ขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม อารยธรรม >>
ประวัติความเป็นมาของขนบธรรมเนียมประเพณีทหารเรือ
ขนบธรรมเนียมประเพณีของทหารเรือ
ประเพณีทหารเรืออื่น ๆ
มรรยาทบางอย่างของทหารเรือ
ขนบธรรมเนียมประเพณีของทหารเรือ
การตีระฆังเรือบอกเวลา
การตีระฆังเรือบอกเวลากระทำทุกครึ่งชั่วโมง และตีสูงสุดเพียง 8 ทีเท่านั้น
โดยจัดตีเป็นคู่ 4 คู่ ทุกครั้งที่นาฬิกาบอกเวลาชั่วโมง
ระฆังเรือจะตีคู่และทุกครึ่งชั่วโมง ระฆังเรือจะตีจำนวนขอน การตี 1 ทีนั้นเริ่มเวลา
0030 ฉะนั้นในวันหนึ่ง ๆ ระฆังเรือจะตีบอกเวลากลับไปกลับมา 6 รอบด้วยกัน
ประเพณีในเรื่องนี้จะมีมาอย่างไร ยังไม่พบเรื่องแสดงไว้เป็นหลักฐานแน่ชัด
ได้แต่สันนิษฐานเอาว่า ในสมัยก่อนการเข้ายามของชาวเรือเข้าครั้งละ 4 ชั่วโมง
คือเริ่มตั้งแต่ระฆังตี 8 ที จนถึงระฆังตี 8 ที เพื่อไม่ให้ต้องจดจำมาก
ก็ให้จำไว้แต่เพียงว่าจะมีการเปลี่ยนยามทุก ๆ ครั้งที่ระฆังตี 8 ที
และระฆังที่ตีเพิ่มขึ้นแต่ละครั้งนั้นหมายความว่าเวลาที่ล่วงไปทุกครึ่งชั่วโมง
ในสมัยนั้นใช้นาฬิกาทรายทุกครั้งที่ทรายไหลหมดเป็นเวลาชั่วโมง
ยามจะต้องคว่ำนาฬิกาทรายกลับในทางตรงกันข้าม พร้อมกับตีระฆัง 1 ที
เพื่อแสดงว่ากำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ ดังนั้น เวลา 1
ชั่วโมงที่ต้องเข้ายามจึงข้องคว่ำนาฬิกาทราย 8 ครั้ง จึงตีระฆังทั้งสิ้น 8
ทีในการเข้ายาม 1 ผลัด การเข้ายามผลัดละ 4
ชั่วโมงนี้แม้ในสมัยปัจจุบันก็ยังคงใช้อยู่สำหรับนายทหารยามเรือเดิน
แต่มีเปลี่ยนแปลงบ้างเล็กน้อยเพื่อให้เหมาะสมขึ้น
นอกจากนั้นก็มีเรื่องเล่ากันว่าการตีระฆัง 8
ทีนี้เป็นการแสดงความเคารพเทพเจ้าทั้ง 8 องค์ ซึ่งประจำอยู่ 8 ทิศ เทพเจ้าทั้ง 8
องค์นี้มีชื่อเรียกต่าง ๆ กันตามศาสนาและประเพณีของฝรั่ง เช่น Jupiter; Mar Venus
ฯลฯ
ซึ่งต่อมาได้เอามาตั้งเป็นชื่อของดวงดาวโดยถือว่าเทพเจ้าแต่ละองค์ประจำดวงดาวนั้น ๆ
และก็มีนิทานท้ายเรือเล่าประกอบกันอยู่อีกหลายเรื่องด้วยกัน
เช่นเล่าว่าทุกปีจะต้องส่งมนุษย์ไปสังเวยแก่มังกรไฟซึ่งเป็นเจ้าทะเลอยู่ในขณะนั้น
โดยมังกรไฟจะขึ้นมาเลือกคนเอาเอง เมื่อถึงกำหนดเจ้าเมืองจะจัดเรือส่งไปหนึ่งลำ
เมื่อเรือไปถึงถ้ำมังกรไฟได้ทำพิธีเชิญมังกรไฟขึ้นมา
มังกรไฟได้เลือกเอาตัวนายเรือลำนั้น
นายเรือลำนั้นจึงขอผลัดไว้ว่าจะยอมให้กินเมื่อระฆังตี 9 ที
มังกรไฟก็ยอมและลงไปคอยอยู่ในถ้ำใต้บาดาล
นายเรือผู้นั้นจึงคิดเปลี่ยนการตีระฆังเรือมาตีอย่างมาก 8 ที
ตั้งแต่นั้นมามังกรไฟจึงต้องนอนคอยจนกระทั่งบัดนี้
นอกจากนี้ยังมีนิทานท้ายเรือเรื่องผีเสื้อสมุทรเกาะร้างกลางทะเลและอื่น ๆ
อีกหลายเรื่องแต่ละเรื่องมีเนื้อหาในการเล่าคล้าย ๆ กัน จบด้วยการที่ไม่ตีระฆังเกิด
8 ทีนั้น ก็เพราะความเปลี่ยนใจของนายเรือเป็นต้นเหตุ
นิทานท้ายเรือนั้น
เป็นเรื่องที่จะเชื่อได้หรือไม่เพียงไรขอให้อยู่ในดุลพินิจของท่านเองเพราะบางครั้งคนโบราณก็คิดสิ่งที่ดีเป็นประโยชน์ขึ้นมาแต่เกรงคนจะหลงลืม
เช่น เล่าเรื่องนกยูงว่าจะออกจากรัง ก็สวดมนต์กลับมาก็สวดมนต์ จึงแคล้วคลาดอันตราย
วันหนึ่งนกยูงลืมสวดมนต์จึงได้รับอันตราย ดังได้กล่าวไว้ในโมระปริตสูตร
จุดสำคัญก็เพื่อจะให้จำมนต์บทนั้นได้ดังนี้ เป็นต้น
อย่างไรก็ดีประเพณีการตีระฆังเรือ 8 ทีนี้
ได้ถือเป็นประเพณีทั่วกันเว้นแต่ในราชนาวีอังกฤษได้มีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง
คือระฆังจะตี 1 ทีแทน 5 ที เมื่อเวลา 1830
การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นหลังจากก่อการกำเริบที่โนร. เนื่องจากเสียงระฆังเรือ 5 ที
เมื่อเวลากลับนั้นเป็นสัญญาณในการลงมือก่อการกำเริบ ซึ่งได้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13
พฤศจิกายน พ.ศ.2340 นอกจากนั้นราชนาวีอังกฤษในเวลากลางคืน เมื่อถึงเวลา 5
นาทีจะเปลี่ยนยาม ระฆังเรือจะตีเบา ๆ 1 ที (Little one Bell)
เพื่อเป็นการแสดงว่าให้ยามใหม่มาเข้าแถวรวมกัน คำว่า Little one Bell
จึงเป็นภาษาที่ใช้เรียกผู้ที่ชอบมารับยามช้าจนติดนิสัยอีกด้วย
ในราชนาวีองกฤษยังมีประเพณีเก่าแก่ในการให้นายทหารอายุน้อยที่สุดตีระฆัง 16
ที เมื่อเวลาเย็นวันจะขึ้นปีใหม่
ซึ่งอาจจะเป็นประเพณีสืบเนื่องมาจากประเพณีของชาวโรมันในการลดยศและตำแหน่งเมื่อเปิดพิธีตรุษ
การเคารพด้วยนกหวีดเรือ
การกระทำความเคารพท้ายเรือ
ประเพณีการเคารพของทหารเรือ
การเคารพระหว่างเรือต่อเรือ
การยิงสลุต
การอวยพรระหว่างเรือ
พิธีวางกระดูกงูเรือ
พิธีปล่อยเรือลงน้ำ
พิธีรับมอบเรือ
พิธีขึ้นระวางประจำการ
พิธีฉลองเรือในต่างประเทศ
พิธีสวนสนามทางเรือ
พิธีบูชาแม่ย่านางเรือ
พิธีข้ามอีเควเตอร์
พิธีปลงศพในทะเล
การตั้งชื่อเรือ
การไว้ทุกข์ของเรือ
การชักหวูดเรือ
การสละเรือใหญ่
การประดับเหรียญตราที่อกซ้าย
การตีระฆังเรือบอกเวลา
ทางเดินบนดาดฟ้าเรือ
ทางขึ้นลงเรือใหญ่
การขึ้นลงเรือใหญ่
ระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับเรือเล็ก
เครื่องแบบทหารเรือ
วิธีซ่อนทรัพย์ในเรือ
ทำไมภายในห้องเรือรบสมัยโบราณจึงทาสีแดง
ช่องกระจก