตรฐานแรงงานและสิ่งแวดล้อม
เป็นประเด็นการเจรจาการค้าที่สำคัญของสหรัฐฯที่ทางสหรัฐฯพยายามกดดันทั้งในเวที WTO
และเวที FTA ทวิภาคีต่าง ๆ แต่สำหรับในเวที WTO นั้น
ข้อเสนอนี้ได้รับการต่อต้านอย่างหนักจากประเทศกำลังพัฒนา
เพราะถูกมองว่าเป็นมาตรการกีดกันทางการค้าในรูปแบบใหม่
โดยเอาเรื่องมาตรฐานแรงงานและสิ่งแวดล้อมมาเป็นข้ออ้าง สหรัฐฯจึงต้องถอยในเวที WTO
แต่ก็พยายามเอามาใส่ไว้ใน FTA ไทย-สหรัฐฯ
» ความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ ในยุควิกฤติเศรษฐกิจ
» ท่าทีไทยในช่วงหลังเหตุการณ์ 11 กันยาฯ
» การเจรจาเขตการค้าเสรีไทย-สหรัฐฯ
» การเจรจา
» ยุทธศาสตร์การเจรจา FTA ไทย-สหรัฐฯ
» ประเด็นปัญหาความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ
» สหรัฐอเมริกา : ภัยหรือโอกาสต่อไทย
» อนาคตของความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐอเมริกา
» ทางเลือกนโยบายไทยต่อสหรัฐฯ (Policy Options)
» บทสรุป