ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ บุคคลสำคัญ ประเทศและทวีป >>
ธรณีวิทยาของแผ่นเปลือกโลก
ผิวโลกบริเวณต่างๆ
มีลักษณะต่างกันบางแห่งเป็นที่ราบ บางแห่งเป็นภูเขา บางแห่งเป็นหุบเหว
และบางแห่งเป็นทะเลหรือมหาสมุทร นักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมัน ชื่ออัลเฟรด เวเจเนอร์
ได้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับเปลือกโลกว่า เมื่ออดีตประมาณ 225 ล้านปี
ผิวโลกส่วนที่เป็นแผ่นดินที่ยื่นขึ้นมาจากผิวน้ำมีเพียงทวีปเดียว
เป็นทวีปที่ใหญ่มาก เขาได้ตั้งชื่อทวีปนี้ว่า แพงเจีย (Pangaea)
เมื่อ 200 - 135 ล้านปีที่แล้ว แยกออกเป็น 2 ทวีปใหญ่ คือ ลอเรเชีย
ทางตอนเหนือ และกอนด์วานาทางตอนใต้ และเมื่อ 135 - 65 ล้านปีที่แล้ว
ลอเรเชียเริ่มแยกเป็นอเมริกาเหนือ และแผ่นยูเรเชีย ส่วนกอนด์วานาจะแยกเป็น
อเมริกาใต้ แอฟริกา ออสเตรเลีย แอนตาร์กติก และอินเดีย
นักธรณีวิทยาแบ่งแผ่นธรณีภาคของโลกออกเป็น 2 ประเภท คือ
แผ่นทวีปและแผ่นมหาสมุทรทั้ง 2 ประเภทรวมกันมี 13 แผ่น (กระทรวงศึกษาธิการ, 2546:
50)
- แผ่นทวีป เช่น แผ่นยูเรเชีย อินเดีย อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ อแฟริกา อาระเบีย
- แผ่นมหาสมุทร เช่น แผ่นแปซิฟิก แอนตาร์กติก คาริบเบีย คอคอส นาสกา
จากข้อมูลในปัจจุบันจะเห็นว่า ทวีปต่างๆ อยู่กระจายไปตามส่วนต่างๆ
ของโลกโดยมีมหาสมุทรและทะเล คั่นอยู่ระหว่างทวีปเหล่านั้น
และข้อมูลที่ได้จากการศึกษาค้นคว้า ในเวลาต่อๆ
มาพบว่าทวีปหรือแผ่นเปลือกโลกทั้งหลายมิได้อยู่กับที่ แต่จะมีการเคลื่อนที่ตลอดเวลา
การศึกษาของนักธรณีวิทยาพบว่า สิ่งต่างๆ ที่ประกอบกันเป็นเปลือกโลกนั้น
มิได้อยู่รวมติดกันเป็นแผ่นเดียวโดยตลอด แต่จะมีรอยแยกอยู่ทั่วไป
ซึ่งรอยแยกเหล่านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ลึกลงไปจากผิวโลก
จึงทำให้สามารถแบ่งเปลือกโลกเป็นแผ่น ๆ เรียกว่า แผ่นเปลือกโลก
นักธรณีวิทยาบ่งชี้ว่า มีแผ่นเปลือกโลกขนาดใหญ่ 6
แผ่นและแผ่นเปลือกโลกขนาดเล็กอีกหลายแผ่น
เปลือกโลกประกอบด้วยแผ่นเปลือกโลกขนาดใหญ่ 6 แผ่นดังนี้
- แผ่นยูเรเซีย
เป็นแผ่นเปลือกโลกที่รองรับทวีปเอเซียและทวีปยุโรป และพื้นน้ำ บริเวณใกล้เคียง - แผ่นอเมริกา
เป็นแผ่นเปลือกโลกที่รองรับทวีปอเมริกาเหนือและอออเมริกาใต้ แล พื้นน้ำครึ่งซีกตะวันตกของมหาสมุทรแอตแลนติก - แผ่นแปซิฟิก
เป็นแผ่นเปลือกโลกที่รองรับมหาสมุทรแปซิฟิก - แผ่นออสเตรเลีย
เป็นแผ่นเปลือกโลกที่รองรับทวีปออสเตรเลียและประเทศอินเดีย และพื้นน้ำระหว่างประเทศออสเตรเลียกับประเทศจีน - แผ่นแอนตาร์กติก
เป็นแผ่นเปลือกโลกที่รองรับทวีปแอนตาร์กติก แและพื้นน้ำโดยรอบ - แผ่นแอฟริกา
เป็นแผ่นเปลือกโลกที่รองรับทวีปแอฟริกา และพื้นน้ำรอบๆ ทวีปแอฟริกา
เพลตเหล่านี้มีรูปทรงรับกันตามรอยต่อของเพลต
รอยต่อของเพลตเหล่านี้แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
- สันเขาในมหาสมุทร (oceanic ridges) เป็นรอยต่อที่เพลตเคลื่อนที่แยกกัน โดยมีหินละลายปะทุขึ้นมาตามรอยแยก ก่อเกิดเป็นเปลือกโลกรุ่นใหม่
- รอยเลื่อนแปรสภาพ (transform faults) เป็นรอยต่อที่เพลตเคลื่อนที่เฉียดกัน
- เขตมุดตัวของเปลือกโลก (subduction zones) เป็นรอยต่อที่เพลตเคลื่อนที่ปะทะกัน แล้วเพลตหนึ่งมุดตัวลงข้างใต้อีกเพลตหนึ่ง ทำให้เปลือกโลกส่วนที่มุดนั้น หายลงไปในชั้นแมนเทิล
ทั้งนี้ รอยต่อของเพลตที่ซับซ้อนที่สุด เป็นรอยต่อที่เพลตสามเพลตปะทะกัน เรียกว่า รอยต่อสามผสาน (triple junction) รอยต่อลักษณะนี้อาจประกอบด้วยรอยต่อต่างๆ ทั้งสามประเภทผสมผสานกัน และแผ่นดินไหวส่วนใหญ่เกิดขึ้นตามแนวรอยต่อระหว่างเพลต แม้รอยต่อระหว่างเพลตมีอยู่ด้วยกัน 3 ประเภทก็ตาม แต่เราแบ่งแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นตามแนวรอยต่อเหล่านี้ออกเป็น 4 ประเภท คือ
- แผ่นดินไหวตื้น ที่เกิดขึ้นบริเวณสันเขาในมหาสมุทร
- แผ่นดินไหวตื้น ที่เกิดขึ้นตามรอยเลื่อนแปรสภาพ เช่น รอยเลื่อนซานอันเดรียส ทางด้านตะวันตกของทวีปอเมริกาเหนือ
- แผ่นดินไหวตื้น แผ่นดินไหวลึกปานกลาง และแผ่นดินไหวลึก ที่เกิดขึ้นตามแนวมุดตัวของเปลือกโลก บริเวณแนวโค้งภูเขาไฟ
- แผ่นดินไหวตื้น แผ่นดินไหวลึกปานกลาง และแผ่นดินไหวลึก ที่เกิดขึ้นตามแนวเทือกเขาสำคัญ ๆ เช่น เทือกเขาหิมาลัย เทือกเขาฮินดูกูฏ แนวแผ่นดินไหวนี้เริ่มจากบริเวณเมดิเตอเรเนียน จนเกือบถึงประเทศจีน
เมื่อ เพลตเทคโทนิกส์ แยกออกจากกันตามแนวแกนของสันเขากลางมหาสมุทร
ขณะที่เพลตแยกออกจากกัน มีรอยเลื่อนและการปะทุของลาวา ปรากฏขึ้นตรงรอยแยก
ก่อให้เกิดภูเขาและผาชันตามแนวดังกล่าว บริเวณนี้เป็นแหล่งกำเนิดแผ่นดินไหว
แนวภูเขาไฟ แถบแม่เหล็กสลับขั้วในหิน 2 ด้านของรอยแยก
มีการไหลถ่ายความร้อนปริมาณสูงกว่าบริเวณอื่นบนเปลือกโลกหลายเท่า
และการยกตัวของภูมิประเทศ พบว่าภูเขาไฟกว่า 200 แห่ง
เรียงรายอยู่ตามแนวยกตัวของพื้นทะเล ภูเขาไฟหลายแห่งยังมีพลัง
การไหลถ่ายความร้อนมีปริมาณสูงมาก
นอกจากนี้ยังปรากฏรอยแยกขนาดใหญ่อันเกิดจากแรงดึงนี้
ตามแนวยกตัวบริเวณเกาะไอซ์แลนด์เป็นจำนวนมาก สามารถมองเห็นได้ชัดเจน
เมื่อมีการเคลื่อนที่ขึ้นลงตรงรอยแยกเหล่านี้ ก่อให้เกิดสันเขาบล็อกรอยเลื่อน
(fault block ridges) เรียงรายคล้ายขั้นบันไดยักษ์ไปตามร่องหุบเขา
แม้ลาวามีการปะทุขึ้นมาในระยะเวลาอันสั้น แต่ปรากฏการณ์นี้ก็เกิดขึ้น บ่อยๆ
ตลอดห้วงเวลาอันยาวนานที่ผ่านมา
ทวีปส่วนใหญ่ตั้งอยู่บนเพลต ที่มีรอยต่อระหว่างเพลต
อันเป็นศูนย์กลางการเคลื่อนที่อยู่ในมหาสมุทร
รอยแยกของเพลตแอฟริกากับเพลตยูเรเชียทำให้เกิดทะเลแดง
และรอยแยกของเพลตแปซิฟิกกับเพลตอเมริกาเหนือ ทำให้เกิดอ่าวแคลิฟอร์เนีย
เป็นที่น่าประหลาดใจว่า ทั้งที่ทวีปเคลื่อนที่แยกกันไปเป็นเวลานานแล้ว
กลับสามารถนำมาปะติดปะต่อกันตามแนวชายฝั่งทวีปได้อีก
เหมือนเมื่อทวีปเพิ่งเริ่มเคลื่อนที่ครั้งแรก